บทที่ 291 ฟ้าผ่ากลางวัน ฝูงชนต่างสิ้นหวัง!
แดนสุขาวดีดินแดนสูงสุดที่มิมีใครเทียบได้อยู่ยงคงกระพันไร้ที่สิ้นสุดและการกลับชาติมาเกิดจะไม่เกิดขึ้นซ้ําอีก!
เมื่อนึกถึงอนุสรณ์หินโบราณที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางแดนสุขาวดี หัวใจของผู้โดดเดี่ยวก็ยิ่งเปี่ยมไปด้วยอารมณ์มากขึ้น
อันที่จริงพิภพนี้กว้างใหญ่กว่าที่เขาจินตนาการไว้มาก
ตอนนี้เขาได้รับพรอันยิ่งใหญ่และอยู่บนจุดสูงสุดของพิภพนี้
แต่ถ้าเขาได้อยู่บนแดนสุขาวดีล่ะ?เกรงว่าจะไม่ได้รับการจัดอันดับเลยเสียด้วยซ่า
สิ่งมีชีวิตที่เพิ่งปรากฏในภาพเหล่านั้นล้วนเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุดที่บรรลุเขตแดนเซียนต้นกําเนิดภายใต้อํานาจของพวกเขาเกรงว่าจะมีผู้กุมชะตาเป็นจํานวนมากด้วยความแข็งแกร่งของการก้าวสู่เขตแดนผู้กุมชะตาในปัจจุบันของเขาหากไปอยู่บนแดนสุขาวดีนั้นก็คงไม่น่าจะมีอะไร
จ้าวแห่งเกาะสุขาวดีมีจุดประสงค์ในการนําเสนอฉากแดนสุขาวดีเพื่อสิ่งใด?เพื่อจะบอกถึงเขตแดนที่เขากําลังจะมุ่งหน้าไปหรือไม่?
หรือว่าเป็นอย่างอื่น……
แดนสุขาวดี
จ้าวแห่งเกาะสุขาวดี……
มีแสงกระจ่างแวบเข้ามาในความคิดของผู้โดดเดี่ยวและในตอนนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะคิดอะไรบางอย่าง
ชื่อของดินแดนสูงสุดนี้และชื่อของจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีอาจไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
ตามคํากล่าวอ้างของผู้สูงสุดนี้แดนสุขาวดีสามารถรองรับตัวตนของเซียนต้นกําเนิดจํานวนมากได้เป็นจักรวาลที่ทรงพลังที่สุดอย่างแน่นอนในทะเลพหุภพอันไร้ที่สิ้นสุดจักรวาลที่ไร้ที่สุด!และผู้ที่สามารถนั่งอยู่ในจักรวาลที่ไร้ที่สุดก็อยู่เหนือตัวตนของเซียนต้นกําเนิดเต๋าสูงสุด!และจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีนี้ได้กําราบเซียนต้นกําเนิดด้วยฝ่ามือเดียว และเรียกตัวเองว่าจ้าวแห่งเกาะสุขาวดี…….
เป็นไปได้หรือไม่ว่าเขาเป็นสิ่งมีชีวิตสูงสุดที่นั่งอยู่บนแดนสุขาวดีนี้ ผู้ทรงอํานาจสูงสุดที่อยู่เบื้องหลังทุกสิ่ง!
แต่หากเป็นเช่นนั้นเซียนต้นกําเนิดแห่งความมืดในโลงศพโบราณ ถ้าเป็นไปตามที่ผู้โดดเดี่ยวคาดเดาไว้เขาต้องมาจากแดนสุขาวดีนี้
เขา
แต่เมื่อดูปฏิกิริยาของเขาในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเขาไม่รู้จักจ้าวแห่งเกาะสุขาวดี
ในกรณีนี้ทําไมเขาถึงไม่รู้จักตัวตนของจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีนี้? ความตกใจและความสงสัยสลับกันปรากฏขึ้นในหัวใจของผู้โดดเดี่ยว
อย่างไรก็ตามเมื่อเห็นสีหน้าของผู้โดดเดี่ยวก็เห็นได้ชัดว่าฉินมู่ไม่ได้ตั้งใจจะไขข้อสังสัยของเขายิ้มเล็กน้อยเหลือประโยคเดียวและร่างของเขาก็ค่อยๆจางลง
“เมื่อเจ้าเข้ามาในพิภพนี้เจ้าก็จะหาคําตอบได้เอง”
ในที่สุด เวลาได้หายไป มิติเวลาก็กลับคืนสู่ความสงบเช่นกัน
เซียนต้นกําเนิดแห่งความมืดถูกกําจัดออกไปร่างของจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีก็หายไปและพิภพก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบ
แต่ผู้โดดเดี่ยวรู้ว่าภัยพิบัติและอันตรายที่แท้จริงนั้นยังไม่มาถึง
หลายร้อยล้านปีต่อมาเมื่อร่างที่แท้จริงของเซียนต้นกําเนิดมาถึง มันจะเป็นวันแห่งภัยพิบัติที่แท้จริง!
หากไม่สามารถต้านทานได้ในตอนนั้นพิภพนี้ยังคงจะถูกทําลาย
และโอกาสเดียวสําหรับเขาคือการออกเดินทางตอนนี้ขึ้นไปยังแดนสุขาวดีและในอีกพันล้านปีเขาอาจจะแข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับเซียนต้นกําเนิดได้นี่เป็นโอกาสเดียวที่เป็นไปได้ !
