บทที่ 216 – ความฝันในความฝัน (4)
“…”
แก้มของเขาเจ็บ หมอกหนาได้บดบังสายตาของเขาและทำให้สายตาเขาพร่ามัว ซอลจีฮูได้รีบขยี้ตาอย่างแรง
เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขาตื่นขึ้นมาหลังจากหลับกลางวันไป
[ไม่เป็นไรนะ?]
โฟลนได้ลอยมาอยู่ตรงหน้าของซอลจีฮู
“อื้ม…”
ซอลจีฮูได้ตอบกลับอย่างไร้พลัง จากนั้นก็หันสายตาไป
‘นี่มัน….’
เขาบอกได้ว่าเขายังอยู่ในป่า แต่ว่าเขามองไม่เห็นท้องฟ้า
[ยืนไหวไหม?]
จากนั้นเองเขาถึงรู้ตัวว่าเขากำลังนอนอยู่
‘ก็คิดอยู่ว่าทำไมถึงรู้สบายนัก’
เขาได้ยกตัวขึ้นมา และกลายเป็นสับสนไปในทันที ทุกๆคนต่างก็นอนหงายหรือนอนคว่ำกันอยู่ ดวงตาของแต่ล่ะคนต่างก็ปิดอยู่ราวกับว่าพวกเขากำลังหลับอยู่
ในตอนนั้นเองแสงสีน้ำเงินก็ส่องสว่างทะลุหมอกออกมาอยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง
[อย่ามอง!]
โฟลนได้กดหัวของเขาลงในทันที
“โฟลน?”
[มันจะเป็นเหมือนก่อนหน้านี้!]
โฟลนได้ตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ
[เมื่อหินส่องสว่างออกมา ทุกๆคนก็เป็นลมไป!]
“…อะไรนะ?”
[จริงๆนะ! ทุกๆคนได้ล้มลงไปทีล่ะคน…!]
ตามที่โฟลนบอกทั้งทีมได้หมดสติไปหลังจากที่เห็นแสงนั่น นี่มันหมายความว่าแสงนั่นมีพลังที่จะบังคับให้ทุกๆคนหลับลึกลงไป
ซอลจีฮูได้รีบหันหลังหลบดอลเมน
“แล้วเธอล่ะโฟลน? ไม่เป็นไรนะ…?”
[ฉันหรอ? ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้เป็นอะไรเลย]
โฟลนไม่ได้ฝัน เธอไม่ได้หมดสติไปอีกด้วย เธอได้พิสูจน์แล้วว่าคำสาปไม่ได้ผลกับเธอ
บางทีอาจจะเพราะว่าเธอไม่ใช่สิ่งมีชีวิต หรือว่าเธออาจจะเป็นสมาชิกของตระกูลรอชเชอร์ทำให้ได้รับการป้องกันสักอย่าง
[นายแน่ใจนะว่าจะนั่งอยู่เฉยๆน่ะ?]
โฟลนได้ค่อยๆถามออกมาขณะที่ซอลจีฮูกำลังจัดระเบียบความคิดอยู่
[เพื่อนๆของนาย… พวกเขาดูจะตกอยู่ในอันตราย ถึงจะไม่แย่เท่านายก็เถอะนะ]
ซอลจีฮูได้รีบมองไปรอบๆด้วยความตกใจ เขาได้ยินเสียงครางดังออกมาเต็มไปหมดอย่างที่โฟลนบอก ทุกๆคนดูจะเจ็บป่วยและซีดเซียว…
“อึก… กรอด…”
แต่ว่ามีอยู่คนหนึ่งที่ดูจะแย่เป็นพิเศษ
“โกหก… นายโกหก…”
ฟีโซรากำลังเปียกเหงื่อซก พร้อมทั้งพึมพำออกมาทั้งๆที่หลับอยู่ ซอลจีฮูไม่มั่นใจว่าเธอกำลังฝันอะไรอยู่ แต่ว่ามันเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเธอกำลังเจ็บปวด เขาได้รีบลุกขึ้น จากนั้นก็ชะงักไป
เขาต้องช่วยเธอ แต่ว่ายังไงล่ะ?
“โฟลน เธอเป็นคนที่พูดกับฉันในความฝันใช่ไหม?”
[ใช่แล้ว นายได้ยินใช่ไหม?]
“แล้วเธอคุยกับฉันยังไง?”
