เมื่อได้ยิน ชายวัยกลางคนเดินเข้ามา มองมายังเธอ “คุณเป็นเจ้าของเดิมของที่นี่ใช่ไหม”
เชอร์รีนจับประเด็นสำคัญในคำพูดของเขาทันที “อะไรคือเจ้าของเดิม”
“ก็ง่ายๆ เจ้าของเดิมของบ้านหลังนี้คือคุณ แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมเป็นเจ้าของที่นี่” ชายวัยกลางคนพูด
“คุณกำลังพูดมั่วซั่วอะไร เราไม่ได้ขายบ้านหลังนี้ คุณต้องผิดพลาดตรงไหนแน่ๆ”
“คุณผู้หญิง คุณดูเอกสารนี้สิ……” ชายวัยกลางคนยื่นเอกสารในมือส่งมา
เชอร์รีนยื่นมือรับเอกสาร ยิ่งดูสีหน้ายิ่งแย่ลง
ผู้ชายคนนั้นยื่นสัญญาขายให้เธอต่อ ทั้งสองฝ่ายได้ลงนามแล้ว เงินก็จ่ายไปแล้ว และยังได้รับการรับรองแล้วด้วย ตราถูกประทับแล้ว
เลือดบนใบหน้าถูกสูบไปโดยสมบูรณ์ จิตใจเชอร์รีนราวกับกระจกเงาที่ส่องชัดเจน เธอรู้ เวลานี้พูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์
เวลานี้ สิ่งเดียวที่ทำได้คือยอมรับความจริง!
“เอางี้นะ เรายังหาที่พักไม่ได้ ผ่อนผันสักสองสามวันได้ไหม”
ในเวลานี้ทางเดียวคือการถ่วงเวลา มากขึ้นอีกวัน ก็คิดหาทางได้มากขึ้นอีก
ชายวัยกลางคนเก็บสัญญาไป “ไม่มีทาง ตอนนี้เราก็ไม่มีที่อยู่เหมือนกัน”
“หนึ่งวัน แค่วันเดียวได้ไหม” เชอร์รีนขอร้อง “ของของเรายังไม่ได้ขนย้ายเลย คุณก็ยังย้ายบ้านไม่เสร็จเหมือนกันใช่ไหม”
“ย้ายเสร็จไม่เสร็จก็ต้องย้าย หรือว่าคืนนี้จะนอนกลางดินกินกลางทรายล่ะ คุณผู้หญิง คุณไม่ต้องเป็นห่วงเรา แค่คิดว่าพวกคุณจะเอาของพวกนั้นไปวางไว้ตรงไหนก็พอ! เมื่อครู่กำลังจะโทรหาคุณ คุณกลับมาทันเวลาพอดี”
ระหว่างบทสนทนา เชอร์รีนเห็นพนักงานบริษัทขนย้ายสามสี่คนเดินออกไป พร้อมกับยกเตียงในห้องของเธอ
กะทันหันแบบนี้ เธอจะไปหาที่วางของพวกนี้ได้ที่ไหน
เธอกัดฟันขอร้องชายวัยกลางคน “คุณดูสิฉันหาที่ไม่ได้จริงๆ ไม่งั้นก็เอาแบบนี้ คุณให้ฉันวางของไว้ก่อนห้องหนึ่งได้ไหม รับประกันว่าพรุ่งนี้ฉันจะย้ายออกเลย โอเคไหม”
เมื่อเห็นท่าทางของเธอ ชายวัยกลางคนเริ่มคลายท่าทีลง ในที่สุดก็เอ่ยปากว่า “งั้นก็ได้ แต่พรุ่งนี้คุณต้องย้ายไปแน่ๆ!”
“แน่นอนๆ!”
หลังจากช่วยจัดของทุกอย่างในห้องเสร็จ ก็เป็นเวลาบ่ายสามโมงแล้ว มันได้เวลาสอนแล้ว
แต่เชอร์รีนในตอนนี้ไหนเลยจะมีแก่ใจดูเวลา เธอกดเบอร์มือถือของทับทิม ความโกรธในใจโหมกระหน่ำรุนแรง
แต่เสียงหวานๆ ของผู้หญิงเตือนเธอว่าไม่มีผู้รับสาย กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้ง
เธอกดกลับไปกลับมาทั้งหมดห้าครั้ง โดยไม่มีข้อยกเว้น ทับทิมต้องจงใจไม่รับแน่นอน!
