ตอนที่ 180 ผู้บงการอยู่เบื้องหลัง

เกิดใหม่เป็นสาวน้อยชนบท [特工狂妃:农妇山权有点田

ตอนที่ 180 ผู้บงการอยู่เบื้องหลัง

ถึงแม้ว่าหลักฐานเหล่านั้นฟังดูแล้วได้ข้อสรุป หากแต่ซูหวานหว่านก็ยังคงนิ่งเงียบและเอ่ยถามพ่อครัว “สิ่งที่พวกเขาพูดถูกต้องหรือไม่?”

“ที่พวกเขาพูด…” สีหน้าของอีกฝ่ายพลันเปลี่ยนไป อ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่พูดสิ่งใด

พ่อครัวคนนี้เป็นคนที่มีคุณธรรรม เขาไม่สามารถโกหกได้ ซูหวานหว่านมองหน้าฉือชุนหยูอีกครั้ง นางคงไม่ใช้ชีวิตแม่ของตนเองมาทำร้ายนางหรอก ต้องมีคนอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เป็นแน่!

ซูหวานหว่านคาดเอาไว้แล้ว พร้อมกับพูดออกมาว่า “เนื้อหมูที่ร้านอาหารของเรามีเพียงสิบชั่งเท่านั้น และก็ได้นำมาทำอาหารให้พวกเจ้าหมดแล้ว เนื้อหมูนั้นเป็นเจ้าที่ซื้อมาเอง?”

“ขอรับ!” สีหน้าของพ่อครัวดูเศร้ามาก “เพราะว่าแม่นางฉือสั่งให้ข้าทำซุปไก่และอาหารสองสามอย่าง สิ่งที่ข้านำไปคือน่องไก่ไม่กี่น่อง และปลาสองตัว ส่วนเนื้อหมูนั้นจู่ ๆ คนรับใช้ของบ้านนางก็เข้ามาบอกว่าฮูหยินอยากจะกินเนื้อหมู แต่ที่บ้านไม่มีเลย เมื่อวานข้าก็เลยเป็นคนเอามา แต่ตอนนั้นเนื้อหมูมันยังดีอยู่!”

เมื่อการไต่สวนเดินทางมาถึงจุดนี้ นายอำเภอก็เริ่มปวดหัวขึ้นมา ชายชราจับศีรษะของตัวเองสองสามครั้งแล้วพูดว่า “หาหลักฐานและตรวจสอบทั้งสองฝ่าย”

หลังจากเอ่ยไปได้ไม่นาน พลลาดตระเวนก็เดินออกมาจากร้านเจวียเซ่อพร้อมกับหมูในมือ แต่นั้นคือหมูคุณภาพดี!… แน่นอนว่าร้านอาหารเจวียเซ่อเป็นผู้บริสุทธิ์ แล้วผู้ใดกันแน่ที่เป็นคนผิด?

นายอำเภอขมวดคิ้วและพูดออกมา “ไปตรวจสอบที่บ้านตระกูลฉือ! และตรวจสอบศพของฮูหยินหยวนด้วย!”

ฉือชุนหยูเกิดความกังวลขึ้นมา “ท่านนายอำเภอ! มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าคุณชายเป่ยฉวนเป็นคนทำเรื่องเลวร้าย เหตุใดยังต้องมาค้นบ้านของข้าด้วย! นอกจากนี้ท่านแม่ของข้าก็ตายไปแล้ว ห้ามทำอะไรกับศพของนางนะ!”

“หากไม่ตรวจสอบ แล้วจะเอาความจริงมาจากที่ใด?” ซูหวานหว่านรู้สึกว่ามีบางอย่างที่แปลกไป นางต้องการตามหาความจริงว่ามันเป็นอย่างไรกันแน่ จึงถามออกมา “ผู้ใดเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องต่าง ๆ ภายในบ้านเจ้า? แล้วยังไปซื้อของมาจากคนแปลกหน้าอีก? และอีกอย่างแม่ของเจ้านั้นกินเนื้อหมูราคาถูกและกินยารักษาจากร้านยาเล็ก ๆ ใช่หรือไม่?”

นางจะรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไรกัน!

ฉือชุนหยูเผยสีหน้าเย็นชาก่อนจะส่ายหัว นายอำเภอจึงรู้สึกประหลาดใจมากขึ้นเรื่อย ๆ และนำพลลาดตระเวนไปตรวจสอบที่บ้านของตระกูลฉือทันที

ในตอนนี้ตระกูลฉือเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ทุกคนก็ต่างมามุ่งดูการตรวจสอบ และพบว่ามียาพิษอยู่ในท้องของฮูหยินหยวน ฉือชุนหยูตกตะลึง “ท่านแม่ของข้าชอบดื่มพวกเครื่องดื่มเสริมความงามอยู่เสมอ แต่นางดื่มมาเป็นเวลาเจ็ดหรือแปดปีแล้ว ก็ไม่เห็นมีพิษมีภัยอะไร แล้วจะเป็นไปได้อย่างไรเมื่อดื่มสิ่งนี้เขาไปแล้วจะทำให้ตายได้?”

ทันใดนั้นฉือชุนหยูก็ชี้ไปที่ซูหวานหว่านอีกครั้งและพูดว่า “ต้องเป็นเขาที่ใส่ยาพิษให้แม่ของข้า!”

หลังจากนั้นนางก็ร้องไห้ออกมาอีกครั้ง พลางชี้ไปที่ซูหวานหว่านและสาปแช่งออกมา “คุณชายเป่ยฉวน เจ้าช่างใจร้ายนัก! เมื่อก่อนข้าแค่ตามตอแยเจ้า ไม่คาดคิดเลยว่าเจ้า…”

เสียงร้องไห้ของนางดังระงมไปด้วยทุกสารทิศ ไม่รู้ว่าเหตุใดฉือชุนหยูถึงคิดว่านางจะฆ่าใครได้! ซูหวานหว่านข่มอารมณ์โกรธเอาไว้ พร้อมกับพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “แม่นางฉือ ข้าคิดว่ามันไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องเครื่องดื่ม ข้าสงสัยว่ามันจะมีบางอย่างผิดปกติกับอาหาร มีเศษอาหารเหลือให้พิสูจน์อยู่บ้างไหม?”

จากนั้นพลลาดตระเวนก็เข้าไปหาหลักฐานภายในห้องครัวทันที และพบเศษอาหารกองหนึ่ง ซึ่งเนื้อหมูในนั้นมีพยาธิอยู่เต็มไปหมด!

“คุณชายเป่ยฉวน! เจ้ายังจะมาพูดอะไรอีก? เจ้าเก็บเนื้อหมูที่ดีให้ตัวเองกิน! แต่ใช้เนื้อหมูที่มีพยาธิมาทำร้ายแม่ของข้า!” ฉือชุนหยูโกรธมากจนอยากที่จะทุบตีซูหวานหว่าน

เมื่อได้ยินฉือชุนหยูพูดออกมาแบบนั้น ซูหวานหว่านก็ตกใจ เมื่อเห็นหนูวิ่งผ่าน นางจึงใช้พลังวิเศษพูดคุยกับหนูเงียบ ๆ ซึ่งหนูก็ส่งเสียงร้องดังออกมา

หญิงสาวถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก นางมองไปที่กลุ่มชาวบ้านที่ใส่ชุดสีขาวและสีฟ้า คว้าตัวเขาเอาไว้ทันที เหลือบมองเขาอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า “เจ้าแอบมาเปลี่ยนเอาจานอาหารที่พ่อครัวของข้าทำ และเอาเนื้อหมูที่เจ้านำมาสลับกัน? เจ้าเป็นคนทำ ฟ้าดินย่อมเป็นพยาน! เจ้ายอมจำนนและยอมรับความผิดของตัวเองเสียเถอะ!”

ชายคนนั้นเบิกตากว้าง พูดออกมาอย่างไม่เชื่อ “เจ้า…เจ้า… เจ้ารู้ได้อย่างไร!”

แน่นอนว่าเรื่องนั้นเขาเป็นคนทำ! จากนั้นชายคนนั้นก็กลับคำพูดของตนเองทันที “ไม่ใช่ข้า! ข้าไม่ได้เป็นคนทำ!”

ซูหวานหว่านยิ้มออกมาอย่างเย็นชาโดยชี้ไปที่น้ำมันตรงแขนเสื้อของเขาแล้วพูดว่า “ข้อมือของเจ้าเต็มไปด้วยน้ำมัน และยังล้างออกไม่สะอาด น้ำมันนั้นเป็นน้ำมันพริกที่พ่อครัวข้าใช้ในร้านอาหารของเราเท่านั้น หากเจ้าทำอาหารกินเองหรือกินอะไรที่เป็นเมนูพริก แน่นอนว่ามันไม่มี! ถ้าเจ้าไม่ได้เปลี่ยนอาหารของพ่อครัวไป แน่นอนว่าที่ข้อมือของเจ้ามันจะไม่ติดน้ำมันพริก”

ซูหวานหว่านสันนิษฐานได้ดีมาก!

เมื่อฉือชุนหยูได้ยินแบบนี้ นางก็โกรธมากจนอยากที่จะลงมือทุบตีผู้กระทำความผิด “ให้ตายสิ! ครอบครัวของเราปฏิบัติดีต่อเจ้าไม่ใช่หรืออย่างไร? เหตุใดเจ้าถึงทำเช่นนี้กับข้าได้?! ข้าอยากที่จะทุบตีเจ้าจนตายไปเลย!”

ชายผู้นั้นคุกเข่าลงทันทีและพูดว่า “คุณหนู! มันไม่ใช่ความผิดของข้า! มีชายใส่ชุดดำคนหนึ่งมาหาข้าและบอกว่าเป็นความประสงค์ของคนในตระกูลฉือ ข้าจึงเปลี่ยนจานอาหาร ใช้สมุนไพรที่พวกเขาให้มาให้ฮูหยินกิน แต่ว่า…สมุนไพรนั้นมันดูดีมาก ข้าเองก็กินด้วย พวกท่านดูสิ! ข้าไม่ได้ถูกวางยาพิษ! แน่นอนว่าฮูหยินอาจจะไม่ตายเพราะกินสิ่งนี้เข้าไปก็ได้!”

ทันทีที่ชายคนนั้นพูดจบ เขาก็มีอาการจุกเสียดในช่องท้อง ก่อนจะหมดสติล้มลงกับพื้น และกระอักเลือดสีดำออกมา

เขา…ตายแล้ว!

เมื่อทำการตรวจสอบ ซูหวานหว่านก็ขมวดคิ้ว “คนนี้ก็ถูกวางยาพิษเช่นกัน”

พวกเขารู้ได้ทันใดว่ากินสมุนไพรที่มีพิษเข้าไป!

ซูหวานหว่านคิดถึงตระกูลสือ นอกจากครอบครัวของตระกูลสือนี่แล้ว ยังจะมีตระกูลสือไหนอีก? ทันใดนั้นซูหวานหว่านก็สั่นสะท้าน เป็นไปได้ไหมว่าจะเป็นสองพี่น้องตระกูลสือ สือเฉิงชุนนั้น พวกเขาออกไปที่ห่างไกลแล้วเหตุใดถึงมาลงมือทำลายนางได้อยู่อีก? หรือว่า…พวกเขาสองคนพี่น้องได้กลับมาแล้ว?

เมื่อคิดถึงผู้ที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ นายอำเภอก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “จับเขาไปที่ศาลาว่าการแล้วปิดคดีซะ!”

ดูเหมือนว่าคดีนี้จะถูกปิดเรียบร้อย แต่ซูหวานหว่านยังรู้สึกว่ามีบางสิ่งขาดหายไป ในสายตาของนาง ดูท่าแล้วนายอำเภอนั้นจะรู้ความจริง แต่เพราะคงเป็นพื้นเพของครอบครัวของสองพี่น้องนั้น เขาจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง!

