คนที่ก้าวเข้ามานี้คือเจียงต๋งและพวกของเขาอีกสามคน ผู้ซึ่งถูกเจียงหยวนช่วยชีวิตเอาไว้ก่อนหน้า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ น้ำเสียงของผู้อาวุโสสูงสุดก็เปลี่ยนเป็นแข็งกระด้าง ก่อนจะไปจิตสังหารออกมา และปล่อยมันเข้าใส่คนทั้งสี่ด้วยจิตมุ่งร้าย พร้อมกับพูดออกมาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อคนทั้งสี่เสียให้ได้
“พวกเจ้าแน่ใจงั้นรึในสิ่งที่พูดออกมา เจ้าจะบอกว่ามันฆ่าสัตว์ปีศาจระดับหนึ่งไปสิบกว่าตัวโดยที่เสื้อผ้าของมันไม่เปรอะเปื้อนแล้วเดินจากออกไปอย่างง่ายดายงั้นรึ”
“เรื่องนี้….”
เมื่อสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่เย็นยะเยียบ เจียงต๋งและพวกแม้จะอยากพูดออกมาใจจะขาด แต่ก็ราวกับถูกสะกดข่มไม่ให้ทำได้แม้แต่การหายใจ
เป็นตอนนี้เองที่เจียงเหวิ่นยืนขึ้นมาและปรากฎอยู่ตรงหน้าคนทั้งสี่แล้วปล่อยคลื่นพลังของตนสะกดข่มคลื่นพลังของผู้อาวุโสสูงสุดเอาไว้แล้วพูดออกมา
“ผู้อาวุโสสูงสุด ในเมื่อพวกเขาเป็นผู้พูดออกมาเอง ในฐานะที่พวกเขารับหน้าที่เป็นองครักษ์ในงานล่าสัตว์ พวกเขาย่อมพูดความจริงออกมา”
เมื่อเห็นแบบนี้แล้ว ท่าทางของผู้อาวุโสก็เปลี่ยนแปลง ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแปลกๆ “ก็ถ้าผู้นำตระกูลว่าอย่างนั้น ก็ให้มันเป็นแบบนั้นไปแล้วกัน ตามแต่ท่านจะพูดออกมา ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ท่านเองก็จัดการเรื่องระดับของผู้ที่จะได้รับรางวัลในวันนี้ด้วยเลยเถอะ”
คำพูดเหล่านี้ไม่ได้ต่างไปจากการพยายามบ่งบอกว่าเจียงเหวิ่นกำลังโกงการแข็งขัน
และเมื่อทุกคนได้ยิน มีหลายๆคนที่ในตอนนี้ต่างก็เริ่มชี้และหันหน้าพูดคุย แสดงออกมาว่าพวกเขาเชื่อไม่มากก็น้อยว่าการแข่งล่าสัตว์ในวันนี้มีการโกงเกิดขึ้น
“ฮ่าฮ่าฮ่า ท่านผู้อาวุโสสูงสุดนี่ก็ช่างพูดช่างจานัก”
เจียงหยวนหัวเราะออกมาอย่างดังลั่น ก่อนจะพูดออกมาพร้อมกับระเบิดพลังภายในของตนออกมา
และนี่ทำให้โต๊ะตรงหน้าของเจียงหยวนอาบเคลือบไปด้วยคลื่อนพลังที่หนาแน่นจนไปถึง
หลังจากนั้น ดวงตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นหรี่เล็ก และส่งมือขวาของตนออกไป
มันเป็นคลื่นพลังของนักรบระดับหกดาวที่พุ่งเข้าใส่ผู้อาวุโสสูงสุดโดยตรง
“กล้าดียังไง”
ผู้อาวุโสสูงสุดที่รู้สึกถึงภัยคุกครามจากคลื่นพลังอันแรงกล้า เขาได้ทำการปล่อยคลื่นพลังของตัวเองที่ก่อร่างเป็นรูปร่างเสือที่ดุร้ายออกมา และปล่อยให้มันคำรามลั่นและพุ่งตรงเข้าใส่เจียงหยวน
