บทที่ 434 สิ้นหวัง
บทที่ 434 สิ้นหวัง
“ก็ได้พี่เขย ฉันรู้แล้ว วันนี้จะไม่เข้าไปแล้วกัน”
หรี่หรงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของพี่เขย เธออดยอมตามใจไม่ได้
เหตุที่เธอต้องรีบไปบริษัทเพราะบริษัทฮัวหรงกำลังอยู่ในช่วงขยายกิจการหลังจากควบรวมกับอีกบริษัท
“ดีแล้ว”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้ารับ เขารู้สึกผิดที่โทรมารบกวนเธอเมื่อคืนก่อน
“ถ้าที่บริษัทมีปัญหาอะไรก็ให้ฉันช่วยได้นะ”
หรี่หรงสีหน้าสดใสขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“ได้เลย! พี่เขยพูดแล้วนะ อย่างนั้นวันนี้ฉันจะพักผ่อนให้เต็มที่เลย!”
เธอถอดเสื้อคลุมโยนลง ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวนิ่ม
“ไปทำธุระของพี่เถอะ วันนี้ฉันไม่ไปไหนหรอก”
เมื่อเห็นว่าพี่เขยไม่ยอมไปไหน หรี่หรงจึงเอ่ยปากขึ้นก่อน
“อืม” อวี้ฮ่าวหรานไม่อยู่เฝ้าเมื่อได้ฟังคำเธอ
ผ่านไปคืนหนึ่งแล้ว ผู้นำตระกูลซูและลูกชายยังไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีอย่างไร
อย่างน้อยเพื่อไม่ให้ซูหว่านเอ๋อต้องเสียใจ เขาจึงต้องเร่งมือ
…
อีกฟากหนึ่ง ณ บ้านพักริมทะเลสาบบริเวณชานเมืองฮ่วยอัน
“ถุย! ไอ้แก่ ตระกูลซูของแกจบสิ้นแล้ว!”
ลึกลงไปชั้นใต้ดิน เหล่ยเซียวพร้อมลูกน้องหลายสิบคนจ้องมองซูกว่างไห่ซึ่งถูกมัดเอาไว้ตรงหน้า
“แค่คืนเดียวทรัพย์สมบัติของตระกูลซูก็จะตกมาอยู่ในมือฉันด้วยน้ำมือของแกเอง”
“เหล่ยเซียว! ไปตายซะไป!”
ซูกว่างไห่ซึ่งถูกมัดแน่นก่นด่าเกรี้ยวกราด
เขานึกอาลัยให้กับสมบัติที่เขาเพียรไขว่คว้ามา ในขณะเดียวกันก็เริ่มเป็นห่วงชะตาของตนเอง
“หึหึ ไปตายเหรอ? น่าเสียดายที่ตระกูลซูของต่างหากที่จะต้องถูกกำจัด!”
เหล่ยเซียวไม่สนใจคำปรามาส แต่กลับหัวเราะอย่างย่ามใจ
เพียะ!!
เขาหันไปตบหน้าซูหว่านผิง
“ลูกชายแกนี่มันทนไม้ทนมือดีจริง ๆ มันยังไม่ตายทั้งที่ถูกซ้อมมาตั้งแต่เมื่อคืน”
“แก! ไอ้เวร ไอ้ชั่ว!”
ซูกว่างไห่มองตาขวาง แทบอยากจะฆ่าอีกฝ่ายให้ตายทั้งเป็น!
เขาเห็นลูกชายตนเองใบหน้าบวมช้ำ อาการบาดเจ็บสาหัส จึงอดรู้สึกปวดใจเกินทนไม่ได้
ลูกชายในไส้ของเขาถูกพวกเฮงซวยนี่รุมทำร้ายจนเกือบตาย!
เหล่ยเซียวท่าทีอวดดี
“ฮึ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก แกมีลูกสาวด้วยนี่? ฉันเห็นคราวก่อนด้วยนะ สวยสุด ๆ ไปเลย!”
เขากำหมัด แววกระหายฉายผ่านสายตา
“…แต่ก็ไม่รู้ว่าลูกสาวแกดูอ่อนแอขนาดนั้นจะทนการทรมานได้อย่างลูกชายแกหรือเปล่าน่ะสิ?”
“ก็ลองดูสิ! ฉันจะฆ่าแกให้ดู! แกไม่ได้ตายดีแน่!”
ซูกว่างไห่กัดฟันกรอด จ้องฝ่ายตรงข้ามเขม็งด้วยสายตาเดือดดาล
“เฮอะ แกนี่โกรธง่ายจริง ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ทำจริงหรอกน่า”
เหล่ยเซียวไม่โกรธแม้แต่น้อย เพราะอีกฝ่ายก็เป็นแค่คนไร้ทางสู้ เขาจึงไม่คิดเอามาใส่ใจ
“ลูกสาวแกหนีเก่งดีนะ คนของฉันออกไปตามหาเธอเมื่อคืน แต่ยังไม่ได้ข่าวเลย”
“แต่ไม่ต้องกังวลไป ฉันจับเธอได้เมื่อไหร่จะให้มาอยู่กับพี่ชายเธอต่อหน้าแกเอง หึ ฉันว่าสภาพสิ้นหวังของลูกสาวแกคงน่ามองแน่”
ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกมา ซูกว่างไห่ก็สั่นเทาด้วยความโกรธ
แม้เขาจะไม่ได้รักลูกสาวมากนัก หากแต่เธอก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา การถูกพูดใส่หน้าเช่นนี้ย่อมทนไม่ได้
“เหล่ยเซียว! ทำไมต้องทำอย่างนี้ด้วย? มันเป็นเรื่องบาดหมางระหว่างเรา”
ซูกว่างไห่ตะโกนลั่น
“คิดว่าฉันทำไปทำไมล่ะ?”
