ตอนที่ 178 ชะตากรรมของผู้ยั่วยุ

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 178 ชะตากรรมของผู้ยั่วยุ

ฉีเฉิงเฟิงรู้สึกผิดขึ้นมาในใจ หากเขาไม่ทำแบบนั้นออกไปซูหวานหว่านก็คงจะไม่ถูกดูถูกแบบนี้!

เมื่อเห็นคราบสกปรกตามเสื้อผ้าของฉีเฉิงเฟิง ซูหวานหว่านรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก นางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มอบผู้ชายงั้นรึ?”

“แน่นอน แต่ว่าข้านั้นไม่รู้ว่าคุณชายเป่ยฉวนชมชอบบุรุษประเภทใด ข้าสามารถให้เงินแก่เจ้าเพื่อชวนเจ้าไปเยี่ยมชมซิงชุนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้ได้นะ แล้วข้าจะให้ชายเหล่านั้นคอยรับใช้ปรนนิบัติคุณชายเป่ยฉวนอย่างดี” ผู้ดูแลเจียงหัวเราะออกมา ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถปกปิดสีหน้าเย้ยหยันบนใบหน้าของตัวเองได้มิด

ผู้ดูแลเจียงกล้ามากที่มาพูดยั่วโมโหนาง ซูหวานหว่านกระตุกยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา นางกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่แล้วชายร่างท้วมคนหนึ่งที่อยู่ในร้านอาหารเจียงก็เดินออกมา เมื่อเห็นซูหวานหว่านก็โยนเงินสองสามเหรียญพร้อมกับเหล่มองไปที่นางและพูดว่า “อ๊ะ นี่คือเงิน ข้าขอซื้อตัวเจ้า!”

ซูหวานหว่านยื่นมือออกมา นัยน์ตาของนางฉายความอาฆาต หากแต่ชายผู้นั้นยังไม่รู้ตัว เขากำลังจะเดินเข้าไปเปิดผ้าคลุมของซูหวานหว่านขึ้นและเอ่ยว่า “มันไม่พออย่างงั้นรึ? เช่นนั้นแล้วข้าจะให้เจ้าเพิ่มเป็นสองเท่าก็ได้! แต่ว่าข้าขอดูหน่อยว่าเจ้าหล่อเหลาเพียงใด!”

“หือ?” ฉีเฉิงเฟิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ทนดูไม่ไหว คว้าดาบที่เอวออกมาและแตะไปที่มือของชายคนนั้น “หากเจ้ายังต้องการแขนอยู่ อย่าได้คิดแตะต้อง!”

“หึ!” ชายคนนั้นจ้องเขม็งไปที่ฉีเฉิงเฟิง และพูดออกมาอย่างเหยียดหยาม “เจ้าเป็นคู่นอนของคุณชายเป่ยฉวนรึ? เหตุใดเจ้าจึงทำเช่นนี้ ไหนจะศิษย์น้องของเขาและตัวคุณชายเป่ยฉวน นี่เจ้ากำลังคิดหวังทำอะไรกันแน่?”

คำพูดที่ดังก้องของเขาดึงดูดผู้คนจำนวนมากให้หันมาสนใจ หากมีมีดหรือดาบอยู่ที่มือของเขาบ้าง แน่นอนว่าเขาคงจะแทงเข้าไปที่ตัวของฉีเฉิงเฟิงด้วยความโกรธแล้ว!

ซูหวานหว่านยิ้มออกมาอย่างเย็นชา และจับดาบที่ยื่นเข้ามาของฉีเฉิงเฟิงลง หญิงสาวใช้แรงแตะไปที่ชายคนนั้น “ข้าจะบอกอะไรให้เจ้าฟัง หากจะพูดสิ่งใดก็ควรจะระวังปากเสียบ้าง! ข้าจะชอบใครมันก็ไม่ได้เกี่ยวกับเจ้า! ข้ากับคุณชายฉีบริสุทธิ์ใจต่อกัน อย่าเอาความคิดสกปรก ๆ ของเจ้ามาพูดมั่ว ๆ!”

