ตอนที่ 900 ดุเดือด สุดแมน เท่ห์

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

เสี่ยวเชี่ยนวางสายแล้วเข็นรถฟู่กุ้ยเตรียมเดินออก แม่อวี๋เดินตามด้วยความเป็นห่วง

 

 

“แม่ไม่ต้องตามมาหรอกค่ะ ไปอยู่บ้านพี่สะใภ้รองดีกว่า พวกเราไปเดี๋ยวก็กลับ พรุ่งนี้เสี่ยวเฉียงต้องทำงานอยู่ค้างไม่ได้” เสี่ยวเชี่ยนทิ้งแม่อวี๋ไว้ที่บ้านแล้วพาฟู่กุ้ยออกไป

 

 

ตอนที่ผ่านร้านหนังสือเล็กๆ อยู่ๆฟู่กุ้ยก็บอกให้เสี่ยวเชี่ยนหยุดรถ

 

 

“มีอะไรเหรอ?”

 

 

“เธอช่วยพี่ลงไปซื้อหนังสือหน่อย” ฟู่กุ้ยเคลื่อนไหวไม่สะดวก ลงจากรถไม่ได้

 

 

ร้านหนังสือใหญ่ๆปิดหมดแล้ว มีแต่ร้านหนังสือขนาดเล็กที่เป็นกิจการส่วนตัวแบบนี้ที่ยังเปิดอยู่

 

 

“จะซื้อหนังสืออะไรเหรอ?”

 

 

“คำสอนท่านผู้นำ แนวคิดท่านผู้นำ หนังสืออะไรก็ได้ที่เกี่ยวกับท่านผู้นำ จะเหมาเจ๋อตุง เติ้งเสี่ยวผิงหรืออะไรก็ได้ เห็นอันไหนก็หยิบมา”

 

 

“…จะเอาไปทำอะไร?” เสี่ยวเชี่ยนเดาทางไม่ถูกว่าเขาคิดอะไรอยู่

 

 

ฟู่กุ้ยพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน “พี่จะไปพาพี่สะใภ้เธอกลับมา”

 

 

ดุเดือด

 

 

แมนมาก

 

 

เท่ห์

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเข้าใจทันที ใช้ได้นี่พี่ฟู่กุ้ย ช่วงเวลาสำคัญแบบนี้มีความเป็นพี่ใหญ่ดีมาก

 

 

ผู้คงแก่เรียนพอมีอารมณ์ขึ้นมาก็เลือดร้อนไม่แพ้พวกชอบใช้กำลังเลยแฮะ

 

 

สักพักเสี่ยวเชี่ยนก็หอบหิ้วหนังสือออกมา เจ้าของร้านมองส่งเสี่ยวเชี่ยนด้วยความซึ้งใจ

 

 

ขอบคุณสาวสวยคนนี้จริงๆที่มาเอาหนังสือที่ดองอยู่ในร้านเขาตั้งหลายปีไปสักที

 

 

ระหว่างทางไม่มีการพูดคุย กว่าจะไปถึงบ้านหลิวเหมยก็เป็นเวลาเช้ามืดแล้ว พอถึงที่นั่นก็เห็นอวี๋หมิงหลางยืนหน้าบึ้งเฝ้าอยู่หน้าบ้าน อีกทั้งยังก้มมองนาฬิกาเป็นระยะ

 

 

พอเห็นรถเสี่ยวเชี่ยนมาเขาก็หน้าบึ้งยิ่งกว่าเดิม น่ากลัวเข้ากับบรรยากาศท้องฟ้าที่มืดสนิท

 

 

เสี่ยวเชี่ยนไม่เห็นสีหน้าบึ้งตึงของเขา เธอเห็นแค่เขายืนอยู่หน้าบ้าน รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมาทันที สามีเธอนี่ดีจริงๆ

 

 

ซึ้งใจอยู่ได้ไม่ถึงหนึ่งนาที อวี๋หมิงหลางพาฟู่กุ้ยลงจากรถ เสี่ยวเชี่ยนลงจากรถยังไม่ทันได้พูดชมก็ถูกอวี๋หมิงหลางจับข้อมือไว้แล้วเขาก็เปิดประตูรถเธอเข้าไปด้อมๆมองๆแถวที่นั่งคนขับ

 

 

“นายดูอะไรของนาย?” เสี่ยวเชี่ยนไม่เข้าใจ

 

 

“ก็ดูไงว่าคันเร่งมันถูกคุณเหยียบจนพังหรือเปล่า ไถเกียร์จนสุด ขับพุ่งมาด้วยความเร็วสองร้อยตลอดทาง ใช้ได้นี่ ประธานเชี่ยน มีอะไรจะพูดไหม?”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนยิ้มแหยๆ

 

 

“นายก็พูดเว่อร์ไป ทางด่วนขับตามใจชอบได้เหรอ สองร้อยก็เว่อร์เกิน”

 

 

“ไม่ถึงสองร้อยแต่อย่างน้อยๆก็ร้อยสามสิบขึ้น ไม่อย่างนั้นคุณจะมาถึงไวขนาดนี้ได้ยังไง ผมคอยดูเวลาตลอด ถ้าเทียบกับระยะทางและความเร็ว คุณมาถึงเวลานี้ก็แสดงว่าเหาะมา”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนชูนิ้วกลางในใจ มิน่าไอ้บ้านี่มายืนเฝ้าหน้าบ้าน ที่แท้ก็ออกมาจับผิด?

 

 

“ถนนเส้นนี้ไม่จำกัดความเร็ว ฉันก็เลยขับไวหน่อย”

 

 

“หน่อย?”

 

 

อวี๋หมิงหลางเลือกเน้นคำท้าย

 

 

เสี่ยวเชี่ยนกลัวเขากัดประเด็นนี้ไม่ปล่อย ตานี่ถ้าเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยล่ะก็นิดหน่อยก็ไม่เกรงใจ กล้าเถียงคอเป็นเอ็นกับเธอทันที แต่ตัวเธอเองก็ผิดจริงเลยไม่กล้าเถียงกลับ ครั้นแล้วจึงชี้ไปที่ฟู่กุ้ยที่กำลังพยายามเข็นรถตัวเองแล้วแสร้งทำเป็นพูดอย่างจริงจัง

 

 

“ดูนั่น เราสองคนยังไวไม่เท่าคนนั่งรถเข็นเลยนะ เร็วเข้า รีบตามไปดู ตกลงเกิดอะไรขึ้นกับหลิวเหมย หลิวเหมยกับฟู่กุ้ยจะยังพัฒนาไปได้ต่อหรือเปล่า?”

 

 

น่าเสียดายที่สกิลการเปลี่ยนเรื่องของเสี่ยวเชี่ยนพอเจอเสี่ยวเฉียงก็ประสิทธิภาพลดลงครึ่งหนึ่ง เขาไม่ถูกเธอล้างสมองได้ง่ายๆหรอก

 

 

“เรื่องนี้กลับไปเราค่อยคุยกัน ต่อไปห้ามคุณขับรถขึ้นทางด่วนเองอีก ผมดูออกนานแล้วว่าคุณเป็นพวกขับรถเร็ว”

 

 

อันที่จริงอวี๋หมิงหลางเสียใจมาก เขาไม่น่าให้เธอมา รู้สึกไม่วางใจเลย

 

 

“นายดูออกจากตรงไหน?” เสี่ยวเชี่ยนไม่ยอม

 

 

ปกติขับรถในเมืองเธอออกจะขับช้า

 

 

“ตอนที่หนังเร็วแรงทะลุนรกภาคสองเข้าฉายเมื่อสองปีก่อน คุณจ้องชนิดที่ตาไม่กระพริบ ผมเลยสงสัยตั้งแต่ตอนนั้นว่าคุณเป็นพวกขับรถเร็ว แต่น่าเสียดายที่ปกติจับไม่ได้คาหนังคาเขา”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนหมดคำจะพูด ตานี่สมกับเป็นมือสไนเปอร์จริงๆ ความจำเป็นเลิศ นี่เรื่องมันก็ตั้งสองปีแล้วยังจะจำได้อีก

 

 

ดีที่อวี๋หมิงหลางเองก็เป็นห่วงเรื่องหลิวเหมยกับฟู่กุ้ย จึงไม่ได้เอาเรื่องเสี่ยวเชี่ยนต่อ บ้านหลิวเหมยอยู่ชั้นสี่ ที่นี่ไม่มีลิฟท์ อวี๋หมิงหลางแบกฟู่กุ้ย เสี่ยวเชี่ยนแบกรถเข็น พากันหอบหิ้วขึ้นไปด้านบน

 

 

ยังไม่ทันจะได้เคาะประตูก็ได้ยินหลิวเหมยกำลังถูกแม่ดุ

 

 

“เราว่าอะไรนะ? คบกับฟู่กุ้ยอยู่ดีๆ ทำไมมาบอกว่าจะไม่เจอกันแล้ว?”

 

 

“ก็แค่ไม่เจอหน้า จะมีเหตุผลอะไรเยอะแยะ ตอนนั้นที่หนูเลิกกับหม่าลุ่ยก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย”

 

 

“โอ๊ยลูกคนนี้นี่ น่าโมโหจริงๆ” เดิมแม่หลิวเหมยยังแอบคิดว่าหลิวเหมยจะพาว่าที่ลูกเขยมาด้วยได้ ใครจะไปคิดว่าเด็กคนนี้พอเข้าบ้านมาก็ตาแดงๆไม่พูดไม่จา

 

 

ถามอะไรก็ไม่ตอบ แม่หลิวเหมยเลยต้องถามอวี๋หมิงหลาง อวี๋หมิงหลางไม่ตามใจหลิวเหมยจึงเล่าเรื่องที่หลิวเหมยคุยกับฟู่กุ้ยระหว่างทางให้ฟังจนหมด

 

 

ในสายตาของเสี่ยวเฉียง การที่คบกันอยู่ดีๆก็มาหาเรื่องทะเลาะแบบนี้ เขาไม่บ้าตามไปด้วยหรอก

 

 

ตามคาด แม่หลิวเหมยโมโหมาก

 

 

“ยัยเด็กเลอะเลือน หม่าลุ่ยกับฟู่กุ้ยเหมือนกันเหรอไง? ฟู่กุ้ยดีกับเราขนาดนั้น ตกลงไม่พอใจอะไรในตัวเขากันแน่?”

