บทที่ 237 สุดยอดวิชาตัวเบา
“หอการค้าสามพันโยชน์ร่วมมือกับอีก 36 ร้านค้าชื่อดังประจำเมืองหยุนเมิ่ง เตรียมจัดเทศกาลขายสินค้าครั้งมหึมาในวันที่ 15 สิงหาคม กล่าวได้ว่านี่คือเทศกาลขายสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดิเป่ยไห่ สินค้าทุกชนิดลดราคามากกว่า 50 ส่วนจากราคาเต็ม สำหรับบัตรเข้าชมงาน สามารถซื้อหาได้เพียงราคาหนึ่งเหรียญทองแดง และจำกัดสิทธิ์ในการซื้อต่อลูกค้า 10,000 คนแรกเท่านั้น มาก่อนได้ก่อน ช้าหมดแล้วจะอดของดี…หอการค้าสามพันโยชน์ช่วยทำความฝันของท่านให้เป็นจริง โดยที่ไม่ต้องเดินทางไปไกลหลายพันโยชน์!”
นั่นคือข้อความที่เป็นประกายอยู่บนด้านหลังเสื้อคลุมสีแดงของหลินเป่ยเฉิน
นอกจากข้อความนี้ ก็ไม่มีสิ่งใดถูกเขียนอยู่บนเสื้อคลุมนำโชคของเด็กหนุ่มอีกแล้ว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือข้อมูลการโฆษณาเทศกาลขายสินค้าของหอการค้าสามพันโยชน์
“หืม? มีเทศกาลที่ลดราคาสินค้าเยอะขนาดนี้ด้วยหรือ?”
“ลดถึงครึ่งราคาเลยใช่ไหมนั่น?”
“หอการค้าสามพันโยชน์ได้ชื่อว่าเป็นหอการค้าที่ใหญ่ที่สุดในจักรวรรดินี้เลยนี่นา”
“เดี๋ยวเราแข่งเสร็จ รีบไปซื้อบัตรเข้างานก่อนดีกว่า”
บรรดาผู้เข้าร่วมการแข่งขันเห็นข้อความบนเสื้อคลุมของหลินเป่ยเฉินอย่างถนัดตา และพวกเขาก็พร้อมใจพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น
ยังไม่ต้องเอ่ยถึงว่าผู้ที่รับชมการถ่ายทอดสดอยู่ทางบ้าน จะตื่นเต้นกับข้อมูลนี้ขนาดไหน
ต่อให้ไม่ได้รับชมการถ่ายทอดสด แต่อีกไม่นานมันก็จะเป็นข่าวที่บอกเล่ากันจากปากต่อปาก
นั่นเป็นเพราะว่าหอการค้าสามพันโยชน์เป็นเจ้าของกิจการค้าขายที่ใหญ่โตที่สุดในเมืองหยุนเมิ่ง แต่ละปีจะจัดเทศกาลเทกระจาดขายสินค้าเพียงไม่กี่ครั้ง ดังนั้น จึงมีผู้คนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก
แม้แต่เหมยซือหยวนก็ยังอดคิดไม่ได้ว่า เมื่อดูแลการแข่งขันวิชาตัวเบาเสร็จแล้ว เขาก็คงต้องไปซื้อบัตรเข้างานด้วยเช่นกัน เทศกาลจะจัดขึ้นวันไหนนะ? อ้อ งานจัดขึ้นวันที่ 15 เดือนนี้นี่เอง กว่าจะถึงตอนนั้น การค้นหาผู้มีพรสวรรค์ประจำเมืองก็คงจบสิ้นลงเรียบร้อยแล้ว
…
ในเวลาเดียวกันนั้นเอง
ณ โต๊ะสังเกตการณ์ของเจ้าหน้าที่จากกระทรวงศึกษา
หลี่สงฟู่ถึงกับโยนถ้วยชาสุดที่รักในมือทิ้งไป
“เจ้าตัวแสบ!” ชายชรากัดฟันกรอด ส่งเสียงคำรามในลำคอ
หลินเป่ยเฉินเตรียมตัวมาล่วงหน้าเป็นอย่างดี
ดูท่าทางแล้ว เด็กหนุ่มมีความฉลาดเฉลียวหาตัวจับยาก ต่อให้ไม่ได้มีสถานะเป็นผู้ฝึกยุทธ์ ก็สามารถหาเงินได้เป็นจำนวนมาก แล้วทำไมหลินเป่ยเฉินถึงทำตัวเป็นคนร้อนเงินขนาดนี้?
