ตอนที่ 391 แต่งเข้าตระกูลซู!

ทุกคนที่นั่นตกตะลึง!

กระทั่งซูเจิ้นหางที่วางท่าทีนิ่งเฉยอยู่ตลอด ยังผุดลุกขึ้นจากที่นั่งแล้วถามเสียงดัง “นายพูดว่าอะไรนะ”

เย่เฉินหันมองซูมู่ชิงอย่างลึกซึ้ง เขากล่าวกับคนตระกูลซูเสียงดัง

“ผมบอกว่าผมจะแต่งงานกับซูมู่ชิง!”

หลังจากที่ตามสืบข่าวในช่วงนี้เย่เฉินก็คิดได้

ถ้าหากอยากจะรู้ข่าวคราวขอฉินหงเหยียนจะต้องแต่งงานกับซูมู่ชิง มีแค่การทำแบบนี้เท่านั้นถึงจะสามารถแทรกซึมเข้าบ้านตระกูลหลี่ได้ เพื่อจะได้หาความจริงเรื่องเบาะแสของฉินหงเหยียน

เย่เฉินเองก็ไม่ได้ทรยศหญิงสาว แต่กลับกันอย่างสิ้นเชิงเลย เขาแต่งงานกับซูมู่ชิงก็เพื่อฉินหงเหยียน!

บางทีอาจจะไม่ยุติธรรมกับซูมู่ชิงนัก แต่ว่าตอนนี้เย่เฉินเองก็ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!

บวกกับที่หลังจากผ่านพ้นเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับหญิงสาว เย่เฉินเองก็พบว่าตนเองชอบหล่อนจริงๆ

ส่วนซูมู่ชิงเองนั้นเฝ้ารอคอยวันที่จะได้อยู่กับเย่เฉินมานานแล้ว!

บนใบหน้าแก่ชราของซูเจิ้นหางนั้นเกิดรอยยิ้มขึ้นมา สำหรับเขาแล้วเย่เฉินเป็นตัวเลือกหลานเขยที่ดีกว่าหลี่เฉิงเจี๋ยมากนัก!

ศักยภาพของตระกูลเย่นั้นร้ายกาจกว่าตระกูลหลี่อย่างมาก อีกทั้งตระกูลเย่เองก็กุมความลับที่เขาอยากจะรู้มาโดยตลอด

เขาอยากจะใช้หลานสาวตนเองเป็นใบเบิกทางเข้าตระกูลเย่ เพื่อจะสืบความลับและสมบัติที่แท้จริงของตระกูลเย่!

ซูเจิ้นหางกล่าวกับเย่เฉิน“เย่เฉิน ฉันไม่ชอบให้คนมาล้อเล่นกับฉันแบบนี้นะ! เธอจะต้องรับผิดชอบคำพูดตัวเองด้วยนะ!”

เย่เฉินเชิดหน้าเขากล่าว “ผมไม่เคยกลับคำ! ผมพูดแล้วว่าผมจะแต่งงานกับซูมู่ชิงก็จะแต่งงานกับหล่อน!”

มือเรียวของซูมู่ชิงโดนเเย่เฉินกอบกุมเอาไว้ มืออีกข้างจึงยกขึ้นมาอุดปาก หล่อนตื้นตันใจ ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องจริง “เย่เฉิน…”

ตลอดสี่ปีที่ผ่านมาหล่อนเอาแต่ฝันว่าจะได้ใช้ชีวิตอยู่กับเขา

วันนี้ฝันจะได้กลายเป็นจริงแล้วหรือ?

ทว่าไม่ใช่ทุกคนที่จะเห็นด้วยที่ทั้งสองคนนี้จะแต่งงานกัน

จางเชี่ยนจือผุดลุกขึ้นทันทีอย่างไม่พอใจแล้วกล่าว “แกบอกว่าจะแต่งงานกับลูกสาวฉันก็จะได้แต่งเหรอ? แกคิดว่าแกเป็นใคร อย่าว่าแต่หล่อนหมั้นกับตระกูลหลี่แบบนี้เลย ต่อให้ไม่มี แกในตอนนี้มีสิทธิ์อะไรมาขอลูกฉัน?”

ซูมู่หลินดีใจแทนพี่สาว แต่เขาโดนเย่เฉินยิงขาจึงไม่ช่วยเย่เฉินแต่กลับช่วยมารดารังแกเขา

“แม่พูดถูกครับ พี่สาวฉันเป็นถึงสาวงามลำดับหนึ่งในเมืองหลวง ไม่ว่าจะหน้าตาหรือเรือนร่างล้วนแต่ไร้ที่ติ ไม่นับชาติกำเนิดอีก ตอนนี้นายเป็นแค่ยาจก แล้วมีนักเลงหัวไม้เป็นลูกน้อยไม่กี่ร้อยคน แกมีสิทธิ์อะไรมาขอพี่ฉันแต่งงาน?”

