บทที่ 432 เรื่องแปลกประหลาดของปิ่นหยกดำ

ท่านเทพกลับมาเป็นคุณพ่อ[神尊归来当奶爸]

บทที่ 432 เรื่องแปลกประหลาดของปิ่นหยกดำ

บทที่ 432 เรื่องแปลกประหลาดของปิ่นหยกดำ

ภายในรถ

ตอนนี้ถวนถวนง่วงและหลับไปแล้ว หลี่หรงจึงไม่ต้องดูแลเด็กน้อย เธอพยายามเช็ดตัวของซูหว่านเอ๋อให้แห้ง

“รีบไปโรงพยาบาลเถอะ เธอหนาวเกินไปแล้ว”

หวังเหยียนพยักหน้าทันที เขามองไปที่ภาพการต่อสู้ข้างหน้ารถ หลังจากแน่ใจว่าสถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว จึงขับรถออกจากที่เกิดเหตุทันที

ค่ำคืนผ่านไปอย่างรวดเร็ว…

เวลาหกโมงเช้า พายุฝนหยุดลงแล้ว ท้องฟ้าจึงปลอดโปร่งและเต็มไปด้วยเมฆ

ขณะนั้นเอง อวี้ฮ่าวหรานก็มาถึงโรงพยาบาลประจำเมือง

เขารีบมุ่งหน้าไปที่ห้องคนไข้ตามที่อีกฝ่ายบอก จากนั้นก็ผลักประตูเข้าไปข้างในห้อง

ตอนนี้หลี่หรงกลับบ้านแล้ว เพราะเธอต้องเดินทางไปทำงานที่บริษัทในเวลาแปดโมง…

ภายในห้องมีเพียงหวังเหยียนที่รอเขาอยู่ เมื่อเห็นอย่างนั้นอวี้ฮ่าวหรานก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ลูกพี่อวี้ มาถึงแล้วเหรอครับ

เขาไม่รู้ว่าตัวเองจัดการเรื่องที่เกิดขึ้นได้ดีหรือไม่ ถึงตัวเองจะช่วยตัวประกันได้ แต่สุดท้ายอีกฝ่ายก็ต้องเข้ารักษาที่โรงพยาบาลอยู่ดี

“อืม เธอเป็นยังไงบ้าง?”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเล็กน้อย เมื่อเงยหน้าขึ้นเขาก็เห็นซูหว่านเอ๋อนอนโคม่า ใบหน้าซีดเซียวอยู่บนเตียง

“เอ่อ… เมื่อคืนฝนตกหนักมาก และกว่าผมจะหาตัวเจอ เธอก็ถูกอีกฝ่ายจับตัวไว้แล้ว พอได้ตัวประกันมา เธอก็มีไข้สูงและแทบมีอาการโคม่าทันทีที่มาถึงโรงพยาบาลครับ”

หวังเหยียนรีบอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะอธิบายต่อ

“แล้วก็ผมจับตัวไอ้พวกนั้นไว้แล้ว ลูกพี่สามารถไปถามพวกมันได้ทุกเมื่อเลยครับ”

หลังจากได้ยินอย่างนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็รู้ว่าอีกฝ่ายกังวลอย่างมาก

“นายทำได้ดีมาก ฉันจะจำบุญคุณครั้งนี้ไว้”

เป็นเรื่องดีที่อีกฝ่ายสามารถช่วยเหลือซูหว่านเอ๋อได้ทันเวลา เรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะเขาจัดการเรื่องบางอย่างไม่เด็ดขาดพอ

“เอ่อ…ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรครับ”

หวังเหยียนได้ยินคำชมเชยจากชายตรงหน้าก็อดปลื้มใจไม่ได้

“ลูกพี่อวี้ กินข้าวเช้าหรือยังครับ หรือ…หรือจะให้ผมออกไปซื้ออาหารเช้าให้พี่กับผู้หญิงคนนี้”

“อืม ไปเถอะ”

อวี้ฮ่าวหรานพยักหน้าเบา ๆ เขาไม่ได้ออกปากห้ามอีกฝ่าย

ประตูห้องผู้ป่วยปิดลง ความเงียบเข้าปกคลุมทั่วทั้งห้อง ตอนนั้นเองเขาได้ยินหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงพึมพำเกี่ยวกับบางอย่าง

“ดาบทองแดง…จี้หยกขาว…”

เขาเงี่ยหูฟังอย่างระมัดระวัง แต่พบว่าอีกฝ่ายกำลังพึมพำถึงชื่อโบราณวัตถุบางอย่าง

สิ่งนั้นทำให้อวี้ฮ่าวหรานพูดไม่ออก จนถึงตอนนี้หญิงสาวก็ยังนึกถึงโบราณวัตถุ…

“ปลอดภัยแล้ว ไม่เป็นไรแล้วนะ”

เขาปลอบใจอีกฝ่ายอย่างจนปัญญา การปลอบประโลมนี้ทำให้ซูหว่านเอ๋อตื่นขึ้นมาด้วยความสับสน

“หือ…อวี้ฮ่าวหราน?”

ทันทีที่ลืมตาขึ้น ซูหว่านเอ๋อก็เห็นคนที่ตัวเองต้องการพบหน้ามากที่สุด เธอจึงคิดว่ามันคือภาพลวงตา

“คุณไม่ใช่ภาพหลอนใช่ไหม?”

“ผมอยู่นี่แล้ว!”

อวี้ฮ่าวหรานยิ้มมุมปากเล็กน้อย ขณะที่พูดยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

“ดี…ดีจริง ๆ”

ซูหว่านเอ๋อถอนหายใจอย่างโล่งอก แต่หลังจากนึกถึงบางอย่าง ใบหน้าของเธอก็ซีดเซียวลงอย่างเห็นได้ชัด

“อวี้ฮ่าวหราน…คุณช่วยฉันอีกอย่างได้ไหม? พ่อและพี่ชายฉันถูกพวกมันจับตัวไปน่ะค่ะ…”

“ไม่เป็นไรครับ ปล่อยให้ผมจัดการเถอะ คุณพักผ่อนก่อนดีกว่า”

อวี้ฮ่าวหรานรับปากหญิงสาวผู้น่าสงสารตรงหน้า เพียงแค่เดือนเดียวเธอกลับต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลถึงสองครั้ง

“เอ่อ…แล้วก็…”

ซูหว่านเอ๋อกัดริมฝีปากเบา ๆ ราวกับว่าต้องการพูดบางอย่าง และหลังจากที่รวบรวมความกล้าอยู่นาน หญิงสาวก็บอกความต้องการของตัวเอง

“ฉันมีวัตถุโบราณมากมาย…พวกเขาก็ขโมยไปจนหมด เหลือแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น”

ขณะพูด ใบหน้าของเธอก็ฉายแววโศกเศร้า ก่อนจะยื่นมือออกจากผ้าห่ม

มือซีดขาวของเธอกำปิ่นหยกดำแน่น

“ไม่ต้องเป็นห่วง! ผมจะตามหาพวกมันให้คุณเอง”

อวี้ฮ่าวหรานรู้สึกละอายใจเล็กน้อย ชายหนุ่มไม่คิดว่าขณะหลบหนีอีกฝ่ายจะหยิบวัตถุโบราณติดมือมาด้วย

“ขอบคุณมากนะคะ…รบกวนคุณแล้ว…”

หลังจากซูหว่านเอ๋อได้ยินอีกฝ่ายยืนยัน เธอจึงแสดงท่าทางมีความสุขทันที

จากนั้นเธอจึงมอบปิ่นหยกดำให้คนตรงหน้า

“ฉันให้คุณ อย่าปฏิเสธเลยนะคะ”

พููดจบ เธอก็เอื้อมมือไปจับมือของอีกฝ่ายแล้ววางปิ่นหยกดำไว้บนฝ่ามือของเขา

แต่เป็นเพราะเพิ่งฟื้นคืนสติ เธอจึงไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ตามใจอยาก

สุดท้ายแล้วอวี้ฮ่าวหรานจึงต้องรับปิ่นหยกมาอย่างไม่เต็มใจ ทันใดนั้นเขาก็สัมผัสถึงสิ่งผิดปกติบนปิ่นหยกดำ

“หืม? มันฟื้นตัวได้ยังไง?”

เขามองปิ่นหยกดำในมือด้วยความประหลาดใจ แค่ชำเลืองมองเขาก็รู้แล้วว่ารังสีที่เขาพยายามกระตุ้นมันได้ฟื้นคืนมาแล้ว!

แม้จะเป็นไปไม่ได้ที่วัตถุโบราณอันทรงพลังจะฟื้นตัวในสภาพแวดล้อมอย่างนี้ แต่มันก็น่าเหลือเชื่อจริง ๆ

สาเหตุที่คิดอย่างนั้นเป็นเพราะอักขระบนตัวปิ่นเลือนหายไปแล้ว แต่ปิ่นหยกดำกลับสามารถฟื้นตัวได้อย่างน่าอัศจรรย์

“น่าสนใจ!”

เขาใช้ดวงตาเทวะสำรวจทันที

ชายหนุ่มพบว่าพลังวิญญาณบางส่วนเป็นสิ่งกระตุ้นให้พลังของปิ่นหยกดำฟื้นคืน

อวี้ฮ่าวหรานเป็นคนรอบคอบมาก ในเมื่อเป็นอย่างนี้ มันก็หมายความว่าปิ่นหยกดำนี้ไม่ใช่สิ่งของธรรมดา

มันเป็นไปตามที่เขาต้องการ!

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ภายในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนั้นอาจมีปิ่นหยกดำมากกว่าหนึ่งอันก็ได้!

“น่าสนใจจริง ๆ!”

หัวใจของอวี้ฮ่าวหรานเต้นรัว ถ้ามีปิ่นหยกดำอีกสักสองสามอัน มันคงเป็นประโยชน์กับการฝึกตนของเขาอย่างมาก

“คุณ…คุณเห็นอะไรเหรอคะ?”

ซูหว่านเอ๋อมองชายตรงหน้าด้วยความสงสัย เธอไม่เข้าใจว่าตอนแรกเขายังปฏิเสธที่จะรับมัน แต่ทำไมตอนนี้ถึงบอกว่ามันน่าสนใจ?

“แค่ก ๆ ไม่มีอะไรครับ ผมต้องขอตัวก่อน ขอบคุณมากครับ”

อวี้ฮ่าวหรานหลุดออกจากห้วงความคิด ก่อนกระแอมเบา ๆ แล้วขอบคุณอีกฝ่าย

“หือ? ฉันต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายขอบคุณคุณ”

ซูหว่านเอ๋อตกตะลึงเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำขอบคุณของอีกฝ่าย มันเป็นแค่ปิ่นหยกดำ ทำไมเขาต้องขอบคุณเธอด้วยล่ะ

ก่อนหน้านี้ชายตรงหน้าไม่เต็มใจรับมันด้วยซ้ำ

“คือว่าปิ่นหยกดำอันนี้สำคัญกับผมมาก และตอนนี้ผมก็ได้มันมาแล้ว”

เมื่อเห็นอย่างนั้น อวี้ฮ่าวหรานก็รีบอธิบายทันที

“ดีจังเลยค่ะ”

หลังจากได้ยินคำอธิบาย ซูหว่านเอ๋อก็มีความสุขอย่างมาก

ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น หวังเหยียนกลับมาแล้ว

“พักผ่อนเถอะครับ ผมขอตัวออกไปถามข้อมูลบางอย่างก่อนนะครับ”

อวี้ฮ่าวหรานลุกยื่นขึ้นก่อนบอกลาหญิงสาวตรงหน้า จากนั้นหันหลังกลับแล้วเดินจากไป

เขามีคำถามบางอย่างที่อยากรู้เกี่ยวกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้

หลังจากเปิดประตู เขาก็ส่งสัญญาณให้อีกฝ่ายตามไป จากนั้นจึงปิดประตูแล้วเดินออกไป

“บอกฉันมาว่าคนพวกนั้นเป็นลูกน้องใคร?”

ทันทีที่ประตูห้องปิดลง เขาก็เริ่มยิงคำถามทันที

หวังเหยียนพยักหน้าทันทีที่ได้ยิน

“ผมสั่งให้คนไปสอบสวนพวกมันแล้ว ดูเหมือนว่าลูกพี่ของพวกมันจะชื่อเล่ยเสี่ยว ไอ้คนนี้เคยมีเรื่องบาดหมางกับตระกูลซูไม่นานมานี้ ทั้งสองฝ่ายกระทบกระทั่งกันหลายครั้ง แต่คราวนี้เล่ยเสี่ยวใช้วิธีสกปรกด้วยการบุกเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลซูกลางดึกครับ”