ใช้รถลัมโบร์กีนีราคาหลายล้านหยวนไปชนกับรถเบนซ์ไม่กี่แสนหยวน หลินลี่ช่างใจปล้ำจริงแท้
ทว่าสำหรับหลินลี่แล้ว มันแค่จิ๊บๆ
เขาอารมณ์ดีก็พอ!
หลังจากระบายเสร็จ หลินลี่ก็อารมณ์ดีขึ้นมาก
“ไอ้เวรนี้ไปงานเลี้ยงเหรอ? เดี๋ยวกูจะคิดบัญชีกับมันหน่อย”
ในฐานะคุณชายแห่งตระกูลหลิน หลินลี่ย่อมเข้าร่วมงานเลี้ยงอยู่แล้ว
หัวเราะเย้ยหยันหนึ่งเสียง หลินลี่ก็เดินไปยังงาน
……
“หยางเฟิง ทำไมคุณพึ่งมาคะ?”
เมื่อเห็นหยางเฟิง เย่เมิ่งเหยียนก็ถามด้วยความสงสัย
หยางเฟิงพูดเสียงเรียบเฉย“ไม่มีอะไรหรอก เมื่อกี้เจอลาโง่ตัวหนึ่งเท่านั้น เสียทำให้เสียเวลา”
เวลานี้เธอไม่รู้เลยว่าหลินลี่ชนรถเธอพังแหลกจนเรียกได้ว่าจนการไม่ได้แล้ว
หยางเฟิงมองสำรรวจงาน พบว่ามีคนร่วมงานหลายร้อยคน
เขาเอ่ยถาม“เป็นไง งานเลี้ยงเริ่มหรือยัง?”
เย่เมิ่งเหยียนมองดูเวลา“ยังหรอกค่ะ ต้องรออีกหลายนาทีถึงจะเริ่ม”
“ออ งั้นพวกเราไปหาของกินกันเถอะ”
กล่าวจบ หยางเฟิงก็พาเย่เมิ่งเหยียนไปยังโซนอาหารบุฟเฟต์ แล้วเริ่มกินอย่างเอร็ดอร่อย
หลิวซิงกับเฟิงชิงหวูเห็นที่นี่ก็เบิกตากว้าง
เพราะผู้เข้าร่วมล้วนเป็นคนมีฐานะทางสังคมกันหมด
พวกเขามาเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความสำเร็จของธุรกิจและพูดคุยประสานมิตรกัน
ซึ่งไม่มีใครเหมือนหยางเฟิงที่เอาแต่กินตะกละตะกลามเลยสักคนเดียว
หลิวซิงกับเฟิงชิงหวูพึ่งเข้าร่วมงานชนชั้นสูงเป็นครั้งแรก ดังนั้นพวกเขาสองคนจึงเกิดอาการหวาดระแวง ไม่กล้าพูดพล่าม ไม่กล้าทำตัวตามสบายเหมือนหยางเฟิง
เย่เมิ่งเหยียนคีบอาหารว่างมากินแค่ไม่กี่ชิ้น
เห็นหยางเฟิงเหมือนผีอดอยากก็อดเป็นห่วงไม่ได้“กินช้าหน่อยค่ะ ระวังติดคอ”
หยางเฟิงหยิบชีสเค้กยัดใส่ปาก กล่าวว่า“ของดีทั้งนั้น คุณไม่ลองหน่อยเหรอ!”
กล่าวจบก็หยิบเค้กป้อนใส่ปากเย่เมิ่งเหยียน
คนรอบข้างเห็นท่าทางของหยางเฟิงพลันเผยใบหน้าดูถูก
หยางเฟิงถาม“เป็นไง อร่อยไหม?”
เย่เมิ่งเหยียนพยักหน้าตอบ“อร่อย”
ระหว่างที่หยางเฟิงกับเย่เมิ่งเหยียนกินของว่างเลิศรสอยู่นั้น
หลินลี่ก็เดินเข้ามา
เขากวาดสายตามองรอบทิศ ไม่นานก็เห็นตัวหยางเฟิง
เมื่อเขาเห็นเย่เมิ่งเหยียน ดวงตาพลันสว่างแวววาบ
โดยเฉพาะเมื่อเห็นหยางเฟิงหยิบของให้เย่เมิ่งเหยียนกิน เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าอีกฝ่ายเป็นโชเฟอร์!
เห็นได้ชัดว่าเย่เมิ่งเหยียนคือเจ้านายของหยางเฟิง
เมื่อนึกได้ดังนี้ หลินลี่ก็เดินไปยังทิศทางหยางเฟิง
“คุณชายหลิน”
พร้อมกันนั้นเกิดเสียงหนึ่งดังขึ้น
หลินลี่หันไปมองพลันเห็นหวงเทียนกับเฉ่าปิงสองคน
เห็นเพียงพวกเขาสองคนใช้ไม้เท้าเดินกะโผลกกะเผลก
“พวกคุณสองคนเป็น……”
เห็นแล้วหลินลี่พลันถามด้วยความฉงนสนเท่ห์
พวกเขาในฐานะคุณชายทั้งสี่แห่งหู้ไห่ หลินลี่ เฉ่าปิง หวงเทียน พวกเขาสามคนเป็นสหายรักต่อกัน
“แม่ง อย่าไปพูดถึงเลย วันนี้พวกเราโดนทำร้าย”
พูดถึงจุดนี้เฉ่าปิงกับหวงเทียนก็รู้สึกเดือดดาล
โชคดีที่ไปรักษาตัวในโรงพยาบาลทันท่วงที จึงสามารถใช้สองขาต่อได้ แต่ต้องใช้ไม้เท้าเดินอีกหลายเดือน
เมื่อนึกถึงเรื่องที่โดนหยางเฟิงหักขาก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
หลินลี่ถามด้วยความประหลาดใจ“มีคนกล้าทำร้ายพวกคุณด้วยเหรอ?”
เฉ่าปิงกับหวงเทียนมีอิทธิพลมากในหู้ไห่
พวกเขาไม่รังเกคนอื่นก็ถือว่าดีแล้ว เคยถูกรังเกเสียที่ไหน?
“แค่คนบ้า อย่าไปพูดถึงเลย”