หม่าเวยเวยอ้าปากหมายจะเถียงกลับ ทว่าเธอรู้สถานะตัวเองได้ทันที เธอไม่อาจไปท้าทายอำนาจผู้สร้างชาวอเมริกันอย่างโจ่งแจ้งได้ เว้นเสียแต่ว่าเธอจะไม่อยากอยู่รอดในวงการบันเทิงนี้ต่อไป
ดังนั้นถึงเธอจะถูกหยามหน้าเธอก็ทำได้เพียงทนรับมัน ในขณะที่เดินเชิดออกไปจากห้องคัดตัวอย่างไม่สะทกสะท้าน
ผู้จัดการของเธอโผเข้ามาถามเธออย่างตื่นเต้น “เป็นยังไงบ้าง”
ทุกคนที่อยู่รอบข้างรอฟังหูผึ่งด้วยท่าทีเยาะเย้ย พวกเขาต่างรู้ว่าหากหม่าเวยเวยได้รับคัดเลือกจริงๆ ภาพยนตร์อเมริกาคงได้ล้าหลังไปเมื่อสามสิบปีก่อนเป็นแน่
ทว่าเธอต้องรักษาหน้าของตัวเองไว้…
“ผู้กำกับบอกว่าการแสดงของฉันไม่แย่นักค่ะ…”
ไม่แย่… หม่าเวยเวยโกหกหน้าตาย รอยยิ้มกว้างกว่าเดิมของผู้จัดการปรากฏขึ้นหลังจากที่ได้ยินดังนั้น “ฉันรู้ว่าเธอทำได้ เวยเวย! เธอนี่มันสุดยอด…”
“ฮ่าๆ…ฉันไม่ได้ยินผิดไปใช่ไหมเนี่ย ถ้าผู้สร้างบอกว่าการแสดงของหม่าเวยเวยไม่ได้แย่จริงๆ อย่างนั้นทุกคนก็คงได้เข้าวงการฮอลลีวูดกันหมดแล้วล่ะ…” ศิลปินคนหนึ่งเย้ย
หม่าเวยเวยฮึดฮัดในลำคอก่อนจากไปพร้อมผู้จัดการของเธอ
หลังมาถึงชั้นล่าง หม่าเวยเวยหยุดฝีเท้าก่อนหันไปมองผู้จัดการ “ทำไมเธอถึงให้ฉันมาคัดตัวนักแสดงที่นี่ล่ะ”
“หือ” อีกฝ่ายชะงักไป “เกิดอะไรขึ้นเหรอ”
“พวกเขาพยายามทดสอบความอดทนของฉันเพราะฉันหน้าเหมือนถังหนิง…แล้วสุดท้าย…” หม่าเวยเวยพูดต่อไม่ออก หากคนอื่นรู้เรื่องนี้เข้าธอจะต้องกลายเป็นตัวตลกสำหรับทุกคนแน่
“ช่างมันเถอะ…”
ผู้จัดการของเธองุนงงเต็มที ไม่เข้าใจว่าหม่าเวยเวยกำลังพูดอะไร แต่เมื่อเรื่องการคัดตัวนักแสดงปรากฏบนหน้าข่าวออนไลน์ในภายหลังเธอก็เข้าใจในท้ายที่สุด
‘เผย! วิดีโอหม่าเวยเวยพยายามเทียบชั้นถังหนิงที่งานคัดตัวนักแสดง’
‘การคัดตัวนักแสดงครั้งแรกของหม่าเวยเวยกับการโดนผู้สร้างอเมริกันไล่ตะเพิด!’
เมื่อครั้งที่ถังหนิงยังอยู่ ผู้คนก็มักหาเรื่องเธออยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ปล่อยให้ถังหนิงตัวปลอมรอดพ้นไปเช่นกัน พอเป็นเรื่องใส่สีตีไข่คนอื่น ย่อมต้องมีใครบางคนในวงการที่ต้องเผชิญกับมันอยู่แล้ว
โดยเฉพาะเมื่อวิดีโอการคัดตัวของหม่าเวยเวยกลายเป็นเรื่องน่าขัน
ผู้คนต่างเข้ามาหัวเราะเยาะเย้ย
“ความจริงก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าไม่ว่าเธอจะหน้าตาเหมือนถังหนิงแค่ไหน เธอก็ควรสำเหนียกในความสามารถของตัวเองไว้บ้าง”
“เธอนี่หน้าไม่อายจริงๆ ที่ไปฉีกหน้าตัวเองต่อหน้าชาวต่างชาติ พอเป็นเรื่องการแสดงแล้วเธอไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกันนะ”
“ฉันต้องดูหนังของถังหนิงสักหลายๆ รอบเพื่อล้างตาซะแล้ว”
“ไหนๆ ก็พูดถึงเรื่องนี้แล้ว ตั้งแต่ที่ถังหนิงเลิกทำงานแสดงก็ไม่มีหนังดีๆ ให้ดูอีกเลย! น่าเสียดายจัง…”
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแฟนๆ เริ่มคร่ำครวญว่าถังหนิงเก่งกาจเพียงไหน แม้เธอจะหายไปจากหน้าจอ อย่างน้อยภาพยนตร์ของเธอก็หล่อเลี้ยงตัวตนของเธอและแสดงความให้เกียรติผู้ชม
จากนั้นข่าวบันเทิงพากันเสนอข่าวการให้สัมภาษณ์ของฝ่ายผู้สร้าง มีการกล่าวถึงการคัดตัวนักแสดงของหม่าเวยเวย และรายงานว่าพวกเขาคิดว่าเธอผิดกับที่คิดเอาไว้เพราะสิ่งที่เธอทำในการคัดเลือก
ผู้สร้างให้คำตอบกลับมาด้วยความผิดหวัง
“ผมต้องยอมรับว่าคุณหม่าหน้าตาเหมือนนักแสดงถังหนิงครับ ผมถึงได้ตั้งความหวังกับเธอไว้สูง น่าเสียดายที่สิ่งที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นแล้วว่าถังหนิงเป็นคนที่น่าทึ่งเพราะเอกลักษณ์ของเธอเอง ทักษะการแสดงและความเป็นมืออาชีพไม่ได้เป็นสิ่งที่คนอื่นจะเลียนแบบได้…”
“ในเมื่อคุณรู้จักถังหนิงดี คุณคงได้ยินแล้วว่าเธอถอนตัวจากวงการไป…แล้วก็มีข่าวฉาวโฉ่ในปักกิ่งหลายเรื่อง”
“ผมว่าคนประเทศคุณคงเข้าใจถังหนิงผิดแล้วล่ะครับ พูดตามตรงเลยนะ ก่อนที่ผมจะมาที่นี่ จริงๆ แล้วผมเชิญให้ถังหนิงมาเล่นหนังแล้ว แต่น่าเสียดายที่เธอปฏิเสธผม…”
ทันทีที่เขาว่าดังนั้น นักข่าวถึงกับอึ้งไป แปลว่าที่แท้ก็มีเรื่องราวมากกว่านั้น ความจริงแล้วถังหนิงได้ก้าวเข้าสู่วงการฮอลลีวูดแล้ว ผิดกับคนอย่างหม่าเวยเวยที่ทำงามหน้าและยังพยายามจะเทียบชั้นกับคนอื่น
นี่เป็นความแตกต่างของระหว่างหญิงสาวทั้งสองคน สิ่งที่ถังหนิงไม่ต้องการ…กลับเป็นสิ่งที่หม่าเวยเวยคิดไขว่คว้ามา และไม่ว่าเธอจะต้องการมันแค่ไหนมันก็ไม่ได้มีