สำหรับกู่ฉางเกอ เหตุผลเดียวที่เย่เฉินยังเดินเสนอหน้าได้ก็เพราะเย่เฉินไม่ถือเป็นภัยคุกคาม ถ้าเขาเป็นภัยคุกคามจริง กู่ฉางเกอจะไม่มีวันยอมให้เขามีชีวิตนานขนาดนี้ เขาจะกำจัดทันทีที่อีกฝ่ายมายุ่งกับเขา เขาจะไม่มีวันแสดงความเมตตาและปล่อยให้เติบโต
ไม่ว่าจะเป็นเย่เฉินหรือหลินเทียน พวกเขาไม่มีอะไรมากกว่ากระเทียมหอมที่รอให้เขาตัดมากิน ต่อให้จะเป็นบุตรฟ้าประทานก็ตาม
กู่ฉางเกอไม่ใช่คนโง่ เขาจะไม่มีวันยอมปล่อยให้ภัยคุกคามมีชีวิตนานเกินไป
ตั้งแต่อดีต เหตุผลที่ตัวร้ายมักตายคือ’พูดมาเกินไปและไม่ฆ่าพระเอกเพราะหยิ่ง’
เขาจะไม่ทำอะไรโง่ๆแบบนั้น เขาจะปิดปากเขาให้สนิท ไม่ปล่อยให้ความหยิ่งมาตัดสินชีวิตเขา เขาอาจไม่ได้เป็นผู้รู้รอบด้าน แต่ความรู้ของเขาก็มากพอจะช่วยเหลือเขา
อะไรอีก?การค่อยๆเล่นกับบุตรฟ้าประทานจนตายในอาณาจักรเบื้องล่างไม่ได้ยากเลย เขาไม่ต้องฆ่าพวกเขาตั้งแต่แวบแรกเห็นเนื่องจากเย่เฉินกับหลินเทียนคุกคามเขาไม่ได้
กู่ฉางเกอมีความสุขมากที่เรื่องราวดำเนินไปตามทางของมันเอง เหนือสิ่งอื่นใด ค่าโชคชะตาของเขาจะเพิ่มขึ้นขณะที่เขาค่อยๆบีบเค้นค่าโชคลาภของบุตรฟ้าประทานเหล่านั้น มันคงน่าเบื่อเกินไปถ้าไม่มีข้อจำกัดเล็กน้อยเหล่านี้
เนื่องจากเขาคือผู้ข้ามโลกและกลายเป็นตัวร้าย งั้นเขาก็ต้องทำหน้าที่ตัวร้ายให้ที่ดีสุด!
นอกจากนี้ เขาเรียนรู้จากระบบมาว่าการฆ่าบุตรฟ้าประทานหลังเก็บเกี่ยวค่าโชคอย่างสมบูรณ์จะได้สิ่งเร้าใจบางอย่าง หลังเขาเค้นค่าโชคของพระเอกเหล่านั้นจนหมด การฆ่าบุตรฟ้าประทานจะกระตุ้น’รางวัลสวรรค์’จากระบบ
รางวัลสวรรค์…มันฟังดูไม่แย่เลย อย่างน้อย กู่ฉางเกอก็รู้สึกว่าใจเขาระส่ำระส่าย
มันเพราะเหตุนี้กู่ฉางเกอถึงยังปล่อยให้เย่เฉินได้มีชีวิต แถม มันก็ไม่ยากที่จะฆ่าตัวเย่เฉินด้วยตราวิญญาณที่เขาทิ้งไว้บนหยานจี
กู่ฉางเกอตัดสินใจไม่จัดการเขาทันที เขากำลังรอให้เย่เฉินใช้จมูกดมเปิดโบราณสถานต่างๆและหาตำแหน่งของ[ง้าวมารแปดทิศ]
เขาจะใช้อีกฝ่ายจนหยดสุดท้าย
เหนือสิ่งอื่นใด นั่นคือจุดประสงค์จริงที่เขาลงมายังอาณาจักรเบื้องล่าง
ขณะที่กู่ฉางเกอกำลังหลงอยู่ในความคิด เสียงเคาะประตูจากด้านนอกก็ดัง
“ชิงเกอ ไปเปิดประตู”
กู่ฉางเกออดเลิกคิ้วไม่ได้ตอนสัมผัสถึงคนที่มาถึง และสั่งซูชิงเกอที่ยุ่งกับการอ่านตำราโบราณไม่ไกลจากเขา
