ตอนที่ 901 ชีวิตดั่งละคร ล้วนต้องพึ่งทักษะการแสดง

แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย

แม่หลิวเหมยคิดแบบนั้น ฟู่กุ้ยพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

 

 

“ขานี่สามวันแล้วครับ กระดูกหักเล็กน้อยไม่ได้หนักมาก พักสักเดือนก็หายครับ ไม่กระทบต่อการเดิน หลิวเหมยเป็นห่วงผมมากเกินไปถึงได้ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ผมเลยมาดูครับ”

 

 

แม่หลิวเหมยมองอวี๋หมิงหลาง เสี่ยวเฉียงรีบเสริม

 

 

“ใช่ครับ แม่ผมดูให้แล้ว อาการไม่หนัก ใช้ยาสูตรประจำตระกูลของบ้านผมช่วยด้วย เดือนนึงก็หายครับ รับรองว่ากลับมากระโดดโลดเต้นได้เหมือนเดิม คนหนุ่มฟื้นตัวไวครับ อีกอย่างฟู่กุ้ยก็ไม่ใช่กระดูกแตกละเอียด ไม่กระทบการเดินแน่นอนครับ”

 

 

แม่หลิวเหมยรีบยิ้มให้ “ฟู่กุ้ยอย่าถือสานะ เด็กคนนี้ถูกพวกเราตามใจจนเคยตัว อวี๋หลิวเหมย! คิดได้หรือยัง? ฟู่กุ้ยขาหักแบบนี้ยังมาอุตส่าห์มาหา เรายังจะไปล้อเล่นรุนแรงกับเขาแบบนั้นอีก ยังไม่รีบมาขอโทษฟู่กุ้ยอีก!”

 

 

สมกับเป็นผู้ใหญ่ พูดจายังเหลือทางให้เดิน พูดแบบนี้เหมือนต้องการทำให้เรื่องเล็กลง

 

 

เดิมพวกเธอก็พอใจในตัวว่าที่ลูกเขยคนนี้อยู่แล้ว แล้วจะปล่อยให้เกิดเรื่องระหองระแหงก่อนจัดงานแต่งได้อย่างไร?

 

 

หัวอกของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ทำงานรับราชการรู้จักพูดจาให้ถูกกาลเทศะ แต่กลับคลอดลูกอย่างหลิวเหมยที่แข็งนอกอ่อนในออกมา พูดส่งไปให้หลิวเหมยขนาดนี้แล้วแต่หลิวเหมยกลับไม่ทำตาม

 

 

“หนูไม่ขอโทษ! หนูจะไม่เจอพี่เขา! อยากจะทำอะไรก็ทำเลย! เลี่ยวฟู่กุ้ยอย่ามายุ่งกับฉันอีก ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!” หลิวเหมยชี้ไปที่ประตูแล้วพูดอย่างไม่ไว้หน้า

 

 

“หา!” แม่หลิวเหมยกุมขมับ แย่แล้ว รู้สึกเหมือนจะเป็นลม

 

 

“คุณน้าใจเย็นๆนะครับ ตอนนี้หลิวเหมยอารมณ์ไม่ดี เธอไม่ได้พูดจริงหรอกครับ บางครั้งเธอก็เหมือนเด็ก พูดจาเอาแต่ใจ อีกเดี๋ยวก็ดีขึ้นครับ”

 

 

“ใช่ๆๆ นิสัยเหมือนเด็ก” แม่หลิวเหมยเห็นท่าทางฟู่กุ้ยเหมือนไม่ถือสา เขาดูไม่เห็นด้วยกับหลิวเหมย แบบนั้นก็ดีเลย

 

 

“อาผมนอนอยู่โรงพยาบาลใช่ไหมครับ? ไปครับ เดี๋ยวผมพาไป จะได้ไปเยี่ยมอาด้วย” อวี๋หมิงหลางพูดได้จังหวะพอดี

 

 

แม่หลิวเหมยได้แต่ยิ้มขอโทษอวี๋หมิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยน “ขอโทษด้วยนะจ๊ะที่ทำให้พวกหนูต้องมาดูคนทะเลาะกัน เด็กคนนี้ชอบทำตัวเอาแต่ใจเหมือนเด็ก เสี่ยวเชี่ยนคงเหนื่อยแย่ ตอนเขาอยู่กับหนูคงทำให้ปวดหัวมากเลยใช่ไหม”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้เป็นแค่ภรรยาของอวี๋หมิงหลาง แม่หลิวเหมยรู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนเป็นน้องสาวที่เป็นลูกติดภรรยาใหม่ของพ่อฟู่กุ้ยอีกด้วย หากมองอีกมุมหนึ่งก็เป็นน้องสาวว่าที่สามีในอนาคตของหลิวเหมย เธอยังรู้มาอีกว่า เสี่ยวเชี่ยนเป็นคนที่ค่อนข้างมีอิทธิพล เอาเป็นว่าเข้าทางเสี่ยวเชี่ยน เรื่องแม่สามีในอนาคตของหลิวเหมยก็ไม่น่ายากแล้ว