มันเป็นทักษะของผู้ที่อยู่ในระดับจอมยุทธเท่านั้นที่จะใช้ได้
การโจมตีทางจิตวิญญาณ คลื่นพลังวิญญาณ
ในตอนนี้ พลังภายในที่แดงฉานและดุดันราวกับเสือร้าย และคลื่นพลังที่รุนแรงไม่ด้อยไปกว่ากันได้เข้าปะทะ
อย่างไรก็ตาม เป็นตอนนี้ที่เจียงหยวนได้ดึงคลื่นพลังของตนกลับมาในร่างแล้วหัวเราะออกมาอย่างดังลั่น
“ตอนนี้ ข้า มีความสามารถพอรึยังล่ะ”
“เจ้า…”
เป็นตอนนี้ที่ผู้อาวุโสซูพึ่งจะรู้สึกตัวขึ้นมาว่าเกิดอะไรขึ้น
เจียงหยวนสามารถบ่มเพาะได้แล้ว
แถมตอนนี้เขายังอยู่ในระดับนักรบอีกครั้งแล้วด้วย
“ใช่ ข้า เจียงหยวน สามารถบ่มเพาะได้อีกครั้งแล้ว”
เจียงหยวนได้มองไปที่พ่อของตนด้วยรอยยิ้มที่อบอุ่น เป็นตอนนี้ที่เขาได้เห็นใบหน้าที่ปลื้มปริ่มภูมิใจของพ่อของตนที่ได้แสดงออกมา
เงียบ
เงียบสนิทราวกับป่าช้า
ราวกับว่าทุกคนคิดว่ากำลังฝันอยู่
เป็นตอนนี้ที่มีเสียงกรีดร้องได้ดังขึ้นมา
“นายน้อยใหญ่บ่มเพาะได้แล้วเหรอ”
“นายน้อยใหญ่สามารถต่อต้านพลังของผู้อาวุโสสูงสุดได้เลยนะ เขาแข็งแกร่งกว่าเดิมอีกนี่นา”
“ช่างทรงพลังจริงๆ ต้านทานพลังของระดับจอมยุทธได้ทั้งๆที่ยังอยู่ในระดับนักรบ”
“เก่งจริงๆ นายน้อยใหญ่ ข้าล่ะอยากแต่งงานกับท่านจริงๆ”
“ยัยโสเภณีหลี่ชูชูไม่คู่ควรกับนายน้อยของเราเลยสักนิด คนอย่างนายน้อยต้องคู่ควรกับสาวงามอย่างข้าเท่านั้น”
เมื่อได้ยินเสียงของพูดคนโดยรอบ เจียงหยวนก็ทำเพียงหัวเราะออกมาอย่างหน่ายจิต
การกระทำของคนกลุ่มหนึ่งที่ทำให้เจียงหยวนนึกขยะแขยงขึ้นมาอย่างสุดหัวใจ
โดยเฉพาะกับเหล่าเด็กสาวที่แสดงท่าทางกระวีกระวาดกระสันออกมา เขายิ่งไม่อยากจะข้องเกี่ยวด้วย
ที่ด้านนอกของกลุ่มคน มีสาวน้อยคนหนึ่งได้จ้องมองฉากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเงียบงัน พร้อมกับดวงตาที่อ่อนโยน
เจียงหยวนในตอนนี้ราวกับสุดยอดจอมยุทธ ได้สะบัดชายเสื้อของตัวเองออกไปทีหนึ่ง ก่อนจะหันไปหาสาวน้อยคนนี้แล้วพุ่งทะยานแล้วลงไปยืนอยู่ข้างๆสาวน้อยคนนี้
“ไปกันเถอะ”
เมื่อพูดจบ เจียงหยวนก็ได้หายไปจากสายตาของผู้คน
ในตอนนี้ เจียงเฉินที่มองเห็นฉากเหตุการณ์ก็ได้มีใบหน้าที่แดงฉานราวกับตัวตลก ก่อนที่จะยืนมองตามไปด้วยแววตาที่เลื่อนลอย ต้องการจะหารูสักที่ให้มุดลงไป
“แย่แล้ว”
ในตอนนี้ เจียงหวู่ที่มองเหตุการณ์อยู่ในมุมมืด ได้รู้สึกร้อนรนขึ้นมา
“เจียงหมิงอยู่ไหน มีใครเห็นเจียงหมิงบ้าง”
ท่ามกลางเสียงโห่ร้องของเหล่ารุ่นเยาว์ เจียงหวู่กลับเดินไปมาในหมู่รุ่นเยาว์อย่างตื่นตระหนกร้อนรน