บทที่ 292 แรงกดดันสร้างผู้แข็งแกร่งจุดประสงค์ของฉินมู่!

จอมบงการเทพยุทธ์

บทที่ 292 แรงกดดันสร้างผู้แข็งแกร่งจุดประสงค์ของฉินมู่!

ตัวตนของเซียนต้นกําเนิดที่ไม่สามารถอธิบายได้นี้เป็นเหมือนความฝันที่ล่องลอยอยู่เหนือศีรษะของสิ่งมีชีวิตแดนนิรันดร์ซึ่งไม่รู้ว่ามันจะมาถึงเมื่อไหร่แต่เมื่อถูกปล่อยออกมาแล้วสําหรับทั้งแดนนิรันดร์หรือแม้แต่สําหรับคนทั้งพิภพผลลัพธ์ที่ได้คือความหายนะและการทําลายล้าง
“เซียนต้นกําเนิด เซียนต้นกําเนิด…”

“จะต้านทานภัยพิบัตินี้ได้อย่างไร?สวรรค์ต้องการทําลายแดนนิรันดร์ของพวกเรา!”การมองเห็นพิภพในแง่ร้ายและความสิ้นหวังได้แพร่กระจายไปในหมู่ยอดฝีมือของแดนนิรันดร์ในปัจจุบัน

เมื่อเผชิญกับข่าวร้ายอย่างกะทันหันนี้พวกเขาไม่มีแม้แต่อารมณ์ที่จะต่อต้าน

เพราะในภาพโบราณที่เพิ่งแสดงให้เห็นในตอนนี้พวกเขาได้เห็นอย่างชัดเจนถึงตัวตนโดยกําเนิดซึ่งเหนือกว่าผู้ที่ได้มาภายหลังทั้งหมด

ถึงแม้จะเป็นผู้กุมชะตาที่มายังพิภพนี้แต่คนทั้งพิภพก็ไม่สามารถต้านทานได้ นับประสาอะไรกับตัวตนของเซียนต้นกําเนิดที่อยู่เหนือผู้กุมชะตา?
“จ้าวแห่งเกาะสุขาวดี……

หากตัวตนเช่นนี้สามารถเกิดขึ้นได้ภัยพิบัติทั้งหมดจะได้รับการแก้ไข”

ราชันบรรพบุรุษนิรันดร์ยิ้มอย่างขมขื่นแม้ว่าเขาจะพูดอย่างนั้นแต่เขาก็รู้อยู่แก่ใจว่านี่เป็นไปไม่ได้อย่างไม่ต้องสงสัย

สําหรับจ้าวแห่งเกาะสุขาวดีเซียนต้นกําเนิดนั้นไม่มีความสําคัญมากเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาถ้าเขามาที่นี่ก็จะสามารถบรรเทาภัยพิบัติทั้งหมดได้อย่างแน่นอน

แต่ถ้าอีกฝ่ายทําตัวสูงส่ง*หากเป็นไปได้จริงเมื่อหลายร้อยล้านปีก่อนผู้โดดเดี่ยวคงขอให้เขาดําเนินการแก้ปัญหาทั้งหมดนี้แล้ว เขาจะอยู่ที่นั่นไปเพื่อสิ่งใด?

(≠≠ + E ทําตัวสูงส่ง สํานวนจีน ไม่ยึดติดกับความเป็นจริงทําตัวห่างออกไปนิยมใช้กับผู้นําที่ทําตัวเหินห่างและไม่ยอมรับความเป็นจริงมาจากหนังสือ (· JM·X2) ) ยิ่งไปกว่านั้นตัวตนดังกล่าว พวกเขาไม่มีคุณสมบัติพอที่จะขอให้อีกฝ่ายทําอะไรด้วยซ้ำ”ราชันเซียนนิรันดร์ราชันเซียนนิรันดร์…… แม้ว่าเขาจะได้รับการเลื่อนเขตแดนเป็นผู้กุมชะตาแล้วแต่ความหวังก็ยังริบหรี่มาก”

ราชันดอกบัวยิ้มอย่างขมขื่นในตอนนี้ราชันเซียนนิรันดร์ทั้งสามได้เห็นความหมายที่แท้จริงของผู้กุมชะตาเพียงเล็กน้อยหลังจากได้ตระหนักรู้ไปบ้างแล้วเป็นการเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่มากแต่ด้วยเหตุนี้ พวกเขาได้เห็นร่องรอยของแก่นแท้และพลังของผู้กุมชะตาและพวกเขาก็รู้ว่ามันยากเพียงใดที่จะเลื่อนเขตแดนไปยังเขตแดนนั้น