 

 

แม่หลิวเหมยฉลาดจริงๆ รู้ว่าถ้าเข้าทางเสี่ยวเชี่ยนอีกหน่อยหลิวเหมยแต่งไปก็จะสบายหน่อย จึงแสดงท่าทางเกรงอกเกรงใจเสี่ยวเชี่ยน

 

 

ถ้าเสี่ยวเชี่ยนไม่มีประสบการณ์จากชาติก่อนที่เจอคนมาเยอะ ไม่แน่เธออาจอ่อนไหวตามคำพูดไปแล้ว

 

 

“ไม่เป็นไรค่ะ ปกติหลิวเหมยนิสัยดีมาก หนูอยู่กับเขามีความสุขดีค่ะ แม่หนูชอบเขามาก อาเลี่ยวก็ด้วย ถ้าแต่งเข้าบ้านหนูรับรองไม่ถูกเอาเปรียบแน่นอนค่ะ”

 

 

เสี่ยวเชี่ยนเองก็มีท่าทีแบบเดียวกับแม่หลิวเหมย พูดจาให้เกียรติและพยายามผูกสัมพันธ์ เพียงแต่คำพูดเกรงใจทั้งหลายคนที่เจนสนามแล้วก็จะละไว้ในฐานที่เข้าใจ เสี่ยวเชี่ยนพูดได้ตรงใจที่แม่หลิวเหมยต้องการพอดี

 

 

“คุณน้าครับ ผมอยากคุยกับหลิวเหมย ช่วยบอกคุณอาหน่อยนะครับว่าพวกเราจะไปถึงช้าหน่อย”

 

 

“ไม่ต้องไปหรอกนี่มันตั้งกี่โมงแล้ว? คืนนี้ก็นอนที่นี่แหละนะ เดี๋ยวน้าหาที่นอนให้” แม่หลิวเหมยเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ในคำพูดของฟู่กุ้ย เขาอยากคุยกับหลิวเหมยตามลำพัง

 

 

ครั้นแล้วเสี่ยวเชี่ยน อวี๋หมิงหลาง และแม่หลิวเหมยจึงออกจากบ้าน ทิ้งฟู่กุ้ยกับหลิวเหมยไว้ หลิวเหมยอารมณ์ไม่ดี เอาแต่ร้องไห้ ฟู่กุ้ยเช็ดน้ำตาให้เธอ เธอร้องเขาก็เช็ด

 

 

“เอาล่ะเลิกร้องเถอะ ตาบวมหมดแล้ว”

 

 

“ไม่ต้องมายุ่ง!”

 

 

“ถ้าไม่ให้พี่ยุ่งกับเธอแล้วจะให้ยุ่งกับใคร? เธอเป็นภรรยาพี่ไม่ใช่เหรอ?”

 

 

เป็นครั้งแรกที่ฟู่กุ้ยเรียกว่าภรรยา หลิวเหมยได้ยินแล้วก็ใบหน้าร้อนผ่าว ร้องไห้หนักกว่าเดิม คราวนี้มาพร้อมเสียง

 

 

ผู้ชายที่ดีแบบนี้ใครจะทิ้งลง เขาดีกับเธอมากจริงๆ

 

 

แต่เธอกลับจะทำทุกคนตายกันหมดบ้าน ฮือ…

 

 

“อาจารย์เธอบอกว่าดวงเธอชงอีกแล้วใช่ไหม?” นิ้วมือของเขาเช็ดน้ำตาให้เธออย่างแผ่วเบา หลิวเหมยมองเขาอย่างตกใจ จากนั้นก็จ้องด้วยความสงสัย คล้ายกับกำลังถามว่ารู้ได้อย่างไร

 

 

สีหน้าที่เก็บความรู้สึกไม่เก่งแบบนี้ทำให้ฟู่กุ้ยรู้ว่าตัวเองเดาถูก

 

 

“เด็กโง่ พวกเรากำลังไปกันได้ดีแบบนี้อยู่ๆเธอก็มาทำไม่ดีใส่พี่ นอกจากอาจารย์เธอพูดจาให้สะเทือนใจอีกแล้วยังจะมีเหตุผลอะไรอีก?”

 

 

“แล้ว แล้วถ้าฉันนอกใจพี่ล่ะ?”

 

 

“เป็นไปไม่ได้ พี่รู้จักเธอดี”

 

 

ประโยคเดียวทำให้หลิวเหมยร้องไห้ขึ้นมาอีกรอบ

 

 

อย่าอ่อนโยนขนาดนี้ได้ไหม เธอจะทำคนทั้งบ้านตายอยู่แล้วนะ!

 

 

“เรื่องที่เธอกังวลพี่รู้ พี่คิดไปคิดมาคงมีทางนี้ทางเดียวแล้วที่จะต่อสู้กับความกลัวของเธอได้ ดูนี่ พี่พกคัมภีร์มาด้วย”

 

 

หลิวเหมยพอได้ยินคำว่าคัมภีร์ก็มองเขาด้วยตาที่พร่ามัวอย่างงงๆ

 

 

เธอเห็นฟู่กุ้ยหยิบหนังสือรวมวาทะเด็ดของท่านผู้นำออกมา!

