เชอร์รีนขึ้นรถไปแล้ว แต่ยังคงขมวดคิ้วเพราะความโกรธ ก่นด่าออกัสในใจเป็นหมื่นครั้ง!
เมื่อกลับถึงบ้านก็บ่ายแล้ว ผลักประตูเปิด เห็นทับทิมใส่ชุดนอนนั่งอยู่บนโซฟา ไขว่ห้าง ตรงหน้ามีกองขนม
ในทีวีกำลังเล่นคอลัมน์เศรษฐกิจ เชอร์รีนเหลือบมองโดยไม่ตั้งใจ แปลกใจเล็กน้อย เธอสนใจเรื่องเศรษฐกิจตั้งแต่เมื่อไรกัน
เธอสนใจแค่เรื่องความงามและแฟชั่นไม่ใช่เหรอ
ทันทีที่ได้ยินเสียง ทับทิมก็เงยหน้าขึ้นมอง โบกมือให้เธออย่างตื่นเต้น “มานั่งนี่เร็ว ดูด้วยกัน”
“ฉันดูไม่เข้าใจ และก็ไม่สนใจเท่าไร พี่สะใภ้ดูเองเถอะค่ะ” เชอร์รีนเปลี่ยนเป็นสลิปเปอร์ ยกแก้วน้ำร้อนขึ้นมาอบอุ่นมือที่ชาไร้ความรู้สึก
“ฉันเรียนถึงแค่ม.2 แม้แต่ม.3ก็ไม่จบ คุณคิดว่าฉันสามารถเข้าใจได้เหรอ” ทับทิมทำหน้าไม่เห็นด้วย “ฉันดูบุคคลที่กำลังถูกนำเสนอในช่วงเวลานี้ต่างหาก ออกัส นี่ไง คุณดูสิ ออกมาแล้ว……”
เชอร์รีนหันมาสายตาจับจ้องในทีวี พิธีกรหญิงในชุดสูทสีดำกำลังแนะนำสิริไพบูรณ์กรุ๊ปด้วยหน้าตายิ้มแย้มเบิกบาน
กำไรและเงินปันผลประจำปีของสิริไพบูรณ์กรุ๊ป ที่สำคัญคือเป็นกรุ๊ปเดียวที่เข้า Top 200 ของโลก เป็นความภาคภูมิใจของคนในเมืองS!
จากนั้นก็ปล่อยภาพของออกัส เสื้อโค้ตสีดำยาวถึงเข่า กางเกงสูทสีเทาควันบุหรี่ ริมฝีปากบางปิดสนิทไม่บ่งบอกอารมณ์ กลิ่นอายที่เป็นผู้ใหญ่สง่างามแผ่กระจายออกมา
“ดูมีสไตล์ยิ่งกว่าพวกดารานายแบบอีก ทำไมถึงได้มีเสน่ห์ขนาดนี้นะ” ทับทิมพ่นลมหายใจ “เชอร์รีน คิดว่ายังไงบ้าง”
“ก็งั้นๆ” เชอร์รีนเอ่ยบางเบา จู่ๆ ความไม่มีเหตุผลของเขาก็โผล่ขึ้นมาในจิตใจ หน้าตาที่โต้แย้งอย่างไร้เหตุผลนั่น ทำให้กระชับกำแก้วน้ำโดยไม่รู้ตัว พร้อมกับกัดฟันเล็กน้อย
“ก็งั้นๆ เหรอ คุณสายตาแย่จริงๆ ดีกว่าพี่ชายที่ไม่เอาไหนของคุณไม่รู้ตั้งกี่หลายสิบล้านเท่า ผู้ชายตัวใหญ่ทำเงินได้แค่สี่พันต่อเดือน จะไปพอให้สาวใช้อะไร” ทับทิมส่งเสียงเยาะเย้ย
ปกติแล้วเชอร์รีนไม่คิดอยากจะทะเลาะกับทับทิม เพราะถึงอย่างไรเธอก็เป็นพี่สะไภ้ตัวเอง แต่ทันทีที่ได้ยินคำว่าไม่เอาไหน ในที่สุดก็ยังเอ่ยปากเย้ยหยัน “งั้นทำไมคุณไม่หางานทำเองล่ะ รายได้ของสองคนมากกว่ารายได้ของคนเดียว”
แต่ทับทิมกลับส่งเสียงเยาะ “ผู้ชายเลี้ยงดูภรรยาของตัวเองน่ะเป็นเรื่องปกติ ผู้ชายที่เลี้ยงดูภรรยาไม่ได้ไม่ใช่คนไม่เอาไหนแล้วเป็นอะไร”
เชอร์รีนดื่มน้ำ แล้วโต้กลับว่า “เจอผู้หญิงติดการพนัน ผู้ชายปกติแปดในสิบคนเกรงว่าคงจะเป็นคนไม่เอาไหนทั้งหมดนั่นแหละ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทับทิมก็อับอายจนโกรธ ขณะที่กำลังเตรียมจะออกปากด่า ในใจก็พลันเหมือนเสือที่คิดอะไรขึ้นมาได้ เปลี่ยนสีหน้าทันที รีบระงับความโกรธแล้วพูดว่า “เชอร์รีนจ๊ะ ทะเบียนบ้านของครอบครัวเราอยู่ไหนเหรอ”
“ไม่รู้ และคุณอย่ายุ่งกับทะเบียนบ้านจะดีที่สุด!” เมื่อเตือนจบ เชอร์รีนก็ไม่สนใจเธออีกต่อไป เดินตรงเข้าห้องของตัวเอง
ศรศิลป์ไม่กินกันคุยกันไปก็มีแต่ขัดแย้ง ถ้าไม่ได้อาศัยอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน เธอจะไม่สนใจคนแบบนี้เลย!