“เจ้าค่ะ คุณชาย”
ซูชิงเกอวางตำราในมือลงและค่อยๆเดินไปทางประตู
หลินชิวหานที่สวมชุดผ้าไหมสีฟ้าอ่อนกำลังยืนอยู่หน้าประตู มีสีชมพูอ่อนเล็กน้อยแต่งแต้มบนใบหน้างดงามของนาง ขับเน้นความงามของนาง ในมือนาง นางถือถาดอาหารเล็กๆที่มีฝาปิดด้านบน แต่ก็ยังส่งกลิ่นหอมเย้ายวนใจ
“นี่คือขนมที่ชิวหานทำเองกับมือ ถ้าคืนนี้คุณชายรู้สึกหิว ก็ให้คุณชายกินเพื่อรองท้องได้นะ”
หลินชิวหานพูดกับซูชิงเกอด้วยใบหน้าแดงก่ำ
ความคิดของนางยุ่งเหยิง นางไม่รู้ว่านางคิดอะไรอยู่ถึงได้เข้าครัวไปทำขนมเหล่านี้เอง ผู้บ่มเพาะส่วนใหญ่ไม่ต้องการอาหารเพื่อประทังชีวิต และสามารถใช้ชีวิตได้ด้วยพลังปราณอย่างเดียว
มันดันว่านางเก่งเรื่องการทำอาหารและขนม นางจึงคิดว่านางควรทำอะไรบางอย่างให้กู่ฉางเกอ
“เข้าใจแล้ว ขอบคุณคุณหนูหลินมาก ท่านคงเหนื่อยแย่ ท่านไม่เห็นจำเป็นต้องมาที่นี่เองเลย ชิงเกอขอขอบคุณท่านแทน’คุณชายของข้า’!”
ซูชิงเกอสวมรอยยิ้มพอเป็นพิธีแต่ก็ยังไร้ที่ติบนหน้า และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา นางยังไม่คิดปกปิดคำใบ้ของนางต่อหลินชิวหาน จงใจเน้นคำว่า’คุณชายของข้า’ตอนนางพูด
สาวงามไร้เดียงสาตรงหน้านางเพิ่งเจอคุณชายแค่ครั้งเดียว แต่คุณชายของนางก็กุมหัวใจนางไว้ได้แล้ว นี่ทำให้ซูชิงเกอสงสัยว่านางควรมอบคำใบ้ให้ชิวหานและช่วยนางไม่ให้ตกลงมายังหลุมไฟเดียวกับนางไหม?
แต่ไม่ช้า นางก็นึกได้ว่านางมีแต่ต้องทนทุกข์มากขึ้นในเงื้อมมือของกู่ฉางเกอถ้านางทำแบบนั้น นางจึงยอมแพ้
เห็นได้ชัดว่าหลินชิวหานไม่เข้าใจคำใบ้ที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของซูชิงเกอ ยังไงซะ นางไม่ได้มีไหวพริบและฉลาดเหมือนซูชิงเกอ
“งั้นคงต้องรบกวนท่านหญิงชิงเกอแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
ความประหม่าของหลินชิวหานเพิ่มขึ้นเรื่อยๆยิ่งนางยืนอยู่ที่นี่นาน นางจึงรีบส่งถาดให้ซูชิงเกอและวิ่งหนีไปราวกับกำลังหลบหนีบางคน
“ท่านเจอกับนางแค่ครั้งเดียวและนางก็ตกหลุมรักท่านแล้ว…ความสามารถของคุณชายในการเล่นกับหัวใจของคนยิ่งน่ากลัวขึ้นทุกที”
ซูชิงเกอเดินกลับเข้าไปข้างในและพูดหลังมาถึงข้างกายกู่ฉางเกอ ในเวลาเดียวกัน นางก็เปิดฝาครอบถาดออก เผยให้เห็นเค้กที่หลินชิวหานทำเองกับมือ
[พรึ่บ!]
ทันใดนั้น กลิ่นหอมผ่อนคลายก็ระเบิดออกมา และแสงศักดิ์สิทธิ์ก็ส่องสว่างไปทั่ว อักขระกับฉากมากมายแวบวาบรอบขนม ชี้ให้เห็นว่าส่วนผสมที่ใช้ทำเค้กก้อนนี้ไม่ธรรมดา
“ฝีมือของแม่นางหลินดีมาก เจ้าต้องเรียนรู้จากนางไว้ละ ชิงเกอ!”
กู่ฉางเกอไม่ตอบกลับคำพูดก่อนหน้าของซูชิงเกอ เขาอารมณ์ดีมากในตอนนี้และอดกล่าวชมขนมไม่ได้หลังกัดกินไปสองสามคำ
“ในเมื่อคุณชายชมชอบนางขนาดนี้ งั้นทำไมไม่เอาตัวนางมาอยู่กับท่านเลยละ?มันจะไม่ง่ายกว่าเหรอ?”
ซูชิงเกอพูด
กู่ฉาเงกอเหลือบมองหน้านางหลังได้ยินนางพูดและยิ้ม“ชิงเกอ เจ้าหึงเหรอ?ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะเป็นพวกขี้หึง นั่นไม่เหมาะกับนิสัยเจ้าเลยนะ”
ซูชิงเกอส่ายหัว“ความคิดของคุณชายลึกล้ำและเข้าใจยากเกินไป-ชิงเกอรู้จุดยืนของตัวเองดี แค่ได้รับความสนใจจากคุณชายบ้างก็ยากพอแล้ว แล้วข้าจะหึงไปเพื่ออะไร?”
แม้คำพูดของนางจะสงบ แต่ก็ไม่สามารถปกปิดความคับข้องใจเล็กๆน้อยๆในใจนางได้
“เจ้าเป็นพวกปากไม่ตรงกับใจตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”
กู่ฉางเกออดหัวเราะไม่ได้
…
หลินเทียนเฝ้าดูหลินชิวหานเดินออกมาจากส่วนหนึ่งของบ้านตระกูลหลินจากระยะไกล และทางที่นางเดินมาก็ดันเป็นส่วนที่พักของกู่ฉางเกอไม่มีผิด
ผู้หญิงคนนี้..นางทำอะไรอยู่ ไปที่พักของเขาตอนดึกดื่น?
ความโกรธปรากฏบนใบหน้าขมขื่นของหลินเทียน และเขาก็อดกำหมัดแน่นไม่ได้
“เสี่ยวเทียน เจ้ามาทำอะไรที่นี่?ใช่ แล้วบ่ายนี้เจ้าไปไหนมา?ทำไมข้าถึงหาเจ้าไม่เจอเลย?”
สีหน้าของหลินชิวหานผสมทั้งความสุข เขินอาย วิตกกังวลและอารมณ์ซับซ้อนอื่นๆ แต่ทันทีที่นางเห็นหลินเทียน นางก็รีบระงับอารมณ์เหล่านั้นไว้และถามเขาด้วยน้ำเสียงเข้มงวด
หลินเทียนกัดฟัน หัวใจของเขาแผดเผาด้วยไฟริษยา แต่ก็บังคับให้ตัวเองสงบลงและถามกลับ“พี่ นี่มันก็ค่ำแล้ว…ทำไมท่านถึงออกมาในเวลานี้?ท่านไปเยี่ยมคุณชายกู่นั่นมาเหรอ?”
