มีคนทรยศ!

 

สองคน สองทาง

เย่หยวนกับหลัวเจีย คนหนึ่งอยู่ซ้าย อีกคนอยู่ขวา สองคู่ก้าวแช่มย่างสามขุมเปิดท้องถนนโล่งกว้าง

เช้าตรู่วันนี้ ดวงสุริยันยังมิทันสว่างขึ้นเฉิดจรัส ทั้งสองก็เดินทางออกจากเมืองกุยฉางไปอย่างเงียบงัน

เสี้ยวพริบตาเดียว ทั้งสองควบทะยานออกไกลนับหลายหมื่นลี้

ออกจากเมืองครั้งนี้ เย่หยวนยังต้องระมัดระวังตัวเป็นอย่างยิ่ง

เขาทราบดี ทันทีที่ตระกูลหวังทราบข่าวเขาออกจากเมืองกุยฉาง พวกนั้นจะต้องล่าสังหารเขาแน่นอน

ระยะสิบปีมานี้ เย่หยวนฝึกปรือหลอมกลั่นโอสถอยู่ในโลกแห่งศิลาจารึกบัลลังก์พิภพโดยตลอด ซึ่งจำนวนโอสถที่หลอมกลั่นขึ้นได้ นับเป็นจำนวนมหาศาลเกินพอสำหรับหอมหาสมบัตินำไปจำหน่าย

โอสถเหล่านี้ เย่หยวนได้กำชับกับผู้จัดการซูไว้อย่างดี ยามเขาและหลัวเจียออกจากเมืองแล้วเท่านั้น ถึงจะเริ่มวางจำหน่ายได้

ข่าวที่เขาออกจากการเก็บตัว ถือเป็นความลับสุดยอดยิ่ง นอกจากสมาชิกระดับสูงไม่กี่คนของหอมหาสมบัติ ก็ไม่มีใครทราบเลย

นับเป็นเวลาสิบปีเต็มที่เย่หยวนไม่เคลื่อนไหวใดๆ ย่อมเป็นไปไม่ได้เช่นกันที่ตระกูลหวังจะว่างจนจับตาเขาดูตลอด

เย่หยวนทราบดี ที่ตระกูลหวังกลายมาเป็นสามตระกูลใหญ่แห่งเมืองกุยฉางได้ แสดงว่าพวกเขามีบรรพบุรุษที่เป็นถึงเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าดำรงอยู่นแน่นอน

ซึ่งขุมพลังใหญ่ขนาดนี้ เพียงความแกร่งกล้าของเย่หยวนในปัจจุบันกลับมิใช่คู่มือได้เลย

 

ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นใด นอกจากระมัดระวังตัวให้ดีที่สุด

เว้นเสียแต่ เย่หยวนกลับไม่ทราบเลยว่า ข่าวของเขากลับรั่วไหลไปถึงหูหวังหลินโปเป็นที่เรียบร้อยแล้วโดยใครบางคน

ซึ่งตระกูลหวังเองก็เตรียมการแอบซุ่มโจมตีนานแล้ว

 

ขณะที่ทั้งสองกำลังควบทะยานเร่งรุด จู่ๆก็มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาขวางทาง

ไร้ซึ่งบ้านเรือน ปราศจากโรงเตี๊ยมแหล่งพักพิงใดๆ บริเวณนี้ช่างเป็นสถานที่ล่อแหลมเหมาะสำหรับดักฆ่านัก

 

วูบบ… วูบบบ…

ทั้งสองยังไร้ซึ่งปฏิกิริยาตอบสนอง กระทั่งอีกฝ่ายยังไม่ทันเห็น ทว่าญาณสัมผัสพลันลั่นดังทันใด สายลมกระโชกแรงสองหอบซัดกระหน่ำจู่โจมพวกเขา

เย่หยวนหน้าถอดสี พลันกระโจนขึ้นฉับพลัน

 

บูมมมม!

ลูกมังกรที่พวกเขาขี่อยู่ถูกซัดกระเด็นบดขยี้ไม่เหลือ

เหล่าเซียนในมหาพิภพถงเทียนไม่สามารถบินได้ พวกเขาจึงต้องใช้ลูกมังกรเพื่อเดินทางระยะไกล หากทรงประสิทธิภาพมีกำลังวังชาดี อาจเดินทางได้ไกลถึงหลายหมื่นลี้ต่อวัน!

 

แต่ใครจะไปคาดคิด กลับเกิดโศกนาฎกรรมกับลูกมังกรทั้งสองเสียก่อน

 

ยามนี้ขยับขยายสายตาสาดพินิจร่างตรงหน้า ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะเป็นถึง เซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุดขนานแท้!

ทั้งสองกลิ่งตกลงมา หลัวเจียที่เห็นดังนั้นถึงขั้นมุ่นคิ้วอุทานลั่นว่า

“หวังอวีกั่น!”