“หยิ่งไปมีอะไรดี คุณไม่บอกคิดเหรอว่าฉันจะหาเองไม่ได้!”
ทับทิมส่งเสียงเยาะตามหลัง คิดถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้น สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา……
ทันทีทันใด เธอมือเท้าแผ่วเบาค้นหาในห้องนั้น และแอบย่องเข้าไปในห้องของกนกอร ค้นหาไปทั่วทุกซอกหลืบ
ภายในห้อง
หลังจากอาบน้ำแล้ว เชอร์รีนก็โทรหากนกอร “คุณแม่คะ ทะเบียนบ้านของครอบครัวเราเก็บไว้ที่ไหนเหรอ”
แม้เมื่อครู่ทับทิมจะถามอย่างส่งๆ แต่เธอยังคงข้องใจนิดหน่อย ไม่วางใจเลย
กลัวว่าทับทิมจะมีความคิดอะไรที่ไม่ดีเกี่ยวกับทะเบียนบ้าน……
กนกอรยังอยู่บนรถไฟ โดยรอบมีเสียงอึกทึก หลังจากหามุมสงบได้แล้ว จึงถามกลับว่า “แกถามทำไม ตลอดมาทะเบียนบ้านพ่อแกเป็นคนเก็บ ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ถ้ายังไงฉันถามพ่อแกให้เอาไหม”
“งั้นพี่สะไภ้รู้ไหมคะว่าทะเบียนบ้านอยู่ที่ไหน”
“พ่อแกเป็นคนเก็บแม้แต่ฉันยังไม่รู้ เธอก็ต้องไม่รู้แน่นอน เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
ฟังถึงตรงนี้ เชอร์รีนก็คลายใจลง “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่ถามดูเฉยๆ คุณแม่กับคุณพ่อเดินทางปลอดภัยนะคะ ฉันวางสายแล้ว”
ในเมื่อแม้แต่คุณแม่ก็ไม่รู้ว่าทะเบียนบ้านอยู่ที่ไหน แน่นอนว่าทับทิมยิ่งจะไม่รู้เข้าไปใหญ่
อีกสองวันคือ 25 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันคริสต์มาส
และหลังจากคริสต์มาสเป็นวันขึ้นปีใหม่ ไม่นานหลังจากวันปีใหม่เป็นการสอบปลายภาค ทุกๆ วันในช่วงเวลานี้มักยุ่งเกินจะหายใจ ปีนี้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
แต่ปีนี้ยุ่งกว่าปกติ เพราะทุกเย็นยังต้องไปสอนพิเศษให้เลอแปงด้วย
คิดเรื่องราวต่างๆ นานา หัวของเชอร์รีนก็แทบจะปวดหนัก แต่ที่ยังดีคือ สองวันนี้ที่เข้าไปสอนพิเศษ มีเพียงเลอแปงอยู่คนเดียว ทั้งคู่ไม่ได้เจอกันอีก
วันนี้เป็นวันที่ 25 ธันวาคมแล้ว ร้านค้าสองข้างทางได้ตกแต่งกันเรียบร้อยแล้ว ต้นคริสต์มาสสีเขียว เกล็ดหิมะสีขาว ซานตาคลอสสีแดง
เมื่อมองดูเวลา เชอร์รีนก็เร่งคนขับแท็กซี่ “คุณคนขับคะ รบกวนขับเร็วขึ้นอีกหน่อย ฉันกำลังรีบค่ะ!”
ตอนบ่ายเธอยังมีสอน แต่เมื่อเช้ารีบออกมาเกินไป จึงทำของสองชิ้นตกไว้
“คุณผู้หญิงครับผมก็อยากขับไปเร็วๆ แต่วันนี้เป็นวันคริสต์มาส บนถนนรถติดหนักมาก จะสามารถขับเร็วได้ยังไง”
โดยปกติจะใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมง วันนี้ใช้เวลาไปแล้ว 50 นาที พอที่จะเห็นได้ว่ารถติดหนักแค่ไหน
ใกล้จะสายแล้ว ไม่มีทางเลือก เชอร์รีนโทรหาครูญาณิน ต้องการเปลี่ยนชั้นการเรียนการสอน
ครูญาณินไม่ได้ถามมาก และตอบรับด้วยความยินดี เธอถอนหายใจโล่งอก ชั้นการเรียนการสอนของครูญาณินเป็นตอนบ่ายสาม ดังนั้นจึงยังมีเวลาเหลือเฟือ
เมื่อผลักประตูรั้วเข้าไป กลับเห็นคนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ เชอร์รีนนึกแปลกใจ เอ่ยปากว่า “พวกคุณเป็นใคร”