[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 406 : เจ้าห้ามมอง!

ร่างอ่อนช้อยบอบบางของเทพธิดาฉินตกลงไปในทะเลที่เย็นยะเยือก ก่อนจะค่อยๆจมลึกลงไปถึงเอวที่คอดเว้า โชคดีที่ชุดกระโปรงบานสีขาวพอตัวขึ้น ทำให้ร่างที่สวยราวเทพธิดานั้นจมลงไปเพียงแค่ครึ่งเดียว

ร่างขาวกระเพื่อมขึ้นกระเพื่อมลงตามแรงคลื่น ดูคล้ายกับดอกบัวสีขาวสวยงามที่กำลังลอยอยู่กลางทะเล จากนั้นร่างของเทพธิดาฉินก็ถูกคลื่นซัดจมลงไปในน้ำ

หลิงหยุนที่อยู่ห่างออกไปราวสิบเมตรได้แต่ตกตะลึงในความงดงาม และมัวแต่จ้องมองด้วยความชื่นชม ก่อนจะพบว่าฉินตงเฉี่วยมีอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด!

“อะไรกัน? นี่น้าหญิงว่ายน้ำไม่เป็นจริงรึ?!”

ท้องทะเลในยามนี้ ลมและคลื่นค่อนข้างรุนแรง คลื่นลูกแล้วลูกเล่าซัดเข้าใส่ฉินตงเฉี่วยไม่หยุดหย่อน มือขวาของนางถือกระบี่ในมือชูขึ้น และกระโปรงที่เปียกชุ่มไปด้วยน้ำก็ค่อยๆจมหายไป นางเริ่มสูญเสียการทรงตัว และร่างก็ค่อยๆเอียงลงเรื่อย..

ในที่สุดร่างของฉินตงเฉี่วยก็จมลงในน้ำทะเลทันที..

“ช่วยข้าด้วยสิ! นี่…”

ดูเหมือนฉินตงเฉี่วยจะว่ายน้ำไม่เป็นจริงๆ ทันทีที่จมลงไปในทะเล นางก็กรีดร้องพร้อมกับตะโกนของความช่วยเหลือ ระหว่างที่ร้องตะโกนนั้น คลื่นก็ยังคงซัดเข้าที่ใบหน้าไม่หยุดหย่อน และน้ำก็เริ่มเข้าไปในปากของนาง แต่หลังจากที่ได้ลิ้มรสเค็มของน้ำทะเล นางก็ไม่กล้าอ้าปากร้องตะโกนอีกเลย และร่างของนางก็ค่อยๆจมหายไปในที่สุด!

‘นี่นางว่ายน้ำไม่เป็นจริงๆงั้นรึ!’

หลิงหยุนได้แต่ครุ่นคิดเมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือกจากนาง ทันทีที่ได้สติเขาก็รีบว่ายเข้าไปยังตำแหน่งที่ฉินตงเฉี่วยจมหายไป และดำดิ่งตามลงไปทันที

หลิงหยุนดำลงไปในทะเลลึกพร้อมกับลืมตาเพื่อมองหาร่างของฉินตงเฉี่วย ใต้ท้องทะเลนั้นทั้งมืดและกระแสก็น้ำเชี่ยวกราก แต่ถึงกระนั้นก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการมองเห็นของหลิงหยุนแม้แต่น้อย เขามองเห็นร่างของฉินตงเฉี่วยที่กำลังจมดิ่งลงใต้ทะเลลึกอย่างรวดเร็วอยู่ด้าหน้า!

“ฮ่า.. ฮ่า.. จะจมน้ำตายอยู่แล้วยังห่วงแต่กระบี่ในมือ น้าหญิงนี่จริงๆเลย!”