[คือ… ฉันก็ไม่มั่นใจ]
โฟลนได้พูดออกมาด้วยความลังเลใจ
[จู่ๆทุกๆคนก็ล้มไป… แล้วฉันก็ทำอะไรไม่ถูก ฉันทั้งเขย่าแล้วก็ตบแก้มแล้ว แต่นายก็ยังไม่ตื่น…]
‘เพราะงั้นฉันถึงเจ็บแก้มสินะ’
ซอลจีฮูได้ถามออกมาพร้อมกับลูบคาง
“แล้ว?”
[เพราะงั้นฉันก็เลยตะโกนใส่จี้ออกไป…]
“อ่า”
โฟลนคงจะตะโกนออกมาในตอนที่เขากำลังทรุดตัวสิ้นหวังอยู่ในห้อง
[นายรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงแค่ไหนกัน? อยู่ๆหน้านายก็ซีดไป แถมยังหายใจไม่ออกอีกด้วย…]
ขณะที่โฟลนบ่นออกมาเบาๆ ซอลจีฮูก็ตกอยู่ในความคิด
‘ฉันมีข้อมูลไม่พอ’
“โฟลน เธอได้ยินอะไรเกี่ยวกับจี้อีกไหม?”
[อืมมม… ฉันคิดว่ามันยังมีความลับอีกนะ]
“จริงหรอ?”
[ใช่แล้ว แต่ว่าคุณปู่หยุดพูดเพราะจะบอกให้ฉันหนี ในตอนนั้นคุณปู่กำลังบอกฉันเรื่อง…]
โฟลนได้พูดออกมาด้วยสีหน้าบึ้งตึง
[แต่ว่าคุณปู่ได้บอกว่าให้เอาจี้ไปด้วยหากว่าเราจะไปหามรดก คุณปู่บอกว่ามันใช้เป็นหลักประกันได้]
“หลักประกัน?”
[ใช่แล้ว ต่อให้จะมีภัยคุกคามมากๆ แต่คุณปู่ได้บอกว่า ‘สัญญา’ จะปกป้องเรา….]
ซอลจีฮูได้กัดริมฝีปากออกมา เขามั่นใจแล้วว่าจี้จะช่วยพวกเขาในการหามรดก แต่ว่าเขาไม่มีทางรู้เลยว่ามันมีหน้าที่ทำอะไรกันแน่
‘หากว่าเป็นแบบนี้…’
ฝันร้ายจะทวีความรุนแรงไปเรื่อยๆตามความฝันที่ดำเนินไป เขาได้รีบเข้าไปปลุกทุกๆคน
“อึก… อึก….”
ขณะที่ซอลจีฮูกำลังเค้นสมองครุ่นคิด การหายใจของฟีโซราก็กลายเป็นผิดปกติขึ้่นมา
ในตอนนี้มันไม่ใช่เวลามารั้งรออะไรแล้ว ซอลจีฮูได้รีบเข้าไปหาฟีโซราด้วยความหวังสุดท้าย เขาไม่มั่นใจว่ามันจะได้ผลไหม แต่ว่ามันก็คุ้มค่าที่จะลองเหมือนกับที่โฟลนทำ
และเพราะงั้นเขาจึงใช้มือซ้ายจับจี้เอาไว้ และวางเอาไว้บนหัวด้านขวาของเธอ…
ซ่าาาาห์!
กระแสสายฟ้ารุนแรงได้แล่นผ่านฝ่ามือของเขา
“อ่า…!”
เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกว่างเปล่าในทันทีราวกับว่าพื้นดินหายไป และเขากำลังร่วงลงไปในหุบเหว
[เอ๋!!?]
ขณะที่เสียงโฟลนได้ดังออกมา ภาพที่ซอลจีฮูเห็นก็มืดมนลงไป
***
เมื่อแสงไฟหวนคืนกลับมา ภาพที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าซอลจีฮู
หาดทรายไร้ที่สิ้นสุด และคฤหาสน์ที่ตั้งอยู่บนหน้าผาริมทะเลอันโดดเด่น มันก็คือคฤหาสน์จักรพรรดิโบราณ
ซอลจีฮูได้ผงะไป แต่ว่าไม่นานนักเขาก็ได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์อย่างตีงเครียด หากว่ามันเป็นเรื่องความรักเขาจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ว่าเขาจะหัวไวในเรื่องแบบนี้
‘นี่เป็นความฝันของคุณฟีโซรา’
ซอลจีฮูได้รับคำตอบที่ถูกต้องในทันที ยังไงเขาก็ได้แตะร่างกายของฟีโซราโดยที่ไม่ได้มองแสงจากหุน ในตอนที่เขาสัมผัสเธอ เขาคงจะถูกดูดเข้ามา
เมื่อคิดว่าเขาก็อาจจะได้รับผลกระทบจากคำสาปด้วย การที่จะเกิดผลลัพธ์ที่ต่างจากโฟลนบ้างก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลย
หากว่าเป้าหมายของเขาคือการช่วยฟีโซราสถานการณ์ก็ไม่ได้แย่อะไรเลย การได้เข้ามาปลุกให้เธอตื่นมันคงจะดีกว่าการคอยตะโกนอยู่ด้านนอกเป็นร้อยเท่า
แต่ปัญหาก็คือมันอันตราย
‘ฉันมีเวลาไม่มาก’
ฟีโซราได้อยู่ในสภาพที่อันตราย การปล่อยให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆมันอาจจะจบลงด้วยการที่ความฝันได้กลืนกินชีวิตของเธอ ดังนั้นซอลจีฮูจึงรีบเข้าไปในคฤหาสน์จักรพรรดิโบราณในทันที เขารู้สึกว่าเขารู้ว่าฟีโซราอยู่ที่ไหน
ภายในคฤหาสน์ได้เต็มไปด้วยบรรยากาศหดหู่ แต่ว่าซอลจีฮูก็ไม่ได้คิดว่ามันมืดเลย กลับกันมันมีแสงสว่างกระจายไปทั่วทุกที่ที่เขาไป และทำให้พื้นที่นั้นสว่างขึ้น
ซอลจีฮูได้เอียงหัวออกมาด้วยความสงสัยว่า ‘นี่มันอะไรกัน?’ จากนั้นเขาก็มองลงไปบนจี้
จี้ได้ส่องแสงออกมาสว่างมากกว่าเดิมหลายเท่า พอนึกย้อนไปแล้วในตอนที่เขายังอยู่ในความฝันของเขา มันก็กระพริบออกมาอย่างต่อเนื่อง แต่แค่เขาเพิ่งรู้ตัวสายเกินไปเท่านั้นเอง
ซอลจีฮูได้ยิ้มแห้งๆ และวิ่งออกไปข้างหน้าเต็มกำลัง ในทันทีที่เขาขึ้นไปถึงชั้น 4 เขาก็หยุดชะงักไปโดยไม่รู้ตัว
เขาไม่มีทางเลือกอื่น นั่นมันก็เพราะว่าทั้งชั้นแทบจะไม่เหลือพื้นที่ให้เขาได้ก้าวไปข้างหน้าเลย เขาได้เห็นผู้คนมากมายที่ตายในระหว่างสำรวจคฤหาสน์ และดูเหมือนว่าจะเป็นพรรคพวกของฟีโซรา
[มันเป็นความผิดของเธอ…]
[เราตายก็เพราะความโลภของเธอ! ทั้งหมดเป็นความผิดของเธอ!]
ซอลจีฮูรู้สึกสงสัยถึงสิ่งที่ได้ยิน ศพกว่าสิบคนกำลังชี้ไปที่คนๆหนึ่ง พร้อมทั้งแสดงความเห็นออกมาอย่างอาฆาตแค้น วิญญาณพยาบาทในคฤหาสน์ก็ยังกระโดดโลดเต้นไปกับฉากตรงตรงหน้า
นี่มันเป็นภาพที่แปลกจริงๆ และคนที่อยู่ตรงกลางของทุกๆอย่างก็คือฟีโซรา
[เธอมันยัยน่ารังเกียจ! เธอยังกล้าหนีไปหลังจากที่ฆ่าพวกเราทุกคนอีกหรอ?]
[ตายซะ! หากว่ายังมีสำนึกเหลืออยู่อีกก็ฆ่าตัวตายซะ!]
เธอกำลังร้องไห้อยู่ ฟีโซราที่ถูกศพรายล้อมกำลังร้องไห้ออกมาโดยที่ก้มหน้าชันเข่าอยู่ เธอได้ผงะไปในทุกๆครั้งที่มีคำพูดที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังดังออกมา
“ฉันขอโทษ.. ฉันขอโทษจริงๆ…”
[ขอโทษ? เธอคิดว่าการขอโทษมันจะแก้อะไรได้หรอ?]
“ถ้างั้น… ฉันควรจะทำยังไง…?”
[ยังต้องให้พูดอีกหรอ? เธอก็ต้องตายเหมือนกัน! ฆ่าตัวเองซะเดี๋ยวนี้]
จากนั้นฟีโซราก็เงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อย
“ฉันแค่ต้องตายหรอ…? ถ้างั้นพวกเธอจะให้อภัยฉัน…?”
[แน่นอนสิ! เราจะให้อภัยเธออย่างแน่นอน! เร็วเข้า….!]
ศพได้แสดงความยินดีกันออกมา ทำให้ซอลจีฮูต้องรีบตะโกนขึ้น
“ไม่ได้นะ คุณฟีโซรา!”
ฟีโซราได้ผงะไป เธอได้เงยหน้าขึ้นมามองซอลจีฮูด้วยสีหน้าตกตะลึง
“คุณฟีโซรา! นี่คือความฝัน! ความฝัน!”
แต่ถึงแบบนั้นฟีโซราก็ยังมองมาที่เขาด้วยสีหน้ามึงงง ซอลจีฮูได้รีบวิ่งออกไปข้างหน้าโดยที่ไม่อาจจะห้ามความไม่สบายใจเอาไว้ได้ แต่จากนั้นเขาก็ต้องหยุดลง
ก่อนที่เขาจะรู้ตัวเสียงพึมพำที่เต็มอยู่ทั้งชั้น 4 ก็ได้เงียบหายไป เขาไม่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงหายใจด้วยซ้ำไป เขาอาจจะเข้าใจผิดไป แต่ว่าเขารู้สึกได้ว่ามีสายตานับร้อยคู่กำลังมองมาที่เขา
แคร๊กกกกก!
ทันใดนั้นเสียงกระดูกแตกหักอันน่าขนลุกก็ได้ดังออกมา เสียงนั่นมาจากคอของศพ
คอของซากศพได้หมุม 180 องศาจนกระทั่งหันมามองซอลจีฮู เมื่อเห็นเบ้าตากลวงโบ๋ ซอลจีฮูก็ครางขึ้นภายในใจ
[ความฝัน?]
[กี๊ แล้วถ้ามันเป็นความฝันจะทำไมล่ะ?]
พวกเขาได้หัวเราะเยาะออกมา ดวงตาซอลจีฮูได้หรี่ลง
[เดี๋ยวก่อน เขาเป็นคนเข้ามาที่นี่เอง!]
[ถ้างั้นเราก็ปล่อยเขาออกไปไม่ได้! ฮิฮิ! ฮิฮิฮิ!]
พวกซากศพได้ระเบิดเสียงหัวเราะหน้าขนลุกออกมาก่อนที่จะหันมาหาเขาเต็มตัว ความเป็นศัตรูอย่างชัดเจนได้พวยพุ่งออกมา
[นายก็ต้องมาอยู่ที่นี่ด้วย!]
[กี๋ฮิ๋ฮิ๋!]
ขณะที่ซากศพกำลังวิ่งออกมาเหมือนไฮยีน่าหิวกระหาย…
ซ่าาา! แสงเจิดจ้าได้พุ่งออกมาจากจี้ มันสว่างจ้าจนทำให้ซอลจีฮูมองไม่เห็นไปครู่หนึ่ง
ต่อมาเสียงร้องก็ได้ดังออกมาจากทุกๆที่จนกลายเป็นความวุ่นวาย เมื่อใดก็ตามที่แสงสว่างส่งออกมา วิญญาณร้ายก็จะดิ้นทุรนทุราย เพียงเท่านี้ซอลจีฮูก็มั่นใจขึ้นมา
‘จี้นี่!’
คุณปู่ของโฟลนได้ทิ้งจี้เอาไว้เพื่อให้คนรุ่นถัดไปของตระกูลรอชเชอร์มาหามรดก คำสาปของเจดีย์แห่งความฝันจะทำงานไม่ว่าคนๆนั้นจะเป็นสมาชิกของตระกูลรอชเชอร์หรือไม่ก็ตาม ยังไงก็ตามจี้จะทำหน้าที่เป็นโล่คอยปกป้องผู้ถือครองจากการถูกผลของคำสาป
เพราะแบบนี้ทำให้จี้ส่องแสงออกมาตลอดในความฝันของซอลจีฮู และช่วยให้เขาตื่นขึ้นมาจากเสียงของโฟลน สมมติฐานที่ว่าโฟลนไม่ถูกคำสาปก็เพราะเธอไม่ใช่สิ่งมีชีวิต ก็สมเหตุสมผลอีกด้วย
เมื่อรู้แบบนี้ซอลจีฮูก็ไม่ได้กลัวอะไรอีกแล้ว ยังไงจี้นี่ก็คือบัตรผ่านที่จะช่วยเขาในการไปหามรดกของตระกูลรอชเชอร์
“เอาล่ะนะ คุณฟีโซรา!”
ในทันทีที่เขารู้ถึงเรื่องนี้ เขาก็ได้รีบลงมือทันที เขาได้คว้าแขนฟีโซราเอาไว้ และรีบวิ่งลงบันไดไป
แม้ว่าจะออกมาจากชั้นที่ 1 แล้วซอลจีฮูก็ยังวิ่งต่อไปไม่หยุด ถึงจริงๆแล้วเขาไม่จำเป็นต้องวิ่งเลย แต่ว่าซอลจีฮูก็ยังคงลากฟีโซราออกมาเพราะว่าเธอกำลังหดหู่ เธอกระทั่งส่งเสียงวุ่นวายออกมาอีกด้วย
“เดี๋ยว เดี๋ยวก่อน!”
หลังจากวิ่งตามหาดทรายอยู่นาน ซอลจีฮูก็ได้หยุดลง นั่นก็เพราะว่าขาของฟีโซราเริ่มอ่อนแรงและสะดุดล้ม
“เกิด… อะไรขึ้น…?”
“ความฝัน นี่ก็คือความฝัน ผมบอกคุณไปกี่ครั้งแล้วเนี้ย?”
“ความฝัน? ไม่นะ ฉันมั่นใจว่า…”
ฟีโซราดูจะสับสนมากๆ
ซอลจีฮูได้เม้มปากออกมา เขาได้บอกเธอถึงความไม่สอดคล้องกันของโลกความฝันนี้ แต่ว่าเธอก็ยังไม่แสดงทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาเลย แผลทางใจที่เธอเก็บเอาไว้นานคงจะปะทุออกมาและส่งผลกับจิตใจของเธออย่างแน่นอน ฝันร้ายนี้ดูเหมือนจะได้กัดกินสภาพจิตใจของเธอไปอย่างมากแล้ว
“แต่ว่าทุกๆอย่างมันชัดเจนมาก…”
ซอลจีฮูได้เริ่มรู้สึกรำคาญใจขึ้นมา แต่ว่าเขาก็ห้ามตัวเองเอาไว้
‘ฉันก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน’
เป็นอย่างที่โฟลนบอกเอาไว้ คนที่ฝันอยู่จะไม่รู้สึกว่าตัวเองกำลังฝันอยู่เลย ในขณะที่คนที่เข้าไปแทรกแซงฝันคนอื่นจะรู้ตัวดีว่าพวกเขากำลังอยู่ในความฝัน
แต่ว่าถึงยังไงเขาก็มีเวลาไม่มากแล้ว จี้อาจจะช่วยให้เขาหนีมาได้ แต่ว่าการอยู่ภายในความฝันนานเกินควรมันไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด
งั้นเขาควรจะทำยังไงดีล่ะ? เขาจะทำลายฝันร้ายของฟีโซราได้ยังไงกัน?
เขารู้วิธี จากประสบการณ์ของเขา ฟีโซรากำลังปฏิเสธอย่างหนักแน่นว่าโลกใบนี้เป็นความจริง
ซอลจีฮูได้ค่อยๆย่อตัวลงไปจนถึงระดับสายตาเดียวกับฟีโซรา และค่อยๆโอบบ่าของเธอ
“คุณฟีโซราตั้งใจฟังผมนะ พวกเราต่างก็เคยเจออะไรคล้ายๆกันใช่ไหมล่ะ?”