 

ปรากฏว่า อีกฝ่ายเป็นชายชราคนหนึ่ง เขาคลี่ยิ้มบางกล่าวขึ้น

“ข้าไม่คิดไม่ฝัน ยังมีใครบางคนจดจำเราชายชราผู้นี้ได้! เจ้าคงเป็นหลัวเจีย ข้าเคยได้ชื่อเสียงเรียงนามของเจ้ามาบ้าง จอมดาบอันดับหนึ่งแห่งหอมหาสมบัติม,หลัวเจีย!”

 

หลัวเจียขมวดคิ้วแน่น แต่ไม่ตอบ

 

เย่ยหยวนพลันขมวดคิ้วตามเช่นกัน เขากล่าวถามขึ้นว่า

“คนของตระกูลหวัง?”

 

หลัวเจียพยักหน้าเร่งกล่าวอธิบาย

“ผู้อาวุโสสี่ของตระกูลหวัง ขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าได้ตั้งแต่ห้าพันปีก่อน! โดยปกติแล้ว เขามักจะปลีกวิเวกเก็บตัวอย่างสันโดษมาโดยตลอด แต่ข้าไม่เคยเลยว่า หวังหลินโปจะส่งเขาออกมาจริงๆ!”

 

เย่หยวนถอนหายใจอย่างไร้ประโยชน์เฮือกยาว ก่อนกล่าวว่า

“ข้อมูลของเรารั่วไหลออกไปแล้วจริงๆ ดูท่า…ภายในหอมหาสมบัติจะมีคนทรยศ!”

 

 

“เป็นไปไม่ได้!”

หลัวเจียโพล่งตอบสวนทันที

เห็นได้ชัดว่า เขาไม่มีวันเชื่อสนิทใจ ภายในหอมหาสมบัติไม่มีทางมีคนทรยศแน่นอน

 

เย่หยวนเพียงคลี่ยิ้มบางแต่หาได้เอ่ยตอบอันใด

 

 

เดินทางออกจากเมืองคราวนี้ เขาเก็บทุกรายละเอียดและระวังตัวอย่างที่สุด แต่ก็ยังอุตส่าห์มีข่าวรั่วไหลไปถึงตระกูลหวังจนได้ เรื่องนี้ผิดปกติชัดเจน แต่ตัวละครผู้น่าสงสัยในหอมหาสมบัติกลับมีมากเกินตรวจจับ

ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่เถียงอันใดตอบ

เย่หยวนยังไม่แน่ใจว่า ใครกันที่ทรยศต่อหอมหาสมบัติ?

 

“มันคือใคร?”

หลัวเจียเอ่ยถาม

 

“มีคนที่น่าสงสัยอยู่ แต่ข้ายังไม่กล้าการันตีในตอนนี้ นี่มิใช่เวลามาตามสืบ เจ้าพอจะต่อกรกับชายชราคนนั้นได้หรือไม่?”

เย่หยวนเอ่ยขึ้น

 

หลัวเจียกอดดาบพลางเหลียวจับจ้องไปที่หวังอวีกั่น เขากล่าวเสียงเข้ม

“ข้าจะถ่วงเวลาเอง! เจ้าถอยไปก่อน!”

 

ทันทีที่ได้ยินวาจาเหล่านั้น หวังอวีกั่นอดใจระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นอย่างอดมิได้และกล่าวว่า

“เด็กน้อยฟ้าต่ำแผ่นดินสูงหาตระหนักไม่! ยามที่เราชายชราท่องยุทธตะลุยเมืองกุยฉางสารทิศ พวกเจ้ายังไม่ทันลืมตาดูโลกด้วยซ้ำ! ข้าทราบ ใครต่อใครต่างยกย่อเจ้าว่าสามารถสัประยุทธ์ต่อกรกับเซียนปฐมพระเจ้าขั้นสุดได้อย่างสูสี แต่ต่อหน้าเราชายชรา เจ้าที่มิใช่เซียนปฐมพระเจ้าขั้นสุดขนานแท้ กลับถึงคราวเคราะห์แล้ว!”

 

หลัวเจียมิใช่นิสัยใช้วาจาเป็นอาวุธ ได้จังหวะพลางร่ายกระบวนดาบเข้าจู่โจมโดนตรง!

 

เกร๊งงง!

รัศมีคมดาบสีเย็นสาดสะท้อนถอนจากฝักดาบ

 

สุ้มเสียงหัวเราะของหวังอวีกั่นพลันหยุดชะงักทันใด ดาบของหลัวเจียปราดลุถึงตรงหน้าเขาแล้ว!

 

“อาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุด! นี่เป็นไปได้อย่างไร!”