หน้าอกของเชอร์รีนขยับขึ้นลงอย่างรุนแรง กัดฟันพิมพ์ข้อความ: พี่สะไภ้ คุณยุ่งอยู่เหรอ พี่ชายเพิ่งโทรมาหาฉัน บอกว่าเพราะวันปีใหม่ เดือนนี้เขาเลยได้รับเงินเดือนและโบนัสล่วงหน้า ตอนนี้โอนเงินทั้งหมดเข้าบัตรของฉันแล้ว สามร้อยสำหรับของขวัญคริสต์มาสให้ฉัน ถ้าคุณไม่โทรกลับอีก อย่าโทษที่ฉันยักยอกไว้คนเดียวนะ อีกอย่าง คุณต้องเชิญน้องสามีไปเลี้ยงข้าวด้วยใช่ไหมล่ะ
หลังจากพิมพ์เสร็จ เธอถึงขั้นส่งหน้ายิ้มหลังข้อความด้วย แต่เกร็งจนนิ้วมือขึ้นข้อขาวแล้ว
อีกด้านหนึ่ง
ในห้องที่เต็มไปด้วยควัน ทับทิมกำลังเล่นไพ่นกกระจอก ได้ยินเสียงข้อความ เธอหยิบมือถือขึ้นมาดู
ทันทีทันใด ทับทิมสบถด่าเสียงต่ำ แล้วโทรกลับหาเชอร์รีน ยิ้มกว้างพูดอย่างร่าเริง “เชอร์รีนจ๊ะ พี่สะใภ้เพิ่งเห็นข้อความของคุณ ก่อนหน้านี้คุณบอกไม่ใช่เหรอว่าอยากทาน Haidilao งั้นฉันจะรอคุณที่หน้าร้าน Haidilaoที่อยู่บนถนนก่อสร้าง ได้ งั้นฉันวางสายนะ คุณเร็วๆ ล่ะ……”
หลังจากวางสายเสร็จ ทับทิมทิ้งไพ่นกกระจอกในมือ แล้วไป Haidilaoที่เปิดใหม่บนถนนก่อสร้าง
รออยู่ที่ประตูร้านประมาณยี่สิบนาที ในที่สุดก็เห็นเชอร์รีนก้าวลงมาจากรถแท็กซี่
ทับทิมยิ้มแย้มทันที ก้าวเดินด้วยรองเท้าส้นสูงเข้ามาทักทาย “คุณมาถึงจนได้นะ”
แต่เมื่อเชอร์รีนเห็นทับทิม ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความโกรธจัดที่กำลังปะทุ
เธอหันไปและยกมือขึ้น ใส่พลังทั้งหมดที่มี ตวัดตบหน้าทับทิมอย่างรุนแรงหนักหน่วง!
ตบนี้ใช้แรงทั้งหมด ทับทิมถูกตบจนถอยหลังไปหลายก้าว ส้นสูงเอนเอียงกระทั่งล้มไปกองกับพื้นทั้งตัว
คนที่สัญจรไปมาต่างตกตะลึง รวมตัวมุงดูกันด้วยความตื่นเต้นสนอกสนใจ
ทับทิมที่ไม่ได้เตรียมการป้องกันได้แต่งุนงง ชั่วครู่กว่าจะได้สติ ในใจเพิ่งตระหนัก เชอร์รีนจงใจล่อตัวเองมาให้ติดกับ!
ในใจก็ก่นด่าอย่างดุร้ายว่านังตอแหล ทับทิมลุกขึ้นจากพื้น มือกุมแก้มที่แดงแสบร้อน แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวมองเชอร์รีน “น้องสามี คุณทำอะไรเนี่ย”
เชอร์รีนมองเธออย่างเย็นชา อยากจะตบเธออีกสองฝ่ามือ กัดฟันพูดว่า “คุณยังจะเสแสร้งอีกเหรอ”
เธอที่อดทนต่อหล่อนครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุดก็มาถึงจุดสิ้นสุด ทนไม่ได้อีกต่อไป!
“เสแสร้ง? น้องสามีพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร ทำไมฉันไม่เข้าใจ” ทับทิมส่ายหน้าอย่างคับข้องใจ
สายตาของผู้สัญจรไปมาต่างจับจ้องไปที่เชอร์รีน พากันชี้ๆ มีแต่คำกล่าวหา
แต่เชอร์รีนในตอนนี้ไหนเลยจะเห็นผู้คนที่สัญจรไปมา ในสายตาเธอเห็นแต่ทับทิม เหตุผลและความสงบเยือกเย็นได้หายไปแล้ว!