หลิงหยุนเห็นฉินตงเฉี่วยที่กำลังดิ้นรนอยู่ใต้น้ำ แต่มือขวายังคงกำกระบี่ด้ามนั้นไว้แน่น เขาถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา และรีบว่ายเข้าไปหาร่างของนางอย่างรวดเร็ว

ภายใต้ท้องทะเลที่เต็มไปด้วยกระแสน้ำที่รุนแรง ประกอบกับฉินตงเฉี่วยที่ดิ้นรนด้วยความตระหนกตกใจ จึงทำให้นางจมลึกลงไปราวเจ็ดถึงแปดเมตรในเวลาอันรวดเร็ว กระโปรงสีขาวกระเพื่อมไปตามแรงน้ำ และผมยาวสีดำก็สยายออก ร่างสีขาวที่ลอยกระเพื่อมตามนั้นดูแล้วช่างสวยงามยิ่งนัก

ยิ่งฉินตงเฉี่วยตระหนกตกใจมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งดิ้นรนมากเท่านั้น จึงยิ่งทำให้จมลงไปลึกและรวดเร็วมากขึ้น ภายในเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที นางก็จมลงไปลึกถึงเจ็ดหรือแปดเมตรแล้ว

โดยธรรมชาติของผู้ที่ว่ายน้ำไม่เป็นนั้น จะมีความหวาดกลัวการจมน้ำอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับว่าจะเป็นยอดฝีมือขั้นใหน อีกทั้งตอนนี้พลังชี่ในร่างของนางก็หมดลงแล้ว และตอนนี้ร่างทั้งร่างก็จมอยู่ใต้ทะเล นางจึงไม่ต่างจากคนธรรมดาคนหนึ่ง!

หลิงหยุนนั้นว่ายน้ำเก่งมาก ร่างของเขาคล่องแคล่วไม่ต่างจากปลา และเพียงในเวลาไม่ถึงสองสามวินาที เขาก็สามารถคว้าร่างของฉินตงเฉี่วยที่กำลังจมลงไปขึ้นมาได้ แขนที่แข็งแรงของหลิงหยุนงอล็อคร่างของนางไว้ ก่อนจะพาทะยานขึ้นสู่ผิวน้ำ

ในเวลานั้นเอง ผ้าคลุมสีขาวที่ฉินตงเฉี่วยใช้ปิดบังใบหน้าไว้นั้น ก็ถูกกระแสน้ำพัดพาไปแล้ว และนางเองก็หวาดกลัวจนต้องกอดแขนหลิงหยุนไว้แน่น!

ระหว่างที่ทั้งสองคนทะยานพุ่งขึ้นสู่ผิวน้ำนั้น หลิงหยุนเองก็ถึงกับตกใจเมื่อได้เห็นใบหน้าที่สวยงามอย่างหาใครเปรียบไม่ได้ของฉินตงเฉี่วย และเห็นนางกำลังสำลักน้ำทะเลอย่างรุนแรง..

หลิงหยุนได้แต่หวาดกลัวจนใจสั่นไปหมด เขาได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้น้าหญิงของเขาเป็นอะไรไปเลย ไม่เช่นนั้นแล้วแม่คงต้องฆ่าเขาตายแน่?

อีกทั้งหากยอดฝีมือระดับสูงสุดของขั้นเซียงเทียน-3 จมน้ำทะเลตาย คงจะเป็นข่าวลือที่แพร่สะพรัดและพูดกันอย่างสนุกปากแน่?

หลิงหยุนจำเป็นต้องช่วยชีวิตคนอย่างเร่งด่วน! เขาจึงหมุนร่างของฉินตงเฉี่วยให้หันหน้ามาเผชิญกับหน้าของตัวเอง

หลิงหยุนมองใบหน้าสวยงามที่อยู่ในระยะกระชั้นชิดด้วยความหวาดกลัว แต่เมื่อเห็นฉินตงเฉี่วยที่กำลังสำลักน้ำทะเลอย่างรุนแรง เขาจึงตัดสินใจแนบริมฝีปากของตนเองลงบนริมฝีปากเล็กของฉินตงเฉี่วยไว้ และริมฝีปากของทั้งคู่ก็สัมผัสกัน!