 

 

หนังสือเล่มนี้ถูกดองไว้นานขนาดไหน? ดูจากสีปกที่ซีดมากก็รู้แล้ว เสี่ยวเชี่ยนซื้อมาได้ก็นับว่าปาฏิหาริย์มาก

 

 

ฟู่กุ้ยเปิดคัมภีร์เล่มนั้นต่อหน้าหลิวเหมยที่มองด้วยความงุนงงแล้วอ่านเสียงดัง

 

 

“ความเชื่องมงายเชื่อไม่ได้!”

 

 

“เอ่อ…” ตอนนี้สมองหลิวเหมยตายไปแล้ว

 

 

พี่! นี่เธอกำลังเสียใจหนักมากนะ ยังจะมาล้อเล่นอีกเหรอ?

 

 

แต่ฟู่กุ้ยไม่ได้คิดว่าตัวเองกำลังล้อเล่นเลยสักนิด เขายังคงอ่านต่อ

 

 

“ลัทธิวัตถุนิยมไม่เชื่อเรื่องผีสางเทวดา!”

 

 

เขาอ่านเสียงดัง ถ้าหลิวเหมยไม่ห้ามเขาก็ยังคงอ่านต่อไป

 

 

“พี่ฟู่กุ้ย พี่อยากพูดอะไรกันแน่?”

 

 

“ให้คำสอนของท่านผู้นำชี้ทางสว่างให้เธอ ความคิดของลัทธิวัตถุนิยมก็คือสิ่งนี้นี่แหละ!” ฟู่กุ้ยชูหนังสือในมือแล้วพูดอย่างฮึกเหิม

 

 

“มา! เบิกตาดูให้ดีๆ ดูซิว่าภายในอีกห้าสิบปีข้างหน้าดวงเธอมันจะทำให้พี่ตายหรือเปล่า! รอพ่อเธอผ่าตัดเสร็จพวกเราจะไปจดทะเบียนกัน พี่อยากจะรู้นักว่าจะมีความคิดแปลกประหลาดพิสดารอะไรมาส่งผลกระทบต่อพี่ได้ภายใต้ทางสว่างที่ท่านผู้นำเป็นผู้ชี้นำ!”

 

 

พอฟู่กุ้ยพูดจบทันใดนั้นเขาก็หยิบกรรไกรแทงเข้าไปที่ขา เลือดซึมออกมาเลอะกางเกงสีดำของเขาทันที!

 

 

หลิวเหมยตกใจจนเกือบเป็นลม

 

 

“พี่ฟู่กุ้ย ขอฉันดูแผลที่ขาหน่อย”

 

 

“เธอต้องรับปากพี่ก่อนว่าจะไม่หลบหน้าพี่อีก ไม่ว่าพี่จะทำอะไรเธอก็ห้ามโกรธพี่!”

 

 

“ได้ ฉันไม่โกรธ รีบให้ฉันดูเร็ว คงไม่ได้แทงโดนเส้นเลือดใหญ่นะ!”

 

 

หลิวเหมยเอาแต่คิดถึงเรื่องนี้ ฟู่กุ้ยเห็นทีปิดบังไม่ได้แล้วจึงปล่อยเธอ หลิวเหมยเอามือสั่นๆไปลูบ สิ่งที่เดิมทีคิดว่าเป็นเลือดสด แต่ปรากฏว่า—

 

 

“นี่มันอะไรน่ะ?”

 

 

เลือดกลายเป็นน้ำใสๆตั้งแต่เมื่อไร?

 

 

“กลายเป็นน้ำไปแล้ว…หลิวเหมย! ดูสิ เธอเป็นนางฟ้าของพี่! เพราะเธออยู่กับพี่ พี่เลยแทงโดนเฝือก ไม่เข้าเนื้อ! ใครบอกกันว่าเธอชะตาแข็งเกินไป?”

 

 

“…คงไม่แข็งเท่าเฝือกหรอกมั้ง!” นี่เขาจงใจแกล้งเธอเหรอ?

 

 

“ถ้าเธอไม่เชื่ออีกก็ลองบอกเลิกอีกรอบสิ ครั้งนี้พี่ไม่ได้แทงเฝือก แต่ถ้ามีอีกครั้งพี่จะแทงเฝือก!”

 

 

“พี่โง่หรือเปล่าเนี่ย มันอยู่เฉยๆพี่จะไปแทงมันทำไม!”

 

 

“ความกลุ้มของคนเราเกิดจากการที่เราคิดไปเองไม่ใช่เหรอ? แล้วอยู่ดีๆเธอมาทิ่มแทงจิตใจพี่ทำไม? ถ้าเธอไม่คิดไปเองพวกเราก็ยังดีๆกันอยู่!”