คงไม่ต้องพูดถึงระยะเวลาหลายร้อยล้านปีต่อให้ใช้เวลาชั่วชีวิตความหวังในการบรรลุเขตแดนผู้กุมชะตาก็น้อยมาก

ยิ่งไปกว่านั้นแม้ว่าจะประสบความสําเร็จในการบรรลุเขตแดนผู้กุมชะตาจริงๆแต่ก็ยังไม่เพียงพอที่จะเผชิญหน้ากับเซียนต้นกําเนิดนั้นได้ดังที่เห็นได้จากจอมจักรพรรดิเซียนนิรันดร์แห่งความมืดที่ถูกครอบงําโดยไม่สามารถตอบโต้ได้เลยแม้แต่น้อย

แม้จะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆ น้อยๆที่ไม่มีนัยสําคัญของเจตจํานงที่เหลือจากตัวตนของเซียนต้นกําเนิดแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถต้านทานได้การวางแผนนับพันล้านปีก็จะกลายเป็นเถ้าถ่านในทันที

“แล้วผู้โดดเดี่ยวล่ะหลายร้อยล้านปีผ่านไปเขาไปถึงเขตแดนนั้นแล้วหรือยัง?”

ราชันเฉียนพึมพํากับตัวเองในตอนนี้ในใจของพวกเขาผู้โดดเดี่ยวอาจเป็นตัวตนเดียวในพิภพที่สามารถพึ่งพาได้

แม้ว่าภาพโบราณจะไม่ถูกเปิดเผยแต่ราชันบรรพบุรุษนิรันดร์และคนอื่นๆรู้ว่าผู้โดดเดี่ยวต้องออกจากพิภพนี้และหลังจากนั้นก็ไปยังแดนสุขาวดี เพื่อลับคมให้ตัวเอง

ไม่รู้เลยว่าหลายพันล้านปีผ่านไปเขาจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?และเขาได้ก้าวไปสู่เขตแดนเซียนต้นกําเนิดแล้วหรือยัง?

เขาจะกลับมาและต่อต้านเซียนต้นกําเนิดแห่งความมืดที่กําลังจะมาถึงหรือไม่?

“ถ้าผู้โดดเดี่ยวยังมีชีวิตอยู่เขาจะต้องกลับมาอย่างแน่นอนแต่ข้ากลัวว่า…………

น้ำเสียงของราชันบรรพบุรุษนิรันดร์นั้นฟังดูขมขื่นเล็กน้อย

เมื่อพิจารณาจากสิ่งที่เคยเกิดขึ้นก่อนหน้านี้หากพิภพนี้เกิดปัญหา ผู้โดดเดี่ยวจะไม่อยู่เฉยอย่างแน่นอน

และแรงจูงใจพื้นฐานของเขาที่จะไปยังแดนสุขาวดีนั้นก็คือการแข็งแกร่งขึ้นเพื่อที่จะก้าวไปสู่

เขตแดนเซียนต้นกําเนิดและขจัดปัญหาภัยพิบัติที่กําลังจะเกิดขึ้นในพิภพนี้

แต่ตอนนี้หลายร้อยล้านปีผ่านไปประวัติศาสตร์หลายพันล้านปีถูกทําลายไปนานแล้วและไม่มีร่องรอยของอดีตและตํานานเกี่ยวกับผู้โดดเดี่ยวเลยแม้แต่น้อย

นี่ก็เพียงพอแล้วที่จะแสดงให้เห็นว่าผู้โดดเดี่ยวไม่ได้กลับมาในช่วงหลายพันล้านปีและคาดว่าเขาน่าจะยังคงอยู่ในพิภพนั้นและอาจถึงกับสิ้นชีพไปแล้วด้วยซ้ำ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าความสามารถของผู้โดดเดี่ยวจะไม่มีผู้ใดเทียบได้ เขาผู้ซึ่งประสบความสําเร็จในการเข้าสู่เขตแดนผู้กุมชะตาในพิภพนี้ รวมไปถึงความภาคภูมิใจในอดีตและปัจจุบันแต่สําหรับแดนสุขาวดีแล้วนั่นอาจไม่มีอะไรเลย

สุดท้ายแล้วแดนสุขาวดีนั้นมีแม้กระทั่งตัวตนของเซียนต้นกําเนิดหลายคนเสียด้วยซ้ำในทะเลเลือดที่ไร้ขอบเขตนั้นยังมีศพของผู้กุมชะตาลอยขึ้นลงเป็นจํานวนมาก