ในระหว่างนั้น หลิงหยุนยังคงพาร่างของทั้งเขาและฉินตงเฉี่วยทะยานขึ้นสู่พื้นน้ำ..

“…!”

ฉินตงเฉี่วยดิ้นรน และจู่ๆก็สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากริมฝีปากของหลิงหยุน จากนั้นน้ำทะเลก็หยุดทะลักเข้าไปในปากของนางอีก และนางก็หยุดสำลักน้ำทันที! แต่ดวงตาของนางกลับเบิกโพลงแทน!

ดวงตาสองข้างของเทพธิดาฉินจ้องมองหลิงหยุนด้วยความตกใจยิ่งกว่าตอนนที่ตกลงไปในน้ำทะเลเสียอีก อีกทั้งยังดิ้นรนหนักกว่าเดิม!

มือซ้ายของหลิงหยุนโอบเอวของฉินตงเฉี่วยไว้แน่น ส่วนมือขวาก็ทำการแหวกว่ายอยู่ในน้ำ หลิงหยุนมองเห็นอากัปกิริยาทุกอย่างของนางได้อย่างชัดเจน – แววตาของนางนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว และดุร้ายราวกับปีศาจ!

ระหว่างที่ริมฝีปากประกบกันอยู่นั้น หลิงหยุนก็ได้ถ่ายเทอากาศเข้าไปในช่องปากของนางเพื่อช่วยในการหายใจ ขณะเดียวกันก็รีบทะยานตัวขึ้นสู่ผิวน้ำให้เร็วที่สุด แม้ว่าหลิงหยุนจะใช้กำลังเต็มที่ แต่ก็ยังใช้เวลาไปเกือบสี่วินาที!

และทันทีที่ทั้งคู่โผล่พ้นน้ำ หลิงหยุนก็รีบดึงริมฝีปากของตนเองออกจากริมฝีปากปากของฉินตงเฉี่วยทันที พร้อมกับรีบอธิบายอย่างไม่รีรอ..

“น้าหญิง.. อย่างเพิ่งด่าข้า ข้าทำแบนนั้นเพื่อช่วยชีวิตท่าน!”

ฉินตงเฉี่ยวที่หัวเพิ่งจะโผล่พ้นน้ำ จึงรีบตะกุยตะกายกอดหลิงหยุนไว้แน่น จนลืมไปว่าร่างของเธอกำลังแนบอยู่กับร่างของหลิงหยุน..

หลิงหยุนรีบผละร่างของตนเองออกห่างจากร่างของฉินตงเฉี่วยเล็กน้อย และรีบเอ่ยปากขอโทษนางพร้อมกับบอกไปว่า

 “น้าหญิง ท่านไม่เป็นไรแล้ว ข้าจะพาท่านขึ้นฝั่งก่อน!”

หลังจากที่ฉินตงเฉี่วยหายใจเอาอากาศเข้าไปได้สองสามเฮือก นางก็นึกถึงภาพที่น่าอายเมื่อครู่ขึ้นมาได้ จึงเงื้อมือซ้ายขึ้นเตรียมตบหน้าหลิงหยุน!

หลิงหยุนรู้ดีว่าฉินตงเฉี่วยกำลังโกรธสุดขีด! ระหว่างที่กำลังว่ายน้ำเข้าฝั่งนั้น มือซ้ายของหลิงหยุนยังคงโอบเอวของนางไว้แน่น แต่ดวงตากลับจ้องมองฉินตงเฉี่วยแน่วแน่ พร้อมกับรอรับการลงโทษจากนาง..