เหล่ยเซียวแค่นเสียงถามกลับเมื่อได้ฟังคำถามเขา
“มันเป็นเรื่องที่ตระกูลซูของแกสมควรโดนแล้ว ทรัพย์สมบัติของแกถูกโอนมาเมื่อไหร่ ฉันจะฝังแกทั้งเป็น!”
“ฉันจะฝังลูกชายลูกสาวแกลงดินให้หนอนไชด้วยตัวเองเลยล่ะ!”
เหล่ยเซียวเป็นเจ้าของบริษัทเล็ก ๆ หากแต่ฉากหลังของเขาคือผู้นำกองกำลังหนึ่ง!
“ฮึ่ม! เป็นความผิดของแกเอง ซูกว่างไห่…แกกล้าดีมากที่มามีเรื่องกับฉัน ประเมินตัวเองสูงเกินไปไหม? ถึงไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นใคร!”
ซูกว่างไห่รู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่าง เขานึกเสียใจที่ตนเองไม่จัดการให้เรียบร้อยก่อน
คนเหี้ยมโหดแบบนี้ไม่ใช่คนที่ตระกูลซูจะรับมือไหว! เคราะห์ร้ายที่ตอนนี้สายเกินไปแล้ว…
ความแข็งแกร่งและวิธีการของอีกฝ่ายช่างน่าหวาดกลัว! ประตูชั้นใต้ดินพลันถูกผลักออกพร้อมท่าทีตื่นตระหนก
“นาย…นายครับ! แย่แล้วครับ!”
ลูกน้องคนหนึ่งพรวดพราดเข้ามาด้วยสีหน้าซีดเซียว เหล่ยเซียวไม่สบอารมณ์เมื่อได้ยิน
“เวรเอ๊ย! เรื่องอะไรอีก? ถ้าแกพูดไม่เข้าหูฉันจะสับแกเป็นชิ้น ๆ ซะ!”
เหล่ยเซียวหันไปตะโกนใส่ลูกน้อง เขาเกลียดหน้าตาตื่นแบบนี้นัก
“ไม่…ไม่ครับ นาย แย่แล้วจริง ๆ! เราถูกล้อมไว้แล้วครับ!”
ลูกน้องเขาพากันวิ่งมาจนแทบหายใจไม่ทัน
“ล้อมเหรอ? พูดให้มันรู้เรื่องซิ!”
เหล่ยเซียวอดหวั่นใจเมื่อได้ฟังคำรายงาน เขาตวัดสายตามองซูกว่างไห่ซึ่งถูกมัดอยู่โดยไม่รู้ตัว
“อย่างต่ำ ๆ ต้องมีสองร้อยคนครับ! และ…ยังมีคนจะตามมาสมทบอีก!”
ลูกน้องคนหนึ่งท่าทีร้อนใจ เห็นได้ชัดว่าหวาดกลัวกับสิ่งที่ได้เห็นมา
“ห๊ะ! สองร้อยคนเหรอ?”
เหล่ยเซียวโพล่งขึ้นด้วยความตกใจ
“แน่ใจไหมว่าไม่ได้ดูผิดน่ะ?”
เขาไม่อยากเชื่อคำพูดของอีกฝ่าย
หลังกองกำลังหลักล้มลุกคลุกคลานมา ตอนนี้ในเมืองฮ่วยอันแทบไม่มีกองกำลังไหนที่มีคนหลายร้อย
“แน่ใจครับ! ผมคาดไม่ผิดแน่ ตอนนี้พี่น้องของเรากำลังต้านอยู่ด้านนอกครับ”
ลูกน้องเขารีบเอ่ยยืนกราน
เมื่อเหล่ยเซียวได้ฟัง สีหน้ากลับกลายถมึงทึง หันไปมองซูกว่างไห่ซึ่งถูกมัดและทรมานตลอดทั้งคืน
นอกจากอีกฝ่ายแล้ว ช่วงนี้เขาไม่ได้มีเรื่องบาดหมางกับใคร
“ไอ้แก่! คนของแกเหรอ?”
แม้เขาไม่อยากเชื่อ หากแต่ยังออกปากถาม
ซูกว่างไห่ได้ยินบทสนทนาทั้งหมด จึงส่งสีหน้าเหยียดหยาม
“ฮึ! จะใช่หรือไม่ใช่ แกก็จบเห่แล้ว!”
มีคนหลายร้อยล้อมไว้ไม่ใช่เรื่องเล็ก แม้เขารู้ว่าคนพวกนี้จะไม่ได้มาจากตระกูลซูอย่างแน่นอน แต่ยังอดยินดีไม่ได้
เพียะ!
“แม่งเอ๊ย! ไอ้แก่ อย่ามาเยาะเย้ยฉัน หากมีเรื่องจริง ฉันจะฆ่าแกเป็นคนแรก!”
เหล่ยเซียวไม่อาจทนสีหน้าเย้ยหยันของเขาได้ จึงง้างมือตบหน้าอีกฝ่ายทันที
แรงตบหนักเสียจนซูกว่างไห่ฟันหลุดสองซี่และแทบสลบ
“ไป! ฉันจะออกไปดูเอง!”
หลังทำร้ายอีกฝ่าย เหล่ยเซียวไม่รีรอ หันหลังเดินออกจากชั้นใต้ดิน
การถูกคนหลายร้อยล้อมไว้เป็นสิ่งที่เขาไม่มีทางเชื่อ เรื่องแบบนี้ต้องเห็นด้วยตาตนเองเท่านั้น!