ซูมู่หลินเองก็ไม่ได้กลัวเลยว่าคำพูดค่อนแคะนี้จะทำให้เย่เฉินไม่ได้แต่งงานกับซูมู่ชิง

เขาเข้าใจอีกฝ่ายมากจริงๆ ยิ่งทำให้อีกฝ่ายลำบากใจ เย่เฉินก็จะยิ่งดึงดันจะแต่งงานกับพี่สาวเขา

ซูมู่ชิงร้อนรน “แม่คะ มู่หลิน เรา…”

กว่าจะได้แต่งงานกับชายหนุ่มที่รักสุดหัวใจ คิดไม่ถึงว่าคนในครอบครัวจะคัดค้านแบบนี้

ซูเจิ้นหางยิ้มน้อยๆ ในเมื่อเย่เฉินตัดสินใจจะแต่งงานกับซูมู่ชิงแล้ว ต่อให้ใช้ม้าใช้วัวมาลากเขาก็คงไม่ทำให้เขาเปลี่ยนฝจ

ก่อนหน้านี้เย่เฉินไม่ได้อยากจะแต่งงานกับซูมู่ชิง ทำให้คนตระกูลซูเสียหน้า ตอนนี้ปล่อยให้ทั้งสองคนนี้ทำให้เย่เฉินลำบากใจบ้างก็ดี

เขาเชื่อมั่นว่าเย่เฉินไม่มีทางจะผ่านด่านแม่ยายและน้องเมียได้

ซูเจิ้นหางกล่าวพลางระบายยิ้ม “เย่เฉิน ฉันเป็นปู่ ฉันน่ะขอแค่หลานสาวฉันยินดี ฉันเองก็ยังไงก็ได้ แต่ว่าเชี่ยนจือก็พูดถูก ไม่ใช่ว่าใครก็จะแต่งงานกับทายาทตระกูลซูของเราก็ได้”

เวลานี้เองซูมู่เสวี่ยก็เปิดปากเอ่ย “พูดถูกแล้ว! ผู้ชายตระกูลเย่ของพวกนายนี่ชอบคิดไปเอง คิดว่าอยากจะแต่งงานกับผู้หญิงตระกูลซูก็ได้แต่งเหรอ ถุย! พวกนายไม่คู่ควรเลยรู้ไหม?”

หญิงวัยกลางคนที่มวยผมเป็นอาของซูมู่ชิงก็คัดค้าน

“นอกเสียจากว่าคุณปู่ พ่อและแม่ของเย่เฉินจะมาสู่ขอซูมู่ชิงที่เมืองหลวงด้วยตัวเอง และต้องทำให้เราเห็นศักยภาพของพวกนาย เพื่อให้เราได้เห็นว่านายแข็งแกร่งขนาดไหน มู่ชิงไม่มีทางแต่งงานกับนายโดยไม่ดูแน่ๆ!”

ในตอนนั้นซูเจิ้นหางอยากจะแนะนำคุณอาของซูมู่ชิงให้พ่อของเย่เฉิน แต่บิดาของเย่เฉินกลับไม่ชอบหล่อน

ดังนั้นตอนนี้หล่อนจึงหาเรื่องเขา

ส่วนซูมู่เสวี่ยเองก็โดนเย่เฉินตบไปหลายฉาดเมื่อคราวก่อน

จางเชี่ยนจือเองโกรธเพราะเย่เฉินยิงปืนใส่ขาลูกชายหล่อนตอนเมื่อคราวก่อน

ดังนั้นคนพวกนี้ถึงได้คัดค้านการแต่งงานของเย่เฉินกับซูมู่ชิง

เย่เฉินพอจะเข้าใจจางเชี่ยนจือในฐานะที่เป็นแม่คน ความรู้สึกที่มีต่อบุตรชายตนเอง จึงไม่หงุดหงิดแต่หันมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าเรียบเฉยแล้วถาม

“คุณน้า ไม่รู้ว่าผมต้องทำยังไง คุณถึงจะยอมยกลูกสาวของคุณให้ผมเหรอครับ?”