มือของฉินตงเฉี่วยเงื้อค้างอยู่กลางอากาศ นางพายายามอยู่หลายครั้ง แต่กลับตบลงไปที่ผิวน้ำแทนใบหน้าของหลิงหยุน

สำหรับฉินตงเฉี่วยในเวลานี้ อาการสำลักน้ำทะเลกลายเป็นเรื่องเล็กไปแล้ว แต่จูบแรกของนางในวัยยี่สิบเจ็ดปี กลับตกเป็นของเจ้าเด็กตัวแสบ และนางก็ไม่สามารถลงโทษเขาได้

ฉินตงเฉี่วยกัดริมฝีปากแน่น และรับรู้ได้ว่าหลิงหยุนยังคงกอดเอวของนางนิ่งอยู่กลางทะเล จึงดุใส่เขา

“เจ้าจะนิ่งอยู่ทำไม? ยังไม่รีบพาข้าเข้าฝั่งอีก!”

เมื่อสัมผัสได้ว่าน้าหญิงไม่คิดที่จะทำโทษเขาแล้ว หลิงหยุนก็ได้แต่ยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาว และพูดขึ้นว่า

“น้าหญิง.. ถ้าท่านอยากจะไปให้ถึงฝั่งเร็วๆ การว่ายคู่กันไปแบบนี้จะช้ามาก!”

ฉินตงเฉี่วยถามกลับเสียงดุ “แล้วแบบใหนถึงจะเร็ว!?”

หลิงหยุนยกมือขึ้นเช็ดน้ำบนใบหน้าออก พร้อมกับจ้องมองเทพธิดาฉินที่สวยงามและตอบไปว่า

“ท่านต้องนอนหงายหน้าขึ้นด้านบน ส่วนข้าที่อยู่ด้านล่างจะเป็นคนพาท่านเข้าฝั่งเอง แบบนี้จึงจะเป็นการลดแรงต้านทานของกระแสน้ำได้”

ฉินตงเฉี่วยคิดถึงการเคลื่อนไหวในแบบที่หลิงหยุนพูดแล้วก็ได้แต่หน้าแดง แต่ก็ตอบกลับไปเสียงห้วน

“ถ้างั้นก็รีบๆเร็วเข้า แต่อย่าให้โดนพื้นที่ส่วนตัวของข้าเข้าล่ะ! ไม่เช่นนั้นเจ้าจะได้รู้แน่ว่าขึ้นฝั่งแล้วข้าจะลงโทษเจ้ายังไง?!”

หลิงหยุนยิ้มกว้างพร้อมกับโอบร่างของฉินตงเฉี่วยไว้ด้วยแขนหนึ่งข้าง ปล่อยให้ร่างของนางลอยตัวอยู่ด้านบน ส่วนร่างของเขาอยู่ใต้น้ำ และใช้มือขวาว่ายตรงเข้าฝั่ง

ระยะทางที่ห่างจากฝั่งราวสิบเมตรนั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่โตสำหรับหลิงหยุนแม้แต่น้อย และเพียงแค่สิบวินาที หลิงหยุนก็มาถึงบริเวณที่เท้าสามารถเหยียบพื้นทรายด้านล่างได้แล้ว และเมื่อไปถึงตรงตำแหน่งที่ระดับน้ำทะเลอยู่เพียงแค่หน้าท้อง เขาก็ค่อยๆ ปล่อยร่างของฉินตงเฉี่วย แล้วเพียงแค่ประคองนางขึ้นฝั่ง

“เอาล่ะ.. ปล่อยข้าได้แล้ว!”

เมื่อใกล้ถึงหาดทราย ฉินตงเฉี่ยวก็ปลดแขนของหลิงหยุนออก และทั้งคู่ก็เดินขึ้นฝั่งไป

หลิงหยุนเดินตามฉินตงเฉี่วยไปอย่างระมัดระวัง!

