บทที่ 433 เสริมความแข็งแกร่ง
บทที่ 433 เสริมความแข็งแกร่ง
หวังเหยียนย้อนเล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน เมื่ออวี้ฮ่าวหรานได้ฟังก็นิ่วหน้า เพราะเขารู้เรื่องของเหล่ยเซียว
เมื่อครั้งที่ซูหว่านเอ๋อล้มป่วย อีกฝ่ายบุกเข้ามาและถูกชายหนุ่มเล่นงานกลับไป
ภายหลังเขาไม่คิดใส่ใจเรื่องนี้ จึงส่งต่อเรื่องนี้ให้ตระกูลซูจัดการ แต่นึกไม่ถึงว่าเรื่องจะบานปลายมาถึงจุดนี้
“เรื่องนี้…คงมีคนรนหาที่ตาย คงไปขวางทางไม่ได้อีก!”
อวี้ฮ่าวหรานส่งสายตาทะมึน ส่อเจตนาเข่นฆ่าต่อเหล่ยเซียว
“พ่อกับพี่ชายของซูหว่านเอ๋อถูกพวกมันลักพาตัวไป รู้ไหมว่าถูกพาตัวไปที่ไหน?”
หวังเหยียนเตรียมคำตอบเอาไว้เรียบร้อย
“ผมยังไม่ได้ตามสืบเรื่องนี้ละเอียดดี แต่ว่ารู้แล้วว่าเหล่ยเซียวมีบ้านอยู่แถวชานเมือง ถ้าเขาคิดจะแก้แค้นน่าจะลงมือในละแวกบ้านตนเอง”
“อืม ดีมาก”
อวี้ฮ่าวหรานพอใจกับคำตอบของอีกฝ่าย และอดที่จะชื่นชมไม่ได้
“ไม่เป็นไรพี่อวี้ ถึงอย่างไรคุณก็ช่วยพยัคฆ์เวหาของเรามามาก”
หวังเหยียนไม่คิดยกยอตนเอง
“ดังนั้นเรื่องของพี่อวี้ก็ถือเป็นเรื่องของผมเหมือนกัน หวังเหยียนคนนี้ต้องช่วยสุดความสามารถ”
“อืม ดีมาก!”
อวี้ฮ่าวหรานพึงพอใจกับคำตอบ เขารู้สึกว่าถึงเวลาต้องแสดงน้ำใจบ้าง
“หวังเหยียน ฉันจำได้ว่าขอบเขตพลังภายในของนายยังอยู่ที่ระดับสูงใช่ไหม?”
“ครับ?”
หวังเหยียนท่าทีงุนงงว่าเหตุใดอีกฝ่ายถึงได้พลันถามขึ้น หากแต่เขายังตอบไปตามจริง
“ถึงจะน่าอาย แต่ขอบเขตพลังภายในของผมยังอยู่ที่ระดับสูงจริง ๆ”
“อืม ก็ยังอ่อนแอเกินไป” อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้า
เทียบกับฝักฝ่ายใหญ่ ๆ ในเมืองฮ่วยอันแล้ว ขอบเขตพลังภายในระดับสูงยังถือว่าอ่อนแอเกินไป
หากเขาไม่ได้ปะทะกับหลิ่วอวี้จิงและกงซุนซา ด้วยกำลังของอีกฝ่ายที่มีคงเพียงพอ
“หลังจัดการเรื่องครั้งนี้เรียบร้อยแล้ว ให้ฉันช่วยนายฝึกขอบเขตพลังภายในให้สำเร็จดีไหม?”
“อะไรนะครับ?”
หวังเหยียนมีท่าทีงงงันในทีแรก ก่อนกลับกลายเป็นตกตะลึงกับคำพูดของเขา!
“คุณ…คุณบอกว่าจะช่วยผมฝึกวิชาเหรอ?”
เขามองชายตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อ
“ใช่ ไม่แปลกนี่ นายพาคนไปบ้านเหล่ยเซียว เดี๋ยวฉันจะกลับบ้านก่อน”
อวี้ฮ่าวหรานไม่ใส่ใจนัก เขาออกคำสั่ง หวังเหยียนจึงรีบขานรับเมื่อได้ฟัง เขาไม่รีรอพลางพยักหน้างึกงัก
“ผมจะไปเดี๋ยวนี้! จะไม่ทำให้คุณผิดหวังเด็ดขาด!”