 

 

ข้างในเกิดความเงียบ คนที่อยู่ข้างนอกมองไม่เห็น อันที่จริงหลิวเหมยกำลังร้องไห้

 

 

ก็เพราะฟู่กุ้ยดีเกินไป เธอถึงได้พูดแบบนั้น

 

 

อาจารย์บอกว่า ดวงเธอเป็นกาลกิณีตั้งแต่เกิด คบกับใครก็ชงกับคนนั้น แถมยังถามเธอด้วยว่าที่บ้านเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า ตอนดูดวงเห็นดวงของเธอไม่มั่นคง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะต้อง…

 

 

เธอทนฟังต่อไปไม่ไหวจึงตัดสายอาจารย์ทิ้งแล้วโทรหาฟู่กุ้ย

 

 

ก็ดวงเธอเป็นกาลิกิณีอยู่กับใครก็ชงไม่ใช่เหรอ?

 

 

ฟู่กุ้ยขาหัก พ่อต้องผ่าตัด หรือต้องรอให้เขาตายก่อนงั้นเหรอ?

 

 

แต่อันที่จริงแล้วหลิวเหมยยังฟังไม่จบ อาจารย์มีเรื่องจะพูดต่อ

 

 

แม่หลิวเหมยยังคงดุลูกไม่หยุด ฟังดูก็รู้เลยว่าเธอพอใจในตัวฟู่กุ้ยมาก

 

 

“เรานี่นะ สายตาพร่ามัวหรือไง? ก่อนหน้านี้ก็ไปเอาผู้ชายอะไรไม่รู้มาเป็นแฟน กว่าจะได้แฟนดีไม่ใช่ง่ายๆ แล้วนี่ยังจะไปหาเรื่องทะเลาะกับเขาอีก แม่จะบอกให้นะ รีบโทรไปขอโทษฟู่กุ้ยเดี๋ยวนี้ ขอโทษเสร็จก็ไปโรงพยาบาลกับแม่ พ่อเรายังนอนอยู่ที่นั่นนะ”

 

 

“แม่จะมายุ่งเรื่องแต่งงานของหนูทำไม หนูบอกว่าไม่เจอก็ไม่เจอสิ เอาเป็นว่าหนูมันตัวกาลกิณี ชาตินี้หนูจะอยู่อย่างนี้นี่แหละ พรุ่งนี้หนูจะเก็บของไปอยู่บนเขา จะไปบวชเป็นแม่ชี”

 

 

“แก” แม่หลิวเหมยโมโหจนเอามือจับหน้าอก ทำไมเด็กคนนี้ทำตัวน่าโมโหได้ขนาดนี้

 

 

เสียงเคาะประตูดังขึ้นมาพอดี แม่หลิวเหมยชี้หน้าลูกสาว อยากจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูดแล้วเดินไปเปิดประตูด้วยสีหน้าบึ้งตึง

 

 

เห็นอวี๋หมิงหลาง เสี่ยวเชี่ยน และบุคคลที่สำคัญที่สำคัญที่สุดอย่างฟู่กุ้ยอยู่ด้านนอก แม่หลิวเหมยรีบทำตัวตามปกติเหมือนอย่างตอนทำงาน ยิ้มแย้มแจ่มใส ต้อนรับเป็นอย่างดี

 

 

“ไอ๊หยา ฟู่กุ้ยมาแล้ว มาๆ เข้ามาก่อน แล้วนี่ขาเป็นอะไรจ๊ะ?”

 

 

“เกิดอุบัติเหตุน่ะครับ แต่ไม่เป็นอะไรมาก กระดูกหักนิดหน่อย ทำคุณน้าเป็นห่วงแย่เลย”

 

 

“เกิดเรื่องทำไมไม่โทรมาบอกพวกน้าล่ะ แล้วนี่ยังมาตั้งไกล เข้ามาเร็ว รีบเข้ามาก่อน” แม่หลิวเหมยพอเห็นฟู่กุ้ยนั่งรถเข็นในสมองก็คิดไปสารพัด

 

 

คนแก่คิดไปต่างๆนานา หรือฟู่กุ้ยจะพิการหลิวเหมยถึงได้ไม่อยากเจออีก?