“นั่น…”
ฟีโซราได้หยักหน้าออกมาโดยไม่รู้ตัว ซอลจีฮูได้พูดขึ้นอย่างสงบด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
“ลองนึกดูนะ นับตั้งแต่นั้นมีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นมากมาย เราได้เจอกันก็เพราะการรับพี่น้องยี่เข้ามาในทีม คุณได้ตามผมมาที่คาเพเดี่ยม เราได้สู้ในสงครามร่วมกัน จากนั้นก็เจอกันที่โลก”
ปากของฟีโซราได้อ้าออกมาเล็กน้อย ซอลจีฮูก็ยังเห็นปฏิกิริยานี้ดี
“คุณยังจำถึงสิ่งที่คุณบอกผมด้วยความโกรธในตอนที่เรากำลังกินสตูวได้ไหม?”
ฟีโซราได้เบิกตาขึ้นมา
“เอ๋? เดี๋ยวก่อนนะ พอนายพูดมันแล้ว การเจอกันบนโลกคือ…”
สิ่งนี้ได้เกิดขึ้นหลังจากเหตุการคฤหาสน์จักรพรรดิโบราณ
ฟีโซราคงจะนึกอะไรขึ้นได้แล้วทำให้เธอพึมพำกับตัวเอง
“ใช่แล้ว หลังจากสงคราม… ฉันได้อยู่กะคอยดูนาย… จากนั้นฉันก็ได้ยินมาว่าเพื่อนของฉันฆ่าตัวตาย แล้วก็กลับไปที่โลก…”
“คุณบอกว่าคุณไปงานศพ”
ซอลจีฮูรู้สึกเหมือนกับว่าเขาได้จี้ความทรงจำที่เจ็บปวดของเธอ สายตาที่เลือนรางของเธอได้ค่อยๆกระจ่างชัดขึ้นมา
“…ถ้างั้น”
สีหน้าของฟีโซราได้ฟื้นคืนกลับมา และเธอก็ได้พึมพำเบาๆ
“เชี้ยเอ้ย ฝันบ้านี่มัน”
เธอได้สบถออกมาจนทำให้ซอลจีฮูยิ้มขึ้น
ใช่แล้ว นี่แหละคือฟีโซรา
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน-“
“ไว้ค่อยคิดเรื่องนี้ทีหลังนะ คุณไม่ใช่คนเดียวที่หลับไป พวกเราต้องรีบกันแล้ว”
ซอลจีฮูได้พูดออกมาอย่างหนักแน่น
“ทำไมคุณไม่ตื่นสักทีล่ะเจ้าหญิงฟีโซรา? ถ้ามันยากเกินไป-“
ความกังวลได้พุ่งออกมาจากภายในตัวเขา แต่ว่าซอลจีฮูได้พยายามรักษาสีหน้าเอาไว้ และพึมพำออกมาอย่างไร้ยางอาย
“คุณอยากจะให้ผมจูบไหม?”
“อะไรนะ?”
ฟีโซราได้เลิกคิ้วสูงขึ้นมา
“ไอ้สารเล- อั๊ก!”
ผั๊วะ!
“อึก!”
ในทันทีที่ฟีโซราตื่นขึ้นมา เธอก็ได้กลิ้งไปกับพื้นพร้อมซอลจีฮู หัวของเธอได้กระแทกเข้ากับเขาอย่างแรก
“…คุณนี่มีนิสัยการนอนที่แย่จริงๆ”
ซอลจีฮูได้ลูบหน้าผากทั้งน้ำตา
“นะ นายเป็นคนพูดนะ!”
ฟีโซราที่กำลังถูหน้าผากได้มองไปรอบๆ และพูดไม่ออก
“นายพูดถูก”
“อ๊ะ อย่ามองไปที่หินนะ เว้นแต่ว่าคุณอยากจะเจอฝันร้ายอีก”
ฟีโซราได้รีบหันกลับมา
‘เกือบไปแล้ว’
ซอลจีฮูได้กลืนน้ำลาย
“ผมขอโทษนะที่มาบอกเอาหลังจากคุณตื่นขึ้นมา แต่ว่าเราไม่มีเวลาแล้ว คุณเข้าใจใช่ไหม?”
“ชะ ใช่แล้ว”
“ในตอนนี้คุณกับผมเป็นคนที่ตื่นอยู่ คนอื่นๆต่างก็ยังอยู่ในฝันร้าย”
เอิ๊อก ลำคอของฟีโซราได้กลืนน้ำลายลงไปอึกใหญ่ เธอไม่ได้โง่ หลังจากได้กลับมาสู่ความเป็นจริง เธอก็ได้กลับมาเฉียบคมเหมือนเดิม และเข้าใจถึงสิ่งที่ซอลจีฮูอยากจะทำได้ในทันที
“ฉันต้องทำอะไร?”