หวังอวีกั่นร้องอุทานลั่น

ถึงยามนี้จะตื่นตะลึงสุดขีด แต่ปฏิกิริยาของเขายังคงเฉียบคมว่องไวไม่ลดทอนแม้แต่น้อย

 

เกร๊งงง!

 

ทวนยาวเข้าปะทะกับคมดาบของหลัวเจีย เสียงโลหะกระแทกชนดังเสียดหู

 

อาวุธคมเข้าต้านรับรุนแรง เห็นท่าไม่ดีเขาเร่งปรีถอยออกห่างหลัวเจียช่วงตัว

ครั้งนี้หลัวเจียเข้าคู่กับเขาได้!

 

“เหอะ เราชายชราผู้นี้ต้องยอมรับ ช่างน่าแปลกใจโดยแท้ ทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุดได้ก่อนออกจากเมือง!”

แม้หวังอวีกั่นจะตื่นตะตกใจ ทว่าหาได้วิตกกังวลไม่

แม้พลังฝีมือของหลัวเจียจะน่าสะพรึงขวัญ แต่ก็ยังมิใช่คู่มือของเขาอยู่ดี

ท้ายที่สุดนี้ หวังอวีกั่นเหลืออีกเพียงก้าวเดียวก็จะทะลวงขึ้นกลายเป็นเซียนอาณาจักรปัจฉิมพระเจ้าแล้ว!

 

แต่น่าเสีย ขั้นตอนนี้กลับยากเย็นดั่งการขึ้นสวรรค์

หากมิอาจพานพบประสบโชคชะตาครั้งใหญ่ ชั่วชีวิตนี้คงยากที่จะทะลวงขึ้นไป

 

หลัวเจียเหลือบมองเย่หยวนเล็กน้อย พร้อมแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความขอบคุณ

ทั้งหมดเป็นเพราะเย่หยวนได้มอบโอสถปราณเทวะขั้นเทวะให้แก่หลัวเจียอย่างลับๆ ซึ่งนั้นช่วยทำให้เขาก้าวข้ามผ่านปัญหาคอขวดเจ้าปัญหามาได้

เขาติดอยู่ที่จุดสูงสุดแห่งอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นปลายมานานเกินนับแล้ว ซึ่งโอกาสที่จะเลื่อนระดับต่อไปกลับไม่มีแม้แต่แวว

 

ด้วยระดับพลังของหลัวเจีย แท้ที่จริงโอสถปราณเทวะไม่มีผลอันใดต่อเขานานแล้ว

เว้นเสียแต่เป็น โอสถปราณเทวะขั้นเทวะ!

 

โอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งชั้นต่ำที่เย่หยวนหลอมกลั่นกลับไม่ส่งผลอะไรกับเขามากนัก แต่หากเป็นโอสถปราณเทวะขั้นเทวะ ตราบใดที่มีจำนวนมากพอ ก็สามารถกลืนเข้าไปได้เรื่อยๆจนกว่าจะทะลวงขึ้นสู่อาณาจักรปัจฉิมพระเจ้า

 

แน่นอน นี่คือขอบเขตเบื้องต้นและข้อกำจัดของโอสถศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่ง

ภายใต้ฤทธิ์โอสถปราณเทวะขั้นเทวะที่เข้าไปกระตุ้น ในท้ายที่สุดหลัวเจียก็ทะลวงฝ่าปัญหาคอขวดที่ติดอยู่นานเป็นเวลาเนินนานได้ในอึดใจเดียว

 

 

หวังอวีกั่นนับเป็นชายชราหัวไวและฉลาดหลักแหลม ปัญญาประสบการณ์สูงส่งตามอายุ เพียงปราดตาเดียว เขาก็อ่านผ่านอ่านสถานการณ์ออกในทันที ก่อนที่จะอดกล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจมิได้ว่า

“ดูท่าเด็กคนนี้จะเป็นคนช่วยให้เจ้าฝ่าปัญหาคอขวดขึ้นมาได้? ด้วยระดับของเจ้าในตอนนี้ มีเพียงโอสถปราณเทวะขั้นเทวะเท่านั้นที่ใช้ได้ผล! ช่างน่าทึ่งนัก! เด็กคนนี้สามารถหลอมกลั่นโอสถปราณเทวะขั้นเทวะให้เจ้ากรอกกินได้ราวกับขนม ไม่น่าแปลกใจว่าไฉนหวังหลินโปถึงกลัวเจ้าขนาดนี้ หากอยู่กับตระกูลหวังของข้าแต่แรก คงดูแลอย่างดีเช่นกัน ทว่ากลับน่าเสียดาย หอมหาสมบัติได้ตัวไป เช่นนั้นจำต้องตาย หากไม่ตายพวกเราตระกูลหวังจะเงยหน้าขึ้นสู่ฟ้าได้อีกอย่างไร?”