ซึ่งแม้ว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งเท่าเซียนต้นกําเนิดแห่งความมืดก็ตามแต่พวกเขาก็ยังดับสิ้นไปเท่านี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าแดนสุขาวดีนั้นอันตรายเพียงใดแม้ว่าจะเป็นผู้กุมชะตาการดับสูญ

ณ ที่แห่งนั้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย

ในเวลาหลายพันล้านปีผู้โดดเดี่ยวไม่เพียงแต่จะต้องมีชีวิตอยู่เท่านั้นแต่เขายังต้องบรรลุเขตแดนเซียนต้นกําเนิดให้ได้อีกด้วย ความน่าจะเป็นของเขานั้นน้อยเกินไป

“เจ้าไม่สามารถวางความหวังทั้งหมดไว้ที่ผู้โดดเดี่ยว”

ราชันเฉียนกล่าวอย่างเคร่งขรึม

“เซียนต้นกําเนิดแห่งความมืดนั้นอาจมาได้ทุกเมื่อความเป็นไปได้ที่เราจะสามารถต้านทานมันได้นั้นน้อยมากแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำวิธีเดียวที่จะมีชีวิตอยู่คือการก้าวไปสู่เขตแดนผู้กุมชะตารักษาไฟของเขตแดนนี้ไว้สําหรับในอนาคต!”

การได้เลื่อนเขตแดนไปสู่ผู้กุมชะตาแล้วตามปกติแล้วจะไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเซียนต้นกําเนิดแห่งความมืดนั้นได้

แต่หลังจากได้รับการเลื่อนเขตแดนเป็นผู้กุมชะตาแล้วพวกเขาสามารถออกจากพิภพนี้ไปได้และไม่ต้องกลัวการข้ามทะเลแห่งความโกลาหล

ในเวลานั้น แม้ว่าจะไม่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ของเซียนต้นกําเนิดแห่งความมืดได้ก็ตาม แต่พวกเขาก็สามารถนําสิ่งมีชีวิตบางชนิดในพิภพนี้ไปด้วงได้ เพื่อเก็บเชื้อสายไว้ไปสู่จักรวาลอันว่างเปล่าหาจักรวาลใหม่เพื่อความอยู่รอดนี่เป็นวิธีเดียวที่เป็นไปได้สําหรับพวกเขานอกเหนือจากการพึ่งพาผู้โดดเดี่ยวในความว่างเปล่าถัดจากฝูงชนไป ฉินมู่ยืนเงียบๆเฝ้าดูทั้งหมดนี้อย่างสงบ

แน่นอนว่าเขารู้ การสร้างประวัติศาสตร์เหล่านั้นด้วยตัวเอง จะนํามาซึ่งความเสียหายครั้งใหญ่ให้กับสิ่งมีชีวิตแดนนิรันดร์เหล่านี้ อาจทําให้หลายคนต้องตื่นตระหนกและถึงกับสูญเสียแรงจูงใจ
ในการฝึกฝนต่อไปแต่ถึงกระนั้น เขาก็ท่ามัน

“หากปราศจากแรงกดดันมหาศาลจะสร้างผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงได้อย่างไร?”
ฉินมู่กระซิบกับตัวเอง

ผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงจะต้องลุกขึ้นจากความทุกข์และความกดดัน

ในชั่วชีวิตที่ยืนยาวของฉินมู่ไม่สามารถฝึกฝนให้ทุกคนแข็งแกร่งได้อย่างแน่นอน

คนส่วนใหญ่ในพิภพเป็นเพียงคนธรรมดาและฉินมู่เพียงแค่ต้องฝึกฝนคนที่แข็งแกร่งที่สามารถยืนหยัดได้ด้วยตัวเองอย่างแท้จริง

ด้วยวิธีนี้ถึงแม้ว่าจะอยู่ภายใต้ความกดดันก็ต้องไม่เป็นอะไร

เพราะผู้ที่หวาดกลัวแรงกดดันและความสิ้นหวังที่กําลังจะมาถึงนี้ ได้สูญเสียความสามารถใน

การฝึกฝนไปแล้วและจะไม่สามารถทําหน้าที่ในการปกป้องแดนนิรันดร์ได้

และตราบใดที่ผู้นั้นสามารถฝึกฝนจนเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริงที่สามารถลุกขึ้นจากแรงกดดันมหาศาลและสามารถยืนอยู่คนเดียวได้เป้าหมายของฉินมู่ก็ถือว่าประสบความสําเร็จ!

เพราะผู้แข็งแกร่งที่แท้จริงย่อมดีกว่าผู้แข็งแกร่งนับล้าน!

และนี่ คือจุดประสงค์ของฉินมู่!