“โอเค ก่อนอื่น-“
“เฮือกกก!”
ขณะที่ซอลจีฮูกำลังจะอธิบายออกมา จู่ๆเสียงร้องสั้นๆก็ดังขึ้น ฟีโซรากับซอลจีฮูได้หันไปมองตาเสียง และเห็นฟีโซรากำลังสะบัดแขนชักกระตุกอยู่
ไม่นานนะ-
ดวงตาเทเรซ่าได้เบิกโพล่งขึ้นมา และเธอได้หอบหายใจหนัก
“ความฝัน?”
เธอได้พึมพำออกมานิ่งๆ จากนั้นก็ดันตัวเองลุกขึ้นมา
“นั่นมันความฝันใช่ไหม?”
เมื่อเห็นเทเรซ่ากำลังพึมพำกับตัวเอง ซอลจีฮูก็อุทานขึ้นด้วยความตกใจ
เธอได้ตื่นขึ้นมาเองโดยไม่ต้องมีการช่วยเหลือจากจี้เลยหรอ? จากฝันร้ายที่เหมือนจริงจนน่ากลัวนั่นน่ะหรอ?
“เจ้าหญิง?”
เทเรซ่าได้หันหน้ามามอง
“…ซอล”
เธอได้มองมาที่เขาด้วยสายตาที่ยังคงมีความสับสนอยู่
“เธอไม่เป็นอะไระนะ?”
เทเรซ่าไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอเอาแต่จ้องมาที่เขาด้วยความสงสัย
“เจ้าหญิง…?”
เมื่อเขาได้เรียกเธออีกครั้งหนึ่ง จู่ๆเทเรซ่าก็ยกแขนขึ้นมาทำเป็นรูปหัวใจ
“สามี!”
จากนั้นเธอก็ตะโกนขึ้นอย่างมีชีวิตชีวา
“ฉันรักนาย!”
“…ว่าไงนะครับ?”
ใบหน้าซอลจีฮูได้บิดเบี้ยวไป
จู่ๆเกิดอะไรขึ้นกับเธอคนนี้กัน
ยังไงก็ตามเทเรซ่าไม่ได้หยุดแค่นี้
“ว่าไงนะครับ? ว่าไงนะครับอะไรกัน? ฉันบอกว่าฉันรักนายไง! เมื่อไหร่นายจะเข้าใจสักที? ฉันอยากจะแต่งงานจะตายอยู่แล้ว!”
“ว่าไงนะ?”
ฟีโซราได้มองไปที่เธอเหมือนกับกำลังมองคนบ้า แต่ว่าเทเรซ่าก็ไม่ได้สนใจฟีโวรา และยังคงตะโกนออกมา
“อ๊าา~ หยุดทำเป็นหูหนวกได้แล้ว หากว่านายทำให้ฉันโกรธ ฉันจะผลักนายลงเดี๋ยวนี้แหละ อ่า พอเราคุยเรื่องนี้กันแล้ว ทำไมเราไม่มามีลูกคนแรกกันล่ะ? นายพร้อมไหม?”
“ว่าไงนะครับ?”
หลังจากพูดเรื่องไร้สาระออกมาสี่ครั้งติดกัน เทเรซ่าก็มองมาที่ซอลจีฮูและพูดซ้ำๆว่า ‘แล้ว? แล้ว?’
“….ใช่แล้ว”
ต่อจากนั้นเธอก็หลับตาลงด้วยใบหน้าที่ยอมรับ จากนั้นก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“?”
“นี่แหละคือปฏิกิริยาที่ถูก”
“?”
นี่มันหมายความว่ายังไงกัน?
เทเรซ่าได้นอนแผ่ลงไปและพึมพำออกมา
“นี่คือความจริง”
ซอลจีฮูได้กลายเป็นสับสนไป คำสาปจะดึงเอาความทรงจำที่คนๆหนึ่งกลัวที่สุด และทำให้พวกเขาได้เจอกับฝันร้าย
ถ้าแบบนั้น…
‘เจ้าหญิงฝันเรื่องอะไรกัน?’
แล้วก็…
‘เธอหลุดออกมาจากความฝันได้ยังไงกัน?’