ตอนนี้ฉินตงเฉี่วยเปียกชุ่มไปทั่วทั้งร่าง และชุดสีขาวของนางก็แนบเข้ากับร่างที่สวยงาม รูปร่างงดงามสมส่วนของนางกำลังเปิดเผยต่อสายตาของหลิงหยุน

เมื่อฉินตงเฉี่วยเดินออกไปได้ราวเจ็ดแปดก้าว และเมื่อเท้าของนางก็สัมผัสเข้ากับพื้นชายหาดที่แห้งสนิท จิตใจของนางจึงกลับสู่ความสงบอีกครั้ง

นางสังเกตเห็นว่าหลิงหยุนไม่เดินตามมา จึงได้แต่หันหลังกลับไปมองพร้อมกับร้องถามขึ้นว่า

“ทำไมเจ้ายังไม่ขึ้นมาจากน้ำอีก? มาเถอะ.. น้าหญิงไม่ทำโทษเจ้าหรอก!”

ฉินตงเฉี่วยรู้ดีว่าที่หลิงหยุนทำลงไปนั้น เพราะตั้งใจที่จะไม่ให้นางสำลักน้ำทะเล และทำไปด้วยเจตนาที่บริสุทธิ์ อีกทั้งสายตาของหลิงหยุนในเวลานั้นตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่ได้บ่งบอกว่ามีความคิดที่ชั่วช้าลามกแม้แต่น้อย ซึ่งนางเองก็เห็นอย่างชัดเจน!

“อะไรกัน?!”

ทันทีที่ฉินตงเฉี่วยเพ่งมองสายตาของหลิงหยุน นางจึงได้สติและก้มมองดูร่างของตนเอง และพบว่าชุดกระโปรงสีขาวของนางนั้น ได้แนบสนิทกับเรือนร่างบอบบางจนแทบเป็นเนื้อเดียวกัน!

ฉินตงเฉี่วยถึงกับตกใจและอึ้งไป! จากนั้นร่างของนางก็เคลื่อนที่ไปอยู่ตรงหน้าหลิงหยุนอย่างรวดเร็ว พร้อมกับยกเท้าขึ้นถีบร่างของหลิงหยุนจนกระเด็น และลอยออกไปกลางทะเลไกลถึงเมตร!

“ใครให้เจ้ามอง!”

ฉินตงเฉี่วยร้องขึ้นด้วยความโมโห จากนั้นร่างของเธอก็หายไปท่ามกลางความมืด และไปโผล่อยู่ในกลางป่าลึกห่างออกไปไกลถึงสี่ร้อยเมตร!

 “ช่างน่าอับอายที่สุด!” ฉินตงเฉี่วยทั้งอับอายและขุ่นเคือง นางโกรธจนตัวสั่นและทั่วทั้งร่างตั้งแต่หัวจรดเท้าก็แดงไปหมด

ฉินตงเฉี่วยรีบเงี่ยหูฟังการเคลื่อนไหวรอบๆตัว เมื่อเห็นว่าเงียบสงัดไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ นางจึงถอดเสื้อผ้ามาบิดน้ำทะเลออกให้แห้ง แล้วจึงใส่กลับเข้าไปอีกครั้ง

จากนั้นก็จัดการบิดน้ำทะเลออกจากผมที่เปียก เพื่อให้น้ำไม่หยดลงตามเสื้อผ้าของนางอีก

“มันยังคงแนบร่างของข้าอยู่นิดหน่อย ข้าจะทำอย่างไรดีล่ะ?” นางมองเสื้อผ้าที่ยังคงแนบร่างบอบบางแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ

“เฮ้อ.. วันนี้เป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกอับอายและเสียหน้าที่สุด!”

ฉินตงเฉี่วยเดินไปแล้วก็คอยดึงเสื้อผ้าที่แนบร่างออกจากตัว มุ่งหน้ากลับไปที่ทะเลอีกครั้ง

ฉินตงเฉี่วยเห็นหลิงหยุนที่ใส่เสื้อผ้าเรียบร้อย กำลังนั่งเหม่อมองท้องทะเลอยู่ที่ชายหาด คล้ายกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่

“เจ้าเด็กดื้อ.. ยังไม่มาขอขมาข้าอีก!”