“วันล่าสัตว์สิ้นสุดลงแล้ว ตอนนี้ส่งแก่นปีศาจทั้งหมดมาซะ”

เมื่อเห็นว่ารุ่นเยาว์ส่วนใหญ่กลับมาถึง ผู้อาวุโสสูงสุดก็ได้ใช้พลังภายในของตนเปล่งเสียงออกมาอย่างดังลั่น

“เจียงเจิ้ง แก่นปีศาจระดับศูนย์ แปดก้อน”

“เจียงเฟิง แก่นปีศาจระดับศูนย์ หกก้อน”

….

“มีใครอีกรึเปล่า”

“ข้า”

เมื่อพูดจบ เด็กหนุ่มที่ท่าทางองอาจได้เดินออกมาจากฝูงชน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่ด้วยเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นของเขาบ่งบอกได้ว่าเขาพึ่งจะผ่านศึกหนักมา

เด็กหนุ่มคนนี้เมื่อเดินมาถึงด้านหน้า ก็ได้นำแก่นพลังงานสีดำออกมาในมือหนึ่ง และแก่นพลังงานก้อนเล็กๆออกมาด้วยมืออีกข้างหนึ่ง

“เจียงเฉิน แก่นปีศาจระดับหนึ่ง หนึ่งก้อน แก่นปีศาจระดับศูนย์ เจ็ดก้อน”

“นั่นมันแก่นปีศาจระดับหนึ่งนี่นา”

“น่าอัศจรรย์นัก เจียงเฉินนำแก่นปีศาจระดับหนึ่งมากด้วย ช่างทรงพลังจริงๆ”

“นี่เขาเข้าสู่ระดับนักรบแล้วเหรอเนี่ย ด้วยอายุเพียงสิบห้าปีก็ยังไปได้ถึงระดับนี้เลยรึ”

ด้วยเสียงรุ่นเยาว์ที่พูดราวกับกล่าวชมเขาโดยอ้อม นี่ยิ่งทำให้เจียงเฉินอดไม่ได้ที่จะรู้สึกภูมิใจและกล่าวชมตัวเองออกมาอย่างภาคภูมิ

“แน่ล่ะ แก่นปีศาจระดับหนึ่งก้อนนี้ข้าได้มาจากกระต่ายปีศาจที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับผู้บ่มเพาะระดับนักรบเลยนะ ข้าต้องต่อสู้กับมันอย่างนองเลือดเลยถึงจะนำมันมาได้”

“ไม่เหมือนกับขยะบางคนที่ร่างกายสะอาดสะอ้านแล้วกลับมามือเปล่า ข้าพนันได้เลยว่ามันผู้นั้นต้องซ่อนตัวอยู่จนกระทั่งหมดเวลาล่าสัตว์ไป”

แน่นอนว่าคนที่ชายหนุ่มคนนี้ได้พูดถึงก็คือเจียงหยวน ผู้ซึ่งอยู่ห่างไกลจากผู้คน

เมื่อได้ยินแบบนี้ เจียงหวู่ที่พึ่งจะมาสังเกตเห็นว่าเจียงหยวนยืนนิ่งเงียบ ก็รู้สึกราวกับอยากจะกร่นด่าขึ้นมาอย่างสุดหัวใจ

เมื่อสังเกตว่าตัวเองตกเป็นเป้าสายตา เจียงหยวนก้ไม่ได้พูดอะไรมาก ทำเพียงแค่ยืนนิ่งไม่ไหวติง

“หยวนเอ๋อร์ ไม่ต้องไปสนใจหรอก จะแพ้หรือชนะไม่สำคัญ เจ้าเองก็ยังไม่อาจจะบ่มเพาะได้อยู่ พ่อจะพยายามให้เจ้าได้รับตำแหน่งผู้อาวุโสนอกให้ได้ เพื่อที่เจ้าจะได้ไม่ต้องมายุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้อีก”

เจียงหยวนเมื่อได้ยินก็ส่ายหน้าไปมาพร้อมรอยยิ้ม “ไม่ต้องกังวลท่านพ่อ”

“เจียงหยวน ตาเจ้าแล้ว เจ้าคงจะไม่ได้กลัวเสียหน้าจนไม่กล้าจะนำของมาส่งมอบใช่รึเปล่า หรือเจ้าจะบอกว่าเจ้าไม่ได้อะไรมาเลยจริงๆล่ะ”

ในตอนนี้ เจียงเฉินพูดยั่วยวนกวนบาทาใส่เจียงหยวนด้วยรอยยิ้มแสยะ

เจียงหยวนไม่ได้โต้ตอบ เขาเพียงแค่ก้าวเดินไปบนเวทีทีละก้าวอย่างช้าๆ เขาไม่ได้มองหน้าผู้อาวุโสสูงสุดเลยสักนิด ทำเพียงแค่โยนถุงเก็บของในมือของตนลงบนโต๊ะ

“เจียงหยวน นี่เจ้าหมายความว่ายังไง”

หัวหน้าของเหล่าผู้อาวุโส ผู้อาวุโสสูงสุดที่เห็นการกระทำอย่างจงใจของเจียงหยวนได้อย่างชัดเจนก็ได้ตวาดออกมาอย่างขุ่นเคืองใจ

ดวงตาของเจียงหยวนกระตุกในทันที พร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลน แต่ก็เพียงพูดออกมาเบาๆ “อย่าสนใจข้าเลย แค่ตรวจดูของข้างในก็พอ”

เมื่อเห็นท่าทางไม่เคารพของเจียงหยวน ผู้อาวุโสสูงก็ได้ขมวดคิ้วแน่น ความโกรธได้พุ่งทะลุขึ้นมาเต็มหัวใจจนเอ่อล้นทำให้เขาพูดออกมาด้วยความเดือดดาล “ข้าล่ะอยากรู้จริงๆว่าเจ้าจะได้แก่นปีศาจมาสักแค่ไหนกัน ไอ้ขยะเอ๊ย”

เพียงแต่สิ่งที่เขาเห็นนั้นกลับเหนือล้ำไปกว่าที่เขาคิดอย่างมากมาย

ผู้อาวุโสสูงสุดได้มีใบหน้าที่แข็งค้างไปเมื่อพบเห็นแก่นปีศาจละดับหนึ่งสิบกว่าก้อน และแก่นปีศาจระดับศูนย์อีกราวๆสี่สิบก้อนเห็นจะได้

เขายืนจ้องมองพวกมันอย่างนิ่งเงียบ

เจียงเฉินที่เฝ้ารอดูผลอยู่ข้างๆ ก็อดที่จะถามออกมาอย่างดูแคลนไม่ได้ “เท่าไหร่กัน”

“แกมันโกง”

“โฮ่ ข้าต้องโกงกับเขาด้วยงั้นรึ”

เจียงหยวนตอบกลับด้วยรอยยิ้มกว้าง

ผู้อาวุโสสูงสุดที่หลุดปากออกมาก่อนหน้านี้ก็มีความรู้สึกด้านชาขึ้นมาในทันที ก่อนจะพูดออกมาด้วยท่าทางเคร่งขรึม

“ในพื้นที่ล่าสัตว์ในครั้งนี้มีสัตว์ปีศาจระดับหนึ่งอย่างมากก็แค่ห้าตัวเท่านั้น แต่เจ้ากลับมีแก่นปีศาจระดับหนึ่งในกระเป๋าถึงสิบห้าก้อน ถ้าเจ้าไม่โกงแล้วจะเรียกว่าอะไร”

“อะไรนะ แก่นปีศาจระดับหนึ่งสิบห้าก้อนแลยเหรอ”

เจียงเฉินที่ได้ยิน จากเดิมที่มีความภาคภูมิใจอย่างสูงล้ำ เขาก็กลับมีใบหน้าที่โง่งมในทันที เพราะตัวเขาเองพึ่งจะทำการพูดจาถากถางเจียงหยวนไปกับปาก ทั้งๆที่เขามีแก่นปีศาจระดับหนึ่งมากกว่าเขามากมายหลายเท่า

เป็นตอนนี้ที่คนจำนวนหนึ่งที่เดินกลับจากพื้นที่ล่าสัตว์ได้เดินตรงเข้ามา

“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด นายน้อยได้รับแก่นปีศาจเหล่านั้นมาด้วยตัวเอง นายน้อยไม่ได้ใช้กลโกงแต่อย่างใด”