เมื่อกล่าวจบหวังอวีกั่นหาได้ปกปิดจิตสังหารใดๆอีก

 

หลัวเจียส่งเสียงเย็นเอ่ยแช่มขึ้นว่า

“หากต้องการฆ่าเขา ข้ามศพข้าไปก่อน!”

 

หวังอวีกั่นยิ้มและกล่าวว่า

“พัฒนาการของเจ้าชวนข้าตะลึงได้ก็จริง แต่นั้นมิได้หมายความว่าผลลัพธ์ที่ได้จะต่างออกไป! ท้ายที่สุดนี้ ประสบการณ์ของเจ้ากลับไม่เจนจัดเท่าข้า!”

กล่าวจบ ทวนยาวของหวังอวีกั่นเร่งปรี่พลังปราณไหลเวียนก่อตัวแน่น ยามเพลงทวนปราดรุกออกไป คลื่นพลังร่ายคลั่งดุจมังกรพิโรธ!

 

หลัวเจียสีหน้าขรึมเข้ม นี่เป็นครั้งแรกในประวัติการณ์ที่เขาวิตกถึงขนาดนี้!

เพลงทวนของหวังอวีกั่นทั้งหนักหน่วงและทรงพลัง บัญชานภาควบคุมกระแสลมอย่างอิสระ และอย่างลืมเสีย เขาเป็นจอมทวนผู้เจนจัดคนหนึ่ง!

 

ร่างของหลัวเจียคล้ายแผ่นกระดาษบางต้านพายุ หากโดนเพลงทวนนี้เข้าสักบท เกรงว่าตัวขาดเป็นสองท่องในพริบตา

อย่างไรก็ตามแต่ เพลงดาบคลั่งของหลัวเจียก็หาใช่ชนชั้นกินเจ นี่เป็นกระบวนดาบที่มีพื้นฐานคือความคล่องตัว

หลัวเจียไม่ได้ปะทะกับหวังอวีกั่นตรงๆ แต่เลือกที่จะหยั่งเชิงเคลื่อนต้านเคลื่อนรุกตามจังหวะ

 

“เย่หยวน เจ้าออกไปก่อน! ข้าจะถ่วงเวลาเขาเอง!”

หลัวเจียตะโกนลั่น

 

อย่างไรก็ตามแต่ เย่หยวนหาได้มีเจตนาหนี เขากล่าวตอบเสียงเย็นว่า

“เย่คนนี้หาใช่คนทิ้งมิตรสหาย! หากวันนี้พี่หลัวพินาศ เย่คนนี้ก็ขอพินาศไปพร้อมกัน!”

ลั่นวาจาหนักแน่นโดยไม่มีลังเลแม้สักนิด

สุ้มเสียงเย่หยวนเอ่ยลั่นเข้าหูหลัวเจีย เขาพลันรู้สึกประทับจับใจยิ่ง

เย่หยวนคนนี้ถือสัจจะคุณธรรมนำใจ หากเป็นคนอื่นคงหนีหางจุกตูดไปนานแล้ว

 

คำกล่าวนี้ได้ปลุกกระตุ้นจิตวิญญาณนักสู้ในกายหลัวเจียจนเลือดร้อน รัศมีแรงกดดันบนคมดาบยิ่งทวีความแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ

 

เย่หยวนเป็นเพียงเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นต้นเท่านั้น ความแตกต่างระหว่างทั้งสองกว้างใหญ่ไพศาลเกินไป จนมิอาจแทรกแซงช่วยเหลือได้เลย เลี่ยงไม่ได้นอกจากยืนสังเกตการณ์อยู่ข้างศึกสัประยุทธ์

 

ความแกร่งกล้าของเย่หยวนหาใช่สิ่งที่เซียนในระดับเดียวกันจะต่อกรได้ก็จริง แต่จะให้มาสัประยุทธ์ข้ามระดับแบบในดินแดนพฤกษานิรันดร์คงเป็นไปไม่ได้แล้ว

หากนับเสียงแห่งจอมเทพมังกร ซึ่งเป็นไพ่ตายเด็ดของเย่หยวน นั้นยังพอมีทุนรอนต่อกรกับเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าชั้นกลางได้บ้าง

แต่หวังอวีกั่นเป็นถึงเซียนอาณาจักรปฐมพระเจ้าขั้นสุด!

 

ยามนี้เห็นว่าเย่หยวนไม่มีเจตนาคิดหลบหนี หวังอวีกั่นลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก

พัฒนาการของเจียหลัวเหนือกว่าที่เขาคาดไว้มาก

ถึงจะฆ่าหลัวเจียลงได้ แต่หากเย่หยวนคิดหนีออกไป การจะไล่ล่าจับตัวอีกครั้งกลับเป็นเรื่องยากแน่นอน