“บูม!”
ความปั่นป่วนในแม่น้ำแห่งกาลเวลาที่ทอดยาว พลังอันลึกลับชนิดหนึ่งรบกวนมิติเวลาทําให้จิตวิญญาณที่แท้จริงของราชันบรรพบุรุษนิรันดร์ที่ย้อนรอยต้นนําของแม่น้ำสายยาวแห่งกาลเวลา
หลุดออกจากต้นน้ำลําธารของแม่น้ำสายยาวแห่งกาลเวลา
ภาพโบราณที่ปรากฏขึ้นในต้นน้ำลําธารของแม่น้ำแห่งกาลเวลา ค่อยๆหายไปต่อหน้าทุกคนแต่ทว่าแม้ว่าภาพจะหายไปแล้ว แต่อารมณ์ที่เรียกว่าความเคร่งเครียดและความหวาดกลัวก็ได้
แพร่กระจายไปในหัวใจของผู้แข็งแกร่งในแดนนิรันดร์จํานวนมากในปัจจุบัน
มันเป็นอารมณ์สิ้นหวัง ที่เริ่มก่อตัวหลังจากเหลือบมองภาพของเมื่อหลายพันล้านปีก่อนและเป็นสิ่งที่มิอาจลืมเลือนผุดขึ้นในใจของทุกคนทุกคนจ่าฉากนั้นได้ดี
ผู้สูงสุดที่เรียกกันว่าจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีเคยกล่าวไว้ว่าหลายพันล้านปีต่อมาตัวตนของเซียนต้นกําเนิดที่มืดมนนั้นจะลงมาสู่พิภพนี้!
หลายพันล้านปีต่อมา!
นั่นเป็นภาพเมื่อหลายพันล้านปีก่อน
กล่าวคือ เป็นยุคที่เซียนต้นกําเนิดได้ข้ามทะเลหลายพันล้านจักรวาลและกําลังจะมาถึงพิภพนี้ด้วยวิธีการของเขาพิภพนี้จะถูกทําลายอย่างสมบูรณ์และจะไม่ทิ้งสิ่งใดไว้ข้างหลังเลย!สิ่งมีชีวิตหลายพันล้านชีวิตในพิภพสิ่งที่โหดเหี้ยมจะถูกทําลายด้วยความโกรธเกรี้ยวของเขาและกลายเป็นความว่างเปล่า”มันจบแล้วมันจบลงแล้วแบบนี้มันจะดีได้อย่างไร!”
“ฟ้าผ่ากลางวัน* ฟ้าผ่ากลางวัน!”
(*ฟ้าผ่าแบบไม่มีเค้า ไม่มีเมฆฝน)
“สวรรค์ต้องการทําลายดินแดนของข้า สวรรค์จะทําลายแดนนิรันดร์ของข้า!”
ความหวาดกลัวกําลังเพิ่มขึ้น และความสิ้นหวังกําลังแพร่กระจาย
นี่เป็นทางตันที่สามารถพูดได้ว่ามันแก้ไขอะไรไม่ได้และก็เพียงพอที่จะทําให้สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในพิภพต้องสิ้นหวัง
แม้ว่าจะเป็นเขตแดนราชันเซียนนิรันดร์ แต่เมื่อต้องเผชิญกับหายนะที่กําลังจะเกิดขึ้นนี้พวกเขาทั้งหมดก็ดูไม่มีความสําคัญเลยแม้แต่น้อยกระทั่งพวกเขายังไม่มีคุณสมบัติของตั๊กแตนต้านล้อรถ* เลยด้วยซ้ํา
(ตั๊กแตนต้านล้อรถสํานวนหมายถึงคนที่ทําอะไรไม่ดูกําลังและความสามารถตัวเองทําอะไรเกินตัวจนเดือดร้อนนั่นเอง)
“นี่มัน……”
เหนือเก้าสวรรค์สามราชันบรรพบุรุษนิรันดร์ตื่นขึ้นจากการตระหนักรู้ของตัวเองพวกเขามองหน้ากันและเห็นถึงความขมขื่นและความตกใจที่ปรากฏบนใบหน้าของกันและกันข่าวนี้สําหรับพวกเขาก็เป็นเหมือนสายฟ้าฟาดอย่างไร้ที่มา
“เมื่อเทียบกับภัยพิบัติครั้งนี้ การคุกคามของแดนทมิฬนั้นแทบไม่มีอะไรเลย”
ราชันเฉียนพิมพ์ากับตัวเอง
ก่อนหน้านี้ ภัยคุกคามจากแดนทมิฬเป็นหนามตําใจของราชันเฉียนมาโดยตลอด
แต่ตอนนี้ เมื่อเผชิญกับเซียนต้นกําเนิดที่กําลังจะมาถึง ภัยคุกคามของแดนทมิฬนั้นไม่มีอะไรเลยจริงๆ
การต่อสู้กับแดนทมิฬอาจทําให้แดนนิรันดร์สูญเสียไปมากแต่ยังรักษาเชื้อไฟไว้ได้ในอนาคตแต่เมื่อเผชิญกับตัวตนของเซียนต้นกําเนิดนี้เมื่อพ่ายแพ้ก็จะถึงวาระคงไม่ต้องพูดถึงสิ่งมีชีวิต
นับร้อยล้านชีวิตทั้งพิภพก็จะถูกถอนรากถอนโคนและไม่มีอยู่อีกต่อไป!