ซูหวานหว่านก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา จะทำอะไรก็จะต้องมีฐานะมากพอที่จะจัดการคนคนนั้นได้ มิฉะนั้นเมื่อตอนที่เราตกเป็นเหยื่อ เราก็จะไม่สามารถเอาคนที่อยู่เบื้องหลังที่แท้จริงออกมาแสดงต่อหน้าสาธารณชนได้!

ซูหวานหว่านไม่สงสัยอะไรอีกต่อไป จึงพาพ่อครัวกลับไปที่ร้านอาหาร เนื่องจากวันนี้มีเรื่องของฉือชุนหยูเข้ามา ที่ร้านของนางจึงมีลูกค้าไม่มากนัก หญิงสาวรู้สึกปวดหัว และสงสัยว่าเรื่องเนื้อหมูที่มีพยาธิจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับสมุนไพรนั้น และมันยังเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมของฮูหยินตระกูลฉือด้วย แต่ว่าคนรับใช้นั้นได้ตายไปแล้ว จึงไม่มีทางที่จะถามที่มาของยานั้นได้แล้ว

ซูหวานหว่านกำลังจะหาทางตรวจสอบเรื่องของยา ฉีเฉิงเฟิงที่เพิ่งจะกลับมาจากทำงานที่ศาลาว่าการก็ถือถุงยาสองถุงกลับมาด้วย พร้อมกับพูดตามรายงานของชาวบ้านคนหนึ่งว่า “ผู้หญิงคนนั้นบอกว่านางรู้สึกว่าร่างกายของตนเองรู้สึกไม่สบายหลังจากที่รับกินเนื้อหมูเข้าไป แล้วก็ได้ยินมาว่ามียาวิเศษที่สามารถแก้อาการนี้ได้จึงไปซื้อมัน พอซื้อมากินแล้วมันก็รู้สึกดีขึ้น แต่กลับเป็นโรคใหม่เข้ามาแทนที่ แล้วก็ได้กินยาตามอาการ แต่กินยาแล้วรู้สึกว่ามันมีความรู้สึกเป็นเหมือนวัฎจักรที่ป่วยซ้ำแล้วซ้ำเล่า ส่วนรายการจ่ายเงินค่ายาก็เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งแพงมากขึ้นกว่าเดิม!”

ซูหวานหว่านสรุปได้ว่านี่เป็นการต้มตุ๋น นางหยิบถุงยามาตรวจสอบดู ส่วนฉีเฉิงเฟิงก็ไปยังสถานที่ที่ชาวบ้านคนนั้นมาร้องเรียนเอาไว้

เห็นร้านค้าเล็ก ๆ มีคนห้าหรือหกคนยืนเข้าแถวเพื่อรอตรวจโรคอยู่ เมื่อพวกเขาเห็นซูหวานหว่านและฉีเฉิงเฟิงเดินเข้ามา คนเฝ้าที่หน้าประตูก็กระโดดเข้ามาปิดประตูทันทีพร้อมกับพูดว่า “วันนี้ร้านปิดแล้ว! พวกเจ้าค่อยมากันใหม่อีกครั้งในวันพรุ่งนี้เถอะ!”

นี่กลัวพวกเขาเหรอ? ซูหวานหว่านยิ่งรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ว่าพวกเขานั้นสามารถบอกถึงคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ได้ ทั้งสองมองสบตากันจากนั้นก็กระโดดเข้าไปทางหน้าต่างที่ยังไม่ได้ปิด

เมื่อเข้าไปด้าน ทั้งสองก็เห็นใบหน้าที่ตื่นตระหนกของคนพวกนั้น!

ทำไมสองคนนี้ตรงหน้านางถึงมีลักษณะที่คุ้นมากนัก? ในขณะที่กำลังสำรวจใบหน้าของพวกเขา พวกเขากลับปิดหน้าทันที!

เป็นใครกันแน่?

ซูหวานหว่านรีบพุ่งเข้าไปทันที!

ความจริงใกล้เข้ามาแล้ว!