…
“อาจารย์เหมยขอรับ” หลินเป่ยเฉินทำลายความเงียบขึ้นเป็นคนแรก “ให้เริ่มการทดสอบเลยไหมขอรับ?”
เหมยซือหยวนกลับมาได้สติอีกครั้งและส่งเสียงตะโกนว่า “เตรียมตัว…ไปได้”
หลินเป่ยเฉินวางเท้าซ้ายลงบนหัวสะพานและย่ำปลายเท้าลงไปเล็กน้อย หลังจากนั้น ตัวของเขาก็ลอยขึ้นไปในอากาศด้วยท่วงท่ามัจฉาไร้เงา ร่างของเขาพุ่งเป็นลำแสงไปจนถึงใจกลางสะพานกระดาษ เมื่อทุกคนเห็นว่าเด็กหนุ่มเริ่มลอยต่ำลงมา เขาก็สะกิดปลายเท้าขวาลงไปบนพื้นผิวกระดาษ จากนั้นตัวคนก็ลอยกลับขึ้นไปในอากาศอีกครั้ง
นี่คือกระบวนท่ามัจฉาแยกร่าง
เขาใช้เวลาเพียง 2 ลมหายใจ ก็ไปถึงอีกฝั่งหนึ่งของสะพานเรียบร้อยแล้ว
เด็กหนุ่มหยิบผืนธงและผลท้อ
จากนั้นจึงใช้วิชาตัวเบามัจฉาไร้เงาแยกร่างอีกครั้ง เมื่อทุกคนรู้ตัวอีกที หลินเป่ยเฉินก็ทิ้งตัวกลับลงมายืนที่จุดเริ่มต้นเรียบร้อย
“รวดเร็วเหลือเกิน…”
นี่คือความคิดที่ผุดขึ้นมาในสมองของทุกคน
“ศิษย์พี่หลิน ท่านควรค่าต่อตำแหน่งผู้ที่รวดเร็วที่สุดแล้ว”
ไป๋ชินหยุนกระโดดโลดเต้นส่งเสียงตะโกนด้วยความดีใจ ส่งผลให้หน้าอกภูเขาไฟของนางกระเพื่อมขึ้นๆ ลงๆ
เห็นดังนั้น หลิงเฉินที่มีความงดงามมากที่สุดในเมือง กลับก้มลงไปมองที่หน้าอกของตนเอง แล้วในดวงตาของนางก็ปรากฏแววอำมหิตขึ้นมาเหมือนอยากจะกินเนื้อคน หลิงเฉินพบว่าคู่แข่งของนางมีข้อได้เปรียบที่ตัวนางเองไม่มี…
เฒ่าทะเลที่นั่งอยู่ในกลุ่มคณะอาจารย์ก็ตกตะลึงไม่น้อยเช่นกัน
เมื่อคืนนี้ เขาสอนวิชามัจฉาไร้เงาแยกร่างให้หลินเป่ยเฉินรับชมเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ชายชรารู้ดีว่าเด็กคนนี้มีความสามารถระดับอัจฉริยะ มีทักษะในการเรียนรู้ทุกอย่างดีเลิศ แต่เฒ่าทะเลก็ยังคิดไม่ถึงว่าเวลาเพียงคืนเดียว จะทำให้หลินเป่ยเฉินใช้วิชาตัวเบาของเขาได้อย่างคล่องแคล่วถึงระดับนี้
ชายชรารู้สึกขึ้นมาในทันทีว่า ตนเองน่าจะปรับเปลี่ยนแผนการสอนเด็กหนุ่มในอนาคตใหม่ทั้งหมด
“หลินเป่ยเฉิน ใช้เวลา 6 ลมหายใจ สะพานไม่ได้รับความเสียหาย มีความสามารถอยู่ในระดับสูง” เสียงตะโกนของเหมยซือหยวนดังกังวานไปทั่วสนามหญ้า
เขาทำเวลาได้เท่ากับเยว่เว่ยหยางและหลิงเฉิน
เด็กหนุ่มสามารถทำคะแนนได้เกินกว่าที่ทุกคนคาดคิดเอาไว้
หลินเป่ยเฉินยังคงยืนหันหลังอยู่หน้ากระจกถ่ายทอดสด เสแสร้งแกล้งทำเป็นยืนบิดขี้เกียจอยู่นานสองนานกว่าที่จะถอดเสื้อนำโชคออกมาเก็บเข้าที่เดิม โดยที่เหมยซือหยวนไม่สามารถทำอะไรได้ นอกจากยืนมองแต่เพียงอย่างเดียว
ในเมื่อไม่มีพรมแดงปูให้เดิน
หลินเป่ยเฉินก็ต้องสร้างพรมแดงขึ้นมาเอง
ช่วยไม่ได้ ของแบบนี้คนฉลาดมักได้เปรียบกว่าอยู่แล้ว
…
“เห็นไหม ทุกคนเห็นแล้วหรือยัง?”
ในบ่อนพนันที่ใหญ่ที่สุดของเมืองหยุนเมิ่ง กำลังมีเสียงร้องตะโกนด้วยความดีอกดีใจ “หลินเป่ยเฉินทำคะแนนออกมาได้เพียงเท่านี้ แสดงว่าเขาต้องได้รับบาดเจ็บแน่นอน มิเช่นนั้นแล้ว ด้วยความสามารถของคนที่ยกกระถางได้หนักถึง 10,500 ชั่ง มีหรือที่เขาจะต้องใช้เวลาถึง 6 ลมหายใจ ด้วยความสามารถแท้จริงของเขา แค่ 3 ลมหายใจก็เพียงพอแล้ว นี่คือหลักฐานที่ยืนยันว่าเขาได้รับบาดเจ็บจริงๆ…”
นักพนันจำนวนมากเกิดความลังเลไม่น้อยเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น
ด้วยความสามารถที่ยกน้ำหนักได้ถึง 10,500 ชั่ง มันคงไม่เป็นเรื่องยากสำหรับหลินเป่ยเฉินแม้แต่น้อยที่จะข้ามสะพานความยาว 20 กว่าวาให้รวดเร็วมากกว่านี้
ในกลุ่มนักพนัน หวังจงและกงกงยืนแฝงตัวสังเกตการณ์อยู่ไม่ห่าง
หวังจงได้ยินดังนั้นก็ส่งเสียงตะโกนขึ้นว่า “พี่น้องทุกท่านอย่าไปเชื่อข่าวลือ หลินเป่ยเฉินไม่มีทางได้รับบาดเจ็บ เขาเพียงแต่เก็บพลังเอาไว้แข่งขันในบททดสอบต่อไป ข้ายังคงเชื่อว่าหลินเป่ยเฉินจะต้องทำคะแนนได้ดีที่สุดแน่นอน…”
หลังจากนั้น ชายชราก็โยนเหรียญทองคำลงไปในตะกร้าที่มีชื่อหลินเป่ยเฉิน
“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านผู้เฒ่าเพ้อฝันอีกแล้ว รู้หรือไม่ว่าท่านกำลังเสียเงินเปล่า เอาเงินอีก 100 เหรียญที่ท่านมีอยู่มาลงพนันข้างเฉาพั่วเถียนไม่ดีกว่าหรือ?” กงกงระเบิดเสียงหัวเราะหยาบคาย ดูถูกการเดิมพันของหวังจงออกมาเสียงดัง
ชายฉกรรจ์ผู้ไว้ผมจุกบนศีรษะเดินเข้าไปยืนกลางวงนักพนัน ยกมือส่งสัญญาณบอกให้ทุกคนฟังเขา “พี่น้องทั้งหลาย เดี๋ยวจะหาว่าข้ามีข้อมูลเด็ดแล้วไม่ยอมบอกกัน หลินเป่ยเฉินหมดอนาคตแล้ว เขาได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง พวกท่านสามารถหาหลักฐานได้จากศิลาฉายทั่วไป ในขณะนี้ มีแต่เฉาพั่วเถียนคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยให้พวกเราร่ำรวย ข้าได้ข้อมูลมาว่าเขาเป็นถึงลูกศิษย์ระดับต้นๆ ของเมืองไป๋หยุน และอาจารย์ของเขาก็คือหนึ่งในสามเซียนกระบี่ประจำเมือง…”
“เจ้ากำลังจะพูดจาเหลวไหลอันใดอีก…”
หวังจงคำรามด้วยความโกรธแค้น กระโดดเข้าไปกระชากคอเสื้อกงกงล้มกลิ้งลงไปบนพื้นด้วยกันทั้งคู่
และเมื่อได้รับชมการถ่ายทอดสดต่อไป คำพูดของกงกงก็ได้รับการยืนยัน เพราะว่าเฉาพั่วเถียนสามารถข้ามสะพานไปกลับได้ในเวลาเพียง 4 ลมหายใจเท่านั้น
เด็กหนุ่มผมทองก้าวขึ้นมาอยู่ตำแหน่งอันดับหนึ่ง
“เฉาพั่วเถียน ใช้เวลาไป 4 ลมหายใจ สะพานไม่ได้รับความเสียหาย มีความสามารถอยู่ในระดับสูง” เหมยซือหยวนยิ้มแย้มออกมาด้วยความพอใจ คำประกาศของเขาดังกังวานไปตามหน้าจอถ่ายทอดสดทั่วเมือง
บัดนี้ นักพนันไม่ลังเลอีกแล้วว่าควรจะเลือกแทงฝั่งไหนดี
พวกเขาต้องเดิมพันอยู่ข้างเฉาพั่วเถียนเท่านั้น!
มือกระบี่รุ่นเยาว์ยอดอัจฉริยะจากเมืองไป๋หยุนต้องเป็นผู้ชนะแน่นอน
“ทุกคนตัดสินใจได้ดีมาก ลองนึกดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเฉาพั่วเถียนคว้าตำแหน่งอันดับหนึ่งไม่ได้? เมืองไป๋หยุนจะต้องอับอายขายหน้าขนาดไหน? และเพื่อเห็นแก่หน้าเมืองไป๋หยุน คณะกรรมการก็ต้องลงคะแนนให้เฉาพั่วเถียนเป็นที่หนึ่งในบททดสอบนี้แน่นอน!”
กงกงจมูกบวมช้ำใบหน้าบวมปูด พูดออกมาเสียงดังระหว่างที่คลานออกมาจากใต้โต๊ะตัวหนึ่ง
…
“ฮ่าฮ่า เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม?”
เฉาพั่วเถียนพอใจกับผลคะแนนของตนเองเป็นอย่างมาก
ทันทีที่ทิ้งตัวกลับลงมายืนอยู่บนพื้นดิน เขาก็เดินมายิ้มเหยียดหยามใส่หน้าหลินเป่ยเฉิน
“เจ้า…” หลินเป่ยเฉินตัวสั่นด้วยความโกรธแค้น “คิดว่าจะเป็นอันดับหนึ่งในบททดสอบนี้อย่างนั้นหรือ? หึหึ ฝันไปเถอะ ข้า…อะเฮื้อก!”
ฟู่!
ในขณะที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เด็กหนุ่มกลับกระอักเลือดออกมาจากปากคำใหญ่
หลินเป่ยเฉินได้รับบาดเจ็บจริงๆ
นั่นคือสิ่งที่ทุกคนคิด
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า” เฉาพั่วเถียนหัวเราะออกมาเสียงดัง “ดูเหมือนว่าเสื้อนําโชคก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้อีกแล้วสินะ หลินเป่ยเฉินเตรียมตัวล้างคอรอรับความตายได้เลย”
ก่อนหน้านี้ หลินเป่ยเฉินเคยพูดจาเยาะเย้ยถากถางเขาเอาไว้มากมาย บัดนี้ ถึงเวลาแล้วที่เฉาพั่วเถียนจะเอาคืนบ้าง
นับว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นหวนคืนสนองจริงๆ