จางเชี่ยนจือหันมองเย่เฉินอย่างไม่สบอารมณ์ “เมื่อครู่จื้อหลิงเองก็พูดแล้วว่าให้ปู่ของเธอมา อีกอย่างฉันต้องการให้ปู่เธอเพิ่มชื่อมู่งชิงเข้าไปเป็นทายาทู้รับมรดกของตระกูลเย่ แล้วต้องเซ็นสัญญาด้วยนะ! ฉันถึงจะยอมยกลูกสาวของฉันให้”

เย่เฉินมีท่าทีลำบากใจ “คุณปู่ของผมแก่มากแล้ว คงจะไม่สะดวกมาด้วยตัวเอง ถ้าหากว่าคุณอยากพบคนในครอบครัวผม ผมให้พี่ชายคนโตมาที่นี่ได้”

จางเชี่ยนจือแค่นเสียง “พี่ชายเธอมาจะมีประโยชน์อะไร! เขาตัดสินใจเรื่องทายาทผู้สืบทอดตระกูลเย่ได้หรือไง? ถ้าไม่รับรองให้ฉันแล้วอยากจะแต่งงานกับลูกสาวฉันเหรอ? คิดจะจับเสือมือเปล่าเหรอ? ถ้าไม่รับรองกับฉันแล้วอยากจะแต่งงานกับลูกสาวฉันเหรอ? คิดจะจับเสือมือเปล่าเหรอ?”

ซูมู่ชิงรีบร้อนกล่าว “แม่คะ หนูไม่สนใจว่าจะได้เป็นทายาทตระกูลเย่ไหมหรอกค่ะ หนูแค่ชอบเย่เฉินไม่ได้ชอบเงินเขา”

จางเชี่ยนจือกล่าวด้วยโทสะ “แกไม่สนใจ เราสนใจ! ตระกูลซูจะแต่งงานทั้งทีล้วนแต่เห็นแก่ประโยชน์ของตระกูลเป็นหลัก ถ้าแกแต่งงานกับเขาแล้วไม่มีประโยชน์อะไรกับตระกูลเรา งั้นทำไมเราถึงต้องให้แกแต่งงานกับเขา? แกชอบเขาแล้วเขาชอบแกหรือไง? แกไม่กลัวว่าเขาแค่อยากนอนกับแกเล่นๆ แล้วหลายปีเข้าก็ทิ้งแกไปเหรอ? พอตอนนั้นแกก็อายุสามสิบกว่าแล้ว ซือซือก็โตแล้ว แกจะแต่งงานกับใครได้อีก แถมยังไม่ได้อะไรจากตระกูลเย่ติดไม้ติดมืออะไรเลย!”

ผู้หญิอายุยังน้อยแต่งงานทั้งทีก็จะสนใจแต่ว่าคนผู้นี้ใช่คนที่หล่อนชอบหรือไม่

แต่ถ้าโตขึ้นมาหน่อยมองเห็นโลกตามความเป็นจริง หล่อนเองก็ไม่อยากให้ลูกสาวเสียเปรีย

เย่เฉินรู้ว่าแม่ยายของสาวๆ ที่นี่ ล้วนแต่มองโลกความความเป็นจริง หล่อนจะไม่ยอมให้ลูกสาวของตนเองแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่มีอะไรง่ายๆ

เย่เฉินเงียบไปครู่หนึ่งจึงกล่าว “พวกคุณเองก้รู้ว่าช่วงนี้ทรัพย์สินผมโดรอายัดเอาไว้ คุณปู่ของผมเองก็โดนคนจับตา เขาเองก็กลับมาไม่ได้จริงๆ เอาแบบนี้ได้ไหมครับ รอผมกับมู่ชิงแต่งงานแล้ว เราบินไปอังกฤษเพื่อพบคุณปู่ ตอนนั้นผมขอรับรองได้เลยว่าผมจะทำให้ลูกสาวคุณได้มีชีวิตบนกองเงินกองทองที่ใช้ไม่หมดไปทั้งชีวิต”

เย่เฉินไม่ตั้งใจจะหลอกจางเชี่ยนจือ เพราะว่าซูมู่ชิงเป็นแม่ของซือซือด้วย เดิมทีหล่อนมีสิทธิ์จะได้มีความสุขกับทรัพย์สมบัติของตระกูลเย่อยู่แล้ว

จางเชี่ยนจือลังเลเล็กน้อยจากนั้นก็กล่าว “ต้องไปอังกฤษก่อนเหรอ ลูกสาวฉันถึงจะได้รับมรดกเหรอ งั้นก่อนหน้านี้ใครแต่งใครล่ะ? แกไม่มีบ้านสักหลังด้วยซ้ำในเมืองหลวง! นอกเสียจากว่าแกจะยอมแต่งเข้าเป็นเขยที่แต่งเข้าบ้านฝ่ายหญิง!”