หลินเทียนไม่สามารถอธิบายอารมณ์ที่เขามีในใจได้ ถ้าเขาไม่รีบแก้ไขความหมกมุ่นนี้ในเร็ววัน มันจะเริ่มส่งผลต่อสภาพจิตใจเขา และเขาอาจลงเอยด้วยการทำอะไรโง่เขลา
เขาต้องหาทางแก้ไขความหมกมุ่นของเจ้าของร่างนี้
สำหรับหลินชิวหาน..ทันทีที่นางได้ยิน นางก็เริ่มตื่นตระหนก ราวกับมีใครบางคนจับได้ว่านางทำเรื่องชั่วช้า แต่นางก็ยังแสดงท่าทีเข้มงวดต่อหน้าหลินเทียนและพูดว่า“หยุดยุ่งเรื่องของข้าแล้วตั้งใจบ่มเพาะเถอะ!”
“ผู้ชายแซ่กู่นั่นเป็นคนร้ายกาจ อย่าโดนหลอกด้วยรูปลักษณ์จอมปลอมของเขา ข้าสามารถบอกได้ตั้งแต่แวบแรกว่าเขาคือหมาป่าที่ชอบหลอกหญิงสาว หลินชิวหาน พี่ต้องเปิดใจและมองให้เห็นถึงภัยคุกคาม”
หลินเทียนพูดด้วยใบหน้าจริงจังและถึงกับขึ้นเสียง เรียกชื่อของหลินชิวหานออกมาตรงๆ เขาไม่สามารถปล่อยให้หลินชิวหานจมลงไปในกับดักของกู่ฉางเกอต่อได้อีก ต่อให้เขาจะต้องใช้ไม้แข็งก็ตาม
“คุณชายกู่ทำไม?”
หลินชิวหานอดขมวดคิ้วไม่ได้พอได้ยิน และใบหน้าก็ดำมืด ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่นางล้มลงจนแม้แต่หลินเทียนก็ยังข้ามหัวนางได้?
อะไรอีก? นางผ่านการใกล้ชิดกับคุณชายกู่มากับตัว และเชื่อว่าเขาเป็นคนถ่อมตัว สุภาพและอ่อนโยนแบบที่สุภาพบุรุษควรจะมี ถึงแม้เขาจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่ เขาก็ไม่ได้แสดงท่าทางหยิ่งใส่นางเลย
“อย่าพูดไม่ดีเกี่ยวกับคุณชายกู่!ถ้าเจ้าดีได้สักเสี้ยวหนึ่งของคุณชายกู่ งั้นข้าก็คงไม่ต้องเป็นห่วงเจ้ามากขนาดนี้!”
หลินชิวหานตะโกน นางคิดว่าหลินเทียนคิดมากไป
“ทำไมเจ้าถึงโง่แบบนี้?เจ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ข้ากำลังบอกเจ้าหรือไง?!”
ความโกรธของหลินเทียนพุ่งทะยาน และเขาก็พูดด้วยความรำคาญอย่างมาก แต่หลังเขาพูดออกไป หลินชิวหานก็ยังไม่เปลี่ยนใจ เขาได้แต่สงสัยว่า….ไอสารเลวกู่นั่นป้อนยาอะไรให้นาง?นางถึงได้หลงเขาหัวปักหัวปำขนาดนี้
“เจ้าเป็นอะไรของเจ้า?พักนี้ เจ้าทำตัวแปลกเกินไป!ต่อให้คุณชายกู่จะไม่ใช่คนดี แต่เขาจะอยากได้อะไรจากข้า?ทำไมเขาถึงต้องมาคิดไม่ดีกับข้าด้วย?”
หลินชิวหานไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับหลินเทียนอีก นางจึงโยนคำถามของนางใส่เขาและเดินหนีออกไปทันที
ในทางกลับกัน หลินเทียนตกตะลึงและยืนนิ่งอึ้งกับที่
ใช่..ทำไมกู่ฉางเกอถึงหมายตานาง?
พอเดินไปได้ครึ่งทาง หลินชิวหานก็นึกได้ว่านางยังมีคำถามที่อยากถามหลินเทียนอยู่ ว่าเขาทำการหลอมโอสถได้ไง?เขาเพิ่มฐานบ่มเพาะขึ้นมาอย่างฉับพลันได้ไง?และบ่ายนี้เขาไปไหน?
น่าเสียดาย นางไม่เจอใครอีกหลังเดินกลับมา