“ฉันไม่เข้าใจจริงๆ หรือว่าฉันทำเรื่องอะไรผิดไป” ทับทิมยังคงเสแสร้ง
ได้ยินแบบนี้แล้วเชอร์รีนจึงพุ่งเข้าไป จิกกระชากผมเธออย่างแรง ยกมือขึ้นตบอีกครั้งอย่างไร้ความปราณี “เรื่องที่คุณทำอย่างไร้จิตสำนึก ยังต้องให้ฉันทวนความจำให้อีกเหรอ”
เธอไม่เคยลงมือกับใครมาก่อน ทับทิมเป็นครั้งแรก ตอนนี้เธอแทบอยากบีบคอหล่อนให้ตาย!
ทับทิมหัวเราะเยาะน้ำเสียงกดต่ำ และพูดให้ได้ยินเพียงสองคน “ฉันทำแล้วยังไง เชอร์รีน ถ้าคุณทำได้ก็ฆ่าฉันตอนนี้เลยสิ ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้คุณเสียใจภายหลังแน่นอน!”
ทำสิ่งที่ผิดแล้วนอกจากจะไม่ยอมรับ ยังจะมาข่มขู่กันแบบนี้!
ในที่สุดสติสัมปชัญญะที่เชอร์รีนเหลืออยู่ริบหรี่ก็พลันมอดดับไป
ทันทีทันใด ตวัดมือรุนแรงเข้าใส่ทับทิม ระบายความโกรธที่โหมกระพือในหัวใจ
ไม่มีการโต้กลับ ทับทิมแค่ทนรับไปแบบนั้น แต่มุมปากกลับเผยยิ้มเยาะ
คนมุงยิ่งเพิ่มขึ้น ถึงขั้นทำให้เกิดการจราจรติดขัด ในที่สุดก็มีคนที่ทนดูไม่ได้ ตะโกนเสียงดัง “เรียกตำรวจเร็ว! เป็นแบบนี้ต่อไปจะมีคนตายนะ! เรียกตำรวจเร็วเข้า!”
หลังจำได้ยินถ้อยคำประโยคนี้ คราวนี้ทับทิมร้องโวยวายเสียงลั่น “ช่วยด้วยค่ะ! ครูของประชาชนทำร้ายคน! ครูของประชาชนทำร้ายคนกลางถนน!”
ได้ยินดังนั้น ความขยะแขยงของคนเดินถนนที่มีต่อเชอร์รีนก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้น ในฐานะครูของประชาชน ไม่อยากเชื่อว่าจะทำร้ายคนในที่สาธารณะ!
แต่ในช่วงเวลาสั้นๆ รถตำรวจก็มาจอด ตำรวจสองนายก้าวลงจากรถ และพูดว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน”
ทุกคนมุ่งเป้าชี้ไปที่เชอร์รีน “เธอเป็นครู แต่ทำร้ายคนกลางถนน เหยื่อไม่แม้แต่จะโต้กลับสักครั้ง เราทุกคนสามารถเป็นพยานได้!”
ตำรวจเข้ามาขนาบสองข้างคว้าแขนเชอร์รีน “พาทั้งหมดกลับไปสถานีตำรวจ! ทุกคนแยกย้ายไปได้แล้ว แยกย้าย!”
สติสัมปชัญญะของเชอร์รีนยังไม่กลับมา ดิ้นรนออกแรงบิดตัวไปมา ตะโกนเสียงดัง “ปล่อยนะ! ปล่อยฉัน!”
ตำรวจจะฟังได้ยังไง เอาเธอไปที่รถตำรวจ และพาทับทิมกับคนที่เป็นพยานไปพร้อมกันด้วย
ห่างไปไม่ไกล
ในแลนด์โรเวอร์สีดำ ออกัสหรี่ตาเล็กน้อย ภาพเมื่อครู่นี้ตกสู่สายตาของเขาโดยสมบูรณ์
ไม่ใช่ว่าเขาอยากดู แต่การจราจรที่ติดขัด อยากจะเคลื่อนตัวไปข้างหน้ามันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ ดังนั้นจึงถูกบังคับให้ชมละครตลก แต่ก็ได้ประจักษ์แก่สายตาในความกล้าหาญดุร้ายของผู้หญิงคนนั้นด้วย…..
“ท่านประธาน ตอนนี้กลับบริษัทหรือคอนโดครับ” ในที่สุดการจราจรก็ได้เคลื่อนตัว คนขับรถพลันผ่อนลมหายใจยาว
“คอนโด”
ออกัสถอนสายตาที่เรียบเฉย ไม่มีการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์