เหล่าหญิงสาวที่อยู่รอบ ๆ ส่งเสียงร้องไห้ออกมา เพราะว่าพวกนางได้ยินข่าวมาว่าเป่ยฉวนนั้นเป็นหลงหยาง เมื่อได้ยินเช่นนี้จึงพูดดูถูกเหยียดหยามชายคนนั้นออกมา “ถุย! เจ้าพูดจาเหลวไหล! คุณชายเป่ยฉวนนั้นอ่อนโยน แต่ว่าพวกเจ้าที่เป็นผู้ชายยังมาพูดจาดูถูกเขาอีก! ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!”

“ใช่แล้ว! เจ้าจะมาแย่งคุณชายเป่ยฉวนของพวกเราไปทำไม? เจ้านั้นไม่มีผู้หญิงที่ต้องการจะแต่งงานด้วยหรือ? เหตุใดถึงมาตกหลุมรักเป่ยฉวน?”

“…”

เสียงของฝูงชนดังตะเบ็งเซ็งแซ่ เอ่ยดูถูกชายผู้นั้นออกมาอย่างเลือดเย็นจนเจ้าตัวไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่จ้องมองไปยังพวกนางแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ก่อนรีบหยิบเงินที่ตนเองโยนออกไปกลับมาและรีบเดินหนีไปทันที

เมื่อผู้ดูแลเจียงเห็นแบบนี้ ใบหน้าของเขาก็ซีดทันทีต้องการที่จะหลบหนี หากแต่ซูหวานหว่านไม่ยอมปล่อยไปง่าย ๆ “ผู้จัดการเจียง เมื่อครู่เจ้าเป็นคนบอกว่าจะหาผู้ชายมาให้แก่ข้าไม่ใช่รึ? แล้วเจ้าก็จงใจสาดน้ำมาใส่ข้าด้วย?”

“อะไรนะ! ผู้ดูแลเจียงกลั่นแกล้งคุณชายเป่ยฉวนงั้นรึ? มันจะมากเกินไปแล้ว!” หญิงสาวหลายคนตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ

ผู้ดูแลเจียงตอนนี้ทำให้ชื่อเสียงของร้านอาหารเจียงป่นปี้ จนไม่มีใครเข้ามากินอาหารที่ร้านแล้ว

ซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงรีบกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านของฮวงเหล่า แต่ยังมีหญิงสาวหลายนางเดินตามพวกเขามาด้วย และได้ยินว่ามีคนจากตระกูลฉือนั้นมารอนางอยู่ที่บ้านพักของฮวงเหล่าด้วย

ซูหวานหว่านส่งเสียงไอและพูดออกมาเสียงดังว่า “แม่นางทั้งหลาย ข้าเป่ยฉวนไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินฉือชุนหยูเลย รบกวนพวกท่านช่วยบอกคนของนางที และช่วยอธิบายให้คนอื่น ๆ ที่เข้าใจผิดไปได้เข้าใจด้วยเถิด ข้าไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นกับฉือชุนหยู”

ทันทีที่คำพูดนั้นจบลง กลุ่มผู้หญิงเหล่านั้นก็วิ่งไปที่บ้านพักของฮวงเหล่าทันที และโต้เถียงกับคนของตระกูลฉือ เมื่อซูหวานหว่านมาถึงบ้านพักของฮวงเหล่า นางก็ไม่เห็นคนของตระกูลฉือแล้ว ซูหวานหว่านจึงเดินเข้าไปในลานบ้าน และถอนหายใจออกมา “ข้าอยากที่จะตายกับการที่มีเสน่ห์แบบนี้จริง ๆ!”

ฉีเฉิงเฟิงเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องของซูหวานหว่าน เขาทั้งรักและรำคาญ ชายหนุ่มเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า เมื่อออกมาก็เห็นซูหวานหว่านนั่งอยู่ในลานบ้าน และจู่ ๆ ก็มีเสียงที่ดังข้างนอกประตูดังขึ้น “เป่ยฉวน! ข้าคือแม่เฒ่าหยางเหม่ย! เป็นแม่สื่อ! ข้าอยากที่จะแนะนำสตรีนางหนึ่งให้เจ้า นางจะทำให้เจ้าพบแต่ความสุข! ข้าจะแนะนำผู้หญิงจากตระกูลหลิวให้เจ้าได้รู้จัก เจ้ามีความคิดเห็นอย่างไร?”

“คุณชายเป่ยฉวน! อย่าไปฟังนางเลย! ข้าแม่เฒ่าซูเหม่ย และการแต่งงานที่ข้าจะแนะนำนั้นน่าเชื่อถือกว่า!”

“…”

ซูหวานหว่านขมวดคิ้ว ขณะนั้นนางก็ได้ยินเสียงกระแทกประตู หญิงสาวยิ้มให้ฉีเฉิงเฟิงพร้อมกับพูดว่า “วันนี้ข้าคงจะต้องปล่อยให้สามีของข้าคอยดูแลประตูเสียแล้ว”

พูดจบนางก็เดินไปที่ประตูหลังบ้านและเดินออกไปในทันที

ซูหวานหว่านมุ่งตรงไปยังร้านอาหารเจวียเซ่อ และเข้าไปนอนที่ห้องอาหารส่วนตัว แต่ทันใดนั้นนางก็เห็นใครบางคนทุบโต๊ะด้วยหมัดอย่างแรงด้วยความไม่พอใจ “ใครเป็นผู้ดูแลร้านอาหารเจวียเซ่อ! ไปตามเขาออกมา! เหตุใดที่ร้านอาหารของเจ้าถึงไม่มีเนื้อหมู!”

ท่าทางเช่นนี้…หยาบคายไม่เหมือนกับคนท้องถิ่น อีกทั้งสำเนียงการพูดก็ไม่ใช่ ซู หวานหว่านรู้สึกว่าเขาน่าจะเป็นคนต่างถิ่น

นางกำลังจะไปสอบถามที่มาของผู้ชายคนนั้น แต่ก็เห็นผู้ดูแลหลิวเดินเข้ามา “คุณชาย ท่านคงยังไม่รู้ว่าคราวนี้ร้านของเราซื้อเนื้อหมูไม่ได้แล้ว! ทางการประกาศเป็นลายลักษณ์อักษรออกมาว่ามีการระบาดของพยาธิไส้เดือนในเนื้อหมู! ไม่ให้เอาออกมาขาย! หากแอบขายเนื้อหมูมีโทษถึงตาย ร้านอาหารของเราจึงไม่กล้าซื้อขายขอรับ”

“หือ?” ซูหวานหว่านงุนงง มีประกาศแจ้งแล้ว? เหตุใดนางถึงไม่รู้

จากนั้นผู้ดูแลหลิวก็เอ่ยต่อ “ประกาศนั้นมาจากเมืองโจว และยังมาไม่ถึงเมืองของเรา แต่ข้าก็ไม่กล้าซื้อเนื้อหมู หากท่านต้องการกินเนื้อหมู โปรดไปหาที่ร้านอื่นเถอะ”

หน้าของชายคนนั้นพลันเปลี่ยนไป และเขาก็พูดออกมาว่า “เป็นอย่างนี้นี่เอง”

เมื่อคิดว่าปัญหาจะจบลงแล้ว ชายคนนั้นก็เดินไปหาผู้ดูแลหลิวแล้วพูดว่า “ในเมื่อประกาศยังส่งมาไม่ถึง เหตุใดเจ้าไม่ซื้อมันล่ะ?”

คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคก็ทำให้แววตาของผู้ดูแลหลิวเปล่งประกาย

หูของซูหวานหว่านนั้นดีมาก นางได้ยินมันอย่างชัดเจน ผู้ชายคนนั้นพูดออกมา “มีครอบครัวหนึ่งที่เลี้ยงหมูในเมืองโจว หมูที่นั่นเป็นหมูชั้นดีแต่ไม่ได้ขายออกไป ตอนนี้พวกเขาขายในราคาต่ำมาก หากเจ้าต้องการข้าจะหาหมูที่ราคาถูกมาให้เจ้า ราคาไม่ถึงสองสามร้อยเหรียญ เจ้าจะว่าอย่างไร?”

หมูหนึ่งตัวก็ราคาหนึ่งร้อยเหรียญแล้ว

ซูหวานหว่านตกใจ เหตุใดเนื้อหมูถึงมีราคาถูกขนาดนี้

มีการคดโกงเกิดขึ้นหรือไม่?

ซูหวานหว่านรู้สึกสงสัยและพูดขัดขึ้นมา “ต้องขอโทษคุณชายท่านนี้ด้วย ไม่ทราบว่ามีการตรวจสอบหมูนี่หรือไม่?”

ผู้ชายคนนั้นหน้าซีดเผือดทันที “คุณชาย ท่านสามารถซื้อหมูในราคาหนึ่งร้อยเหรียญได้ แล้วท่านยังจะต้องการหลักฐานอะไรอีก พวกเราเดินทางมาตั้งไกล ค่าเดินทางทั้งหมดรวมกันแล้วก็ราว ๆ ร้อยเหรียญ เหตุใดท่านถึงไม่ยอมซื้อมัน! หากซื้อมันแน่นอนว่าจะทำเงินได้มาก! ท่านจะกลัวอะไร!”

นางไม่เชื่อ

เรื่องนี้มันดูแปลกเกินไป!

ซูหวานหว่านขมวดคิ้วและพูดกับผู้ดูแลหลิว “เสี่ยงมากเกินไป อย่าซื้อมันเพราะเห็นแก่ของถูก และมันก็ไม่ดีที่จะให้แขกกินเนื้อที่เสี่ยงแบบนั้น”

“ก็จริงขอรับ” ผู้ดูแลหลิวพยักหน้า เมื่อเห็นว่าซูหวานหว่านเดินไปที่ครัวด้านหลังแล้ว ผู้ชายคนนั้นก็แสดงสีหน้าที่เคร่งเครียดออกมา เขากำลังจะหยุดซูหวานหว่านแต่ผู้ดูแลหลิวกลับพูดขึ้นมาว่า “คุณชาย ต้องขออภัยด้วย ในเมื่อคุณชายของพวกเราบอกไม่ซื้อก็คือไม่ซื้อขอรับ ท่านจะมาบังคับขายไม่ได้”

แต่เขาไม่เห็นด้วย! และในครัวก็มีคนของเขาอยู่! เขาไม่ต้องการออกไป! แต่โดนคนคุ้มครองลากแล้วไล่ออกไป!

ในเวลานี้ ซูหวานหว่านกำลังจะเดินเข้าไปในห้องครัว แล้วก็มีเด็กในร้านหยิบจานออกมาพร้อมกับตะโกนว่า “เนื้อตุ๋นมาแล้ว!”

เนื้อ? กินเนื้อไม่ได้ไม่ใช่เหรอ? ถึงจะเป็นวัวที่ตายแล้วแต่ก็ต้องไปแจ้งกับทางการ ทางการจะส่งคนมาตรวจสอบก่อน โดยทั่วไปแล้วไม่สามารถเอามาขายเป็นการส่วนตัวได้ เพราะเนื้อวัวมันเป็นของเสวยสำหรับราชวงศ์ แต่…

ซูหวานหว่านเหลือบมอง และเห็นว่าคนผู้นี้ดูเหมือนกับชายคนนั้น นางรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย และพูดออกมา “หยุด!”

คนคนนั้นตื่นตระหนกและวิ่งหนีออกไปในทันที!

ซูหวานหว่านเห็นแบบนั้นก็วิ่งไล่ตามออกไป! แต่ไม่ทันไรก็ไม่เห็นแม้แต่เงาแล้ว!