เวลานี้ความตื่นเต้นในใจไม่อาจสงบลงได้ เขาติดอยู่ในขอบเขตพลังภายในระดับสูงมาหลายปี โอกาสเช่นนี้มีมาน้อยนัก!
ทันทีที่ได้ยินคำสั่งอีกฝ่าย หวังเหยียนก็ส่งอาหารเช้าในมือของตัวเองให้ก่อนจากไป
แน่นอนว่าเขายังคงมีน้ำใจ
หวังเหยียนให้ลูกน้องเจ็ดแปดคนอยู่เฝ้าข้างนอกห้องพักผู้ป่วย
อวี้ฮ่าวหรานพึงพอใจกับเรื่องนี้ เขายกชามโจ๊กขึ้นและกลับเข้าห้องพักผู้ป่วย
“ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมส่งคนไปช่วยพ่อกับพี่ชายของคุณแล้ว”
เขาวางชามโจ๊กบนโต๊ะข้างเตียงขณะเอ่ยปลอบเธอ
ซูหว่านเอ๋อสายตาเป็นประกายเมื่อได้ยินคำเขา ตั้งแต่เมื่อคืนกระทั่งตอนนี้ เธอเพิ่งได้รู้สึกโล่งใจ
“ขอบคุณค่ะ”
ริ้วแดงขึ้นสีที่แก้มซีดเซียวของเธอด้วยความตื่นเต้น
“ไม่เป็นไรเลยครับ”
หลังจากป้อนโจ๊กให้เธอเสร็จ ชายหนุ่มก็บอกลาและกลับบ้านไป ไม่ได้เจอกันมาสามวัน ก็ไม่รู้ว่าหลี่หรงจะเป็นอย่างไรบ้าง เพราะจากที่หวังเยียนเล่า เขาจึงทราบว่าดูเหมือนเธอจะไปตากฝนมา
“หวังว่าจะไม่เป็นไรนะ”
เขานึกเป็นห่วงในใจ ก้าวขึ้นรถและขับออกไป จากนั้นครึ่งชั่วโมงต่อมา อวี้ฮ่าวหรานก็กลับมาถึงบ้าน
เวลานี้หลี่หรงกำลังอาบน้ำอยู่
“พ่อจ๋า! พ่อกลับมาแล้ว!”
เจ้าตัวเล็กกำลังเล่นกับเจ้าลูกกวาด เมื่อหนูน้อยเห็นเขา ใบหน้าเล็ก ๆ ดูมีความสุขมาก
“บ๊อก!”
“บ๊อก!”
ลูกหมาสองตัววิ่งกระดิกหางเข้ามาทักทายเขา เป็นภาพที่ชวนให้อวี้ฮ่าวหรานอุ่นใจ
“ถวนถวนเชื่อฟังน้าหรือเปล่า?”
“ค่ะ! ถวนถวนเป็นเด็กดีที่สุดเล้ย”
เจ้าตัวเล็กว่าขึ้นเสียงร่าเริง ก่อนนึกบางอย่างขึ้นได้
“พ่อจ๋า ขนมล่ะ?”
“ขนมเหรอ?”
อวี้ฮ่าวหรานชะงักไปเล็กน้อย เขาครุ่นคิดและจำได้ว่าตนเองบอกก่อนออกไปว่าจะไปซื้อของอร่อยกลับมาฝากลูกสาว…
เขารีบกลับมาจนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท
“ไม่เป็นไรค่ะ ถวนถวนเป็นเด็กดี ไม่กินก็ได้ค่ะ”
ไม่น่าเชื่อว่านอกจากเธอจะไม่งอแง ยังดูมีความสุขดี
“หนูอยากให้พ่อพาไปเล่นเปียโนที่บริษัทอีก น้าบอกว่าอีกสองวันโรงเรียนจะเปิดเทอมแล้วค่ะ”
ถวนถวนโพล่งบอกความต้องการของตนเอง
“ได้สิ!”
อวี้ฮ่าวหรานตอบตกลงทันที เขาไม่อยู่สามวัน ถวนถวนคงไม่มีโอกาสไปบริษัท
เมื่อนึกถึงน้องภรรยาที่งานยุ่ง เธอคงทำได้เพียงพาถวนถวนติดตัวไปด้วย
ไม่นานเสียงน้ำในห้องน้ำก็เงียบลง
หลี่หรงเดินออกมาทั้งพันแค่ผ้าเช็ดตัวเอาไว้
“พี่เขย!”
เธอเห็นอวี้ฮ่าวหรานอยู่ในห้องนั่งเล่น สีหน้าเธอก็ดูตกใจมากทีเดียว
“กลับมาแล้วเหรอ?”
“อืม แต่เดี๋ยวก็ต้องไปแล้วล่ะ กลับมาหาเธอก่อนน่ะ”
อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าและตอบเธอ เหลือบเห็นเนินอกของอีกฝ่ายที่โผล่พ้นออกมา
อาจเพราะมีเพียงถวนถวนอยู่บ้าน เธอถึงได้พันผ้าเช็ดตัวไว้หลวม ๆ ภูเขาแฝดและร่องลึกจึงปรากฏให้เห็นราง ๆ
“เอ่อ…เธอ…”
เขาไม่รู้ว่าจะเตือนตนเองว่าเธอเป็นน้องภรรยาอย่างไร?
“อะไรเหรอพี่เขย มองอะไรน่ะ?”
หลี่หรงไม่ทันรู้ตัวตอนแรก เมื่อมองตามสายตาของเขามาหยุดที่หน้าอกตนเอง กลับกลายเป็นหน้าตาตื่น
“อ๊ะ! พี่เขยโรคจิต!”
เมื่อเธอเห็นว่าตนเองแทบเปลือยต่อหน้าเขา เธออดต่อว่าเขาไม่ได้!
“ฉัน…”
อวี้ฮ่าวหรานได้แต่ทำทีไม่รู้เรื่อง เธอเดินออกมาให้เขาเห็นเอง จะมาต่อว่าเขาว่าเป็นโรคจิตได้อย่างไร?!
หากแต่ภาพตรงหน้าพร้อมกลิ่นกายหอมยั่วยวนทำให้ชายหนุ่มมีปฏิกิริยาเล็กน้อย
หญิงสาวคนนี้…
เขาแทบต้านเสน่ห์ของเธอไม่ได้ หากไม่ใช่เพราะเขายับยั้งชั่งใจเอาไว้ ภายใต้สถานการณ์สุ่มเสี่ยงเช่นนี้ เกรงว่าคงจะกระโจนเข้าหาแล้ว
“แค่ก ๆ ถวนถวนยังอยู่ที่นี่นะ”
อวี้ฮ่าวหรานหันไปมองลูกสาวเพื่อแก้เขิน
“อ๊ะ…อย่ามองนะพี่เขย!”
หลี่หรงรู้ว่าเป็นเรื่องไม่ควร แก้มเนียนของเธอขึ้นสีแดงเรื่อ จึงรีบยกมือบังหน้าอกตนเองและกลับเข้าห้องตนเองไป
ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็เดินออกมาหลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทางการทั้งตัว
ท่าทางแบบนี้ทำให้คนรู้สึกไม่กล้าเข้าใกล้
หากแต่ริ้วแดงบนใบหน้ายังคงไม่จางหาย กลับยิ่งดูน่ามองมากขึ้น
“พี่เขย ฉันหายดีแล้ว เดี๋ยวฉันจะเข้าบริษัทนะ”
หลี่หรงท่าทีกลับมาเป็นปกติ เธอนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ก่อนว่าสำทับ
“ฉันหายดีแล้วค่ะ”
อวี้ฮ่าวหรานรู้ว่าเธอหายดีแล้ว การอาบน้ำอุ่นคงทำให้เธอสดชื่นขึ้น
“แต่ว่าวันนี้ไม่ต้องเข้าบริษัทและอยู่พักผ่อนที่บ้านเถอะ”
เธอไม่ได้นอนทั้งคืน เขาไม่ต้องการให้น้องภรรยาใต้ตาคล้ำอย่างกับเด็กมหาวิทยาลัย