บทที่ 139 คุณชาย ถอดเสื้อผ้าออกเสียเถอะ

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

เฟิ่งชิงเฉินเหลือบมองเข้าไปด้านในมองดูสถานการณ์ภายในและพบว่าพวกเขากำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด หลานจิ่วชิงสู้หนึ่งต่อเจ็ด แม้ว่าเขาจะเสียเปรียบ แต่เขาก็คงไม่ตายไปอีกพักหนึ่ง
เฟิ่งชิงเฉินไม่ลังเลอีกต่อไป นางเห็นช่องโหว่จึงรีบเข้าไปด้านใน ไม่สามารถสุ่มยิงได้ แต่อย่างน้อยนางก็สามารถใช้โอกาสนี้เพื่อจัดการคนหนึ่งหรือสองคนได้
แต่นางประเมินความเฉียบคมและการป้องกันตนเองจากนางของยอดฝีมือเหล่านี้ต่ำไป เพียงนางยกเท้าก็ถูกเห็นทันที มีดบินเล็กๆ พุ่งมาที่หน้าผากของนาง…
ประสบการณ์ในสนามรบทำให้เฟิ่งชิงเฉินไม่ทันคิด ปฏิกิริยารีเฟล็กซ์บอกให้นางก้มลงเพื่อหลบการโจมตีนี้ทันที
เสียงตึงดังขึ้น… เฟิ่งชิงเฉินปกป้องจุดสำคัญไว้ได้ ในขณะที่นางล้มลงกับพื้น นางก็กลิ้งแล้วยิงอีกนัดไปที่เป้าหมาย แต่เนื่องจากไม่ได้เล็งให้ดีจึงยิงถูกที่ต้นขาของคู่ต่อสู้เท่านั้น
หลานจิ่วชิงไม่ใช่คนใจดี เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ดาบในมือของเขาก็วาดออกไปและชายผู้ถูกยิงก็ล้มลงกับพื้นทันที
คราวนี้ประสานมือกันได้เหมาะเจาะพอดี
น่าเสียดายที่เฟิ่งชิงเฉินไม่ดีใจเลยแม้แต่น้อย ตอนที่นางล้มลง นางก็ตระหนักว่า…
ให้ตายเถอะ นี่ไม่ใช่สนามรบ สิ่งที่บินมาคือมีดไม่ใช่ระเบิด นางเบี่ยงกายหลบก็พอแล้ว จะกลิ้งให้เจ็บตัวเช่นนี้ทำไมกัน
เฟิ่งชิงเฉินกลิ้งไปอีกสามรอบก่อนจะหยุดลง ขณะที่นางกำลังจะลุกขึ้นก็พบว่าคนสองคนที่เข้ามารายงานดูเหมือนจะคิดว่านางเป็นลูกพลับอ่อนจึงได้ถือดาบเข้ามาจะจัดการนาง
หลานจิ่วชิงเห็นแล้วและเขาสามารถปกป้องนางได้ แต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้นเพราะเขาต้องการดูว่านางมีความสามารถพอในการเดินร่วมทางไปกับเขาหรือไม่
หากมีความสามารถพอก็ไม่ต้องมีเขาคอยคุ้มกันให้อีก แต่ถ้าไม่มีก็ไม่มีประโยชน์ที่จะปกป้องไว้ มิสู้ตายไปเสียเลยดีกว่า
โดยไม่ทำให้หลานจิ่วชิงผิดหวัง เมื่อทั้งสองอยู่ห่างจากเฟิ่งชิงเฉินราวสิบก้าว พวกเขาถูกนางยิงเข้าที่หัวใจจนล้มลง
คนเหล่านี้ไม่รู้จักความร้ายแรงของปืนเลย พลังป้องกันของพวกเขาจากปืนในมือของนางนั้นต่ำเกินไป
เฟิ่งชิงเฉินยืนขึ้นและพูดกับหลานจิ่วชิงว่า “หลานจิ่วชิง เจ้าระวังตัวด้วย อย่าพุ่งเข้ามาชน”
กระสุนไม่มีตา คนเหล่านี้กำลังต่อสู้อยู่รอบๆ นางตาลายยิ่งนักเฟิ่งชิงเฉินไม่ต้องการวิจารณ์ นางแค่ต้องการโจมตีอีกฝ่ายเท่านั้น
“ปัง…” กระสุนอีกนัดเข้าที่ปอด แม้ว่าจะยังไม่ตายทันที แต่ยังมีหลานจิ่วชิงอยู่ เขาสามารถลงดาบจัดการซ้ำได้
คนจากเย่เฉิงก็ไม่ได้โง่เช่นกัน หลังจากที่เสียเปรียบไปแล้ว อีกสามคนที่เหลือก็เรียนรู้ที่จะฉลาด “ทุกคนระวังตัวด้วย หลบอาวุธลับที่ซ่อนอยู่ที่ส่งมาจากสตรีผู้นั้น”
ดังนั้น…
“ปัง…”
ยิงปืนพลาดเป้า
เป็นไปตามคาด
คนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือในการแยกแยะเสียง ไม่ยากเลยที่จะหลบกระสุนนี้ เพียงแต่พวกเขาต้องแยกสมาธิทำสองอย่าง ทั้งต้องหลบเฟิ่งชิงเฉินและรับมือของหลานจิ่วชิง ยากที่จะหลีกเลี่ยงความยากลำบากได้
เฟิ่งชิงเฉินเห็นว่าหลานจิ่วชิงต่อสู้หนึ่งต่อสามอย่างมั่นคงและไม่รีบร้อน นางเลือกตำแหน่งที่ปลอดภัยและพร้อมที่จะยิงปืนอีกครั้ง
แต่คิดไม่ถึงว่าคนจากเย่เฉิงจะเข้าใจผิดอย่างสิ้นเชิง
“ไป ไปฆ่านางผู้หญิงนั้น อาวุธลับของนางใช้หมดแล้ว” ชายทั้งสามก้าวไปข้างหน้าเพื่อรับมือการโจมตีของหลานจิ่วชิงและพูดกับพรรคพวกของเขา
ยอดฝีมือสิบอันดับแรกแห่งเย่เฉิงใช้ปู้จิงหยุนเป็นเหยื่อล่อเพื่อล่อหลานจิ่วชิง แต่ปรากฏว่า…
ไม่เป็นไรถ้าไม่สามารถจับเป็นหลานจิ่วชิงได้ ถอดหน้ากากเขาออกไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเช่นกัน แต่ถ้ากองกำลังทั้งหมดหายไป เรื่องนี้จะทำให้เย่เฉิงเสียหน้าอย่างร้ายแรง
“ขอรับ”
ภายใต้การคุ้มกันของพวกพ้องเพื่อถอยหนี สองคนที่เหลือไม่ใช่คู่มือของหลานจิ่วชิงเลย
“สวรรค์มีทางเจ้าไม่ไป กลับจะบุกประตูนรก ในเมื่ออยากตายนัก ข้าก็จะช่วยให้เจ้าสมประสงค์”
“ปัง…”
เฟิ่งชิงเฉินยิงออกไปอย่างง่ายดาย จัดการสังหารคนที่พุ่งเข้ามาหานาง ในเวลาเดียวกันก็ก้าวเท้าไปทางซ้ายแล้วยิงอีกครั้งที่ข้อมือของอีกฝ่าย
โจมตีที่จุดอ่อนเสมอ หลานจิ่วชิงลงมืออย่างเด็ดขาดแทงคู่ต่อสู้เข้าที่หัวใจด้วยดาบ คนจากเย่เฉิงอีกคนพุ่งเข้ามาข้างหน้าทันที แต่เฟิ่งชิงเฉินก็เข้ามาใกล้แล้วยิงเข้าที่หัวของเขา
ปัง… หัวของเขาแตกออกและสมองของเขาก็ระเบิดออกมา สีหน้าของหลานจิ่วชิงเปลี่ยนไป เขารีบกระชับดาบและกระโดดถอยหลังเพื่อไม่ให้สิ่งน่าขยะแขยงเหล่านี้ติดตัว เขาใช้โอกาสนี้ลอบมองเฟิ่งชิงเฉินและพบว่านางไม่แม้แต่จะกะพริบตาด้วยซ้ำ
ผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่?
ยามช่วยชีวิตคนนางจริงจังมาก แต่ยามที่นางคร่าชีวิตคนก็เลือดเย็นและโหดเหี้ยมมากเช่นกัน สตรีผู้นี้ช่างย้อนแย้งนัก
“เสมอกันแล้ว หลานจิ่วชิง บุญคุณที่ข้าติด ข้าทดแทนหมดแล้ว”เฟิ่งชิงเฉินเก็บปืนที่ยังมีควันกรุ่นลอยออกมา
ของสิ่งนี้ร้ายแรงเกินไป นางกลัวจริงๆ ว่าหลานจิ่วชิงจะชอบใจและใช้มันไปฆ่าผู้คนเพิ่มอีก
“อืม” หลานจิ่วชิงรับคำและไม่พูดอะไรอีก
เป็นการดีที่เฟิ่งชิงเฉินจะกล้าหาญ เขาเกลียดผู้หญิงอ่อนแอ
แน่นอนว่าต้องบอกว่าผลงานวันนี้ของเฟิ่งชิงเฉินทำให้เขาประหลาดใจ ไม่ง่ายเลยสำหรับผู้หญิงที่จะมาถึงระดับนี้
ถ้าคืนนี้ไม่มีเฟิ่งชิงเฉิน เขาคงจะถอยกลับได้โดยไม่เป็นอะไร แต่คงเป็นเรื่องยากที่จะช่วยชีวิตคน
ยอดฝีมือสิบอันดับแรกแห่งเย่เฉิงร่วมมือกัน เขาไม่มีโอกาสชนะมากนัก
เฟิ่งชิงเฉินมองดูหลานจิ่วชิงเดินไปทางชายเปลือยกายบนจานหมุนก็รู้ว่าเขาเป็นคนที่หลานจิ่วชิงต้องการช่วยเหลือ โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง นางเดินตรงไปที่ปลายอีกด้าน หยิบกระสุนที่ยิงพลาดและเก็บปลอกกระสุนแต่ละอันขึ้นมา
สิ่งใดก็ตามที่จะทิ้งร่องรอยควรถูกลบทิ้งให้มากที่สุด เป็นการดีกว่าที่จะไม่ปล่อยให้เรื่องแบบนี้รั่วไหลออกไป ในขณะเดียวกันนางก็หยิบมีดผ่าตัดผ่ากระสุนในศพออกมา พบว่ามีคนผู้หนึ่งยังไม่ตายสนิท นางจึงเชือดของเขาด้วยมีดโดยตรง
เมื่อเห็นคนตายกลุ่มนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็คิดว่าจะนำอวัยวะที่สามารถใช้ได้มาเก็บไว้ดีหรือไม่?
แต่เมื่อคิดได้ว่าหลานจิ่วชิงก็อยู่ที่นี่ด้วยจึงช่างมันไปเสียดีกว่า แม้ว่านางจะผ่าออกมาแต่ก็คงไม่ได้ใช้ไปอีกระยะ อวัยวะต่างๆ สามารถเก็บไว้ได้ไม่เกินหนึ่งเดือนเท่านั้น ดังนั้นนางจึงไม่ควรเสียแรงเปล่า
เมื่อผ่ากระสุนออกมาทีละศพ เฟิ่งชิงเฉินก็ใช้ผ้าขาวแล้ววางทิ้งไว้
หลานจิ่วชิงช่วยปู้จิงหยุนลงมาจากจานหมุน ขณะที่กำลังจะหาเสื้อผ้ามาคลุมร่างกายของเขาจึงได้เห็นเฟิ่งชิงเฉินทำสิ่งที่เกือบจะเป็นการทารุณกรรมศพ
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าจะทำอะไร?” ผู้หญิงคนนี้คงไม่ได้มีงานอดิเรกเป็นการแยกซากศพหรอกนะ?
หลานจิ่วชิงมองเฟิ่งชิงเฉินอย่างข้องใจ
“เก็บอาวุธลับ” เฟิ่งชิงเฉินตั้งใจเก็บลูกกระสุนโดยไม่เงยหน้า
กระสุนที่อยู่หว่างคิ้วยังดี แต่ที่ยุ่งยากก็คือลูกกระสุนที่ระเบิดสมอง นางหาอยู่นานก็หาไม่พบ บวกกับเนื้อสมองที่กองเหลวอยู่ที่พื้น จะดูก็ดูไม่ออก
ยามที่ปู้จิงหยุนเดินเข้ามาก็เห็นเฟิ่งชิงเฉินถือมีดเขี่ยเนื้อสมองไปมา
“จิ่วชิง หญิงผู้นี้เป็นใคร?” ใบหน้าของปู้จิงหยุนซีดเซียวและมีความอยากอาเจียน
นี่ผู้หญิงเหรอ? นาง นาง นาง… จะกล้าหาญเกินไปแล้ว
“ไม่ต้องรู้หรอก สวมเสื้อผ้าเสีย” ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด หลานจิ่วชิงไม่พอใจที่เฟิ่งชิงเฉินเห็นร่างเปลือยเปล่าของปู้จิงหยุน เขาจึงหยิบเสื้อผ้าจากด้านหนึ่งโยนให้เขา
เฟิ่งชิงเฉินรู้เรื่องของปู้จิงหยุนตั้งแต่แรก แน่นอนว่านางไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง เพียงแต่ฝังหัวเพื่อค้นหากระสุนเท่านั้น
ในที่สุดก็พบกระสุนที่เต็มไปด้วยน้ำเลี้ยงสมอง เฟิ่งชิงเฉินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เช็ดมันจนสะอาด เก็บมันเรียบร้อย ยืนขึ้นและพูดว่า “ไปกันได้หรือยัง?”
เห็นได้ชัดว่านางไม่สนใจที่จะถามถึงเรื่องในวันนี้เลย
“เขาบาดเจ็บ ดูให้เขาหน่อย” หลานจิ่วชิงไม่ต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินและปู้จิงหยุนเกี่ยวข้องกันนัก แต่อาการบาดเจ็บบนร่างของปู้จิงหยุน แม้จะไม่ได้ทำร้ายส่วนสำคัญ แต่ก็น่ากลัวทีเดียว
คนจากเย่เฉิงแทงเขากว่าสิบสองครั้ง หากรอลงจากภูเขาไปหาหมอ เขาอาจจะเสียเลือดจำนวนมากและเขาจะใช้เวลาสิบวันครึ่งเดือนในพักฟื้น
เฟิ่งชิงเฉินแอบถอนหายใจ
เอาเถอะ ใครใช้ให้เราถูกคนอื่นกุมความลับไว้เล่า
“ถอดเสื้อผ้าแล้วนั่งลง” เฟิ่งชิงเฉินไม่แม้แต่จะมองปู้จิงหยุน
ยิ่งรู้มากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งตายเร็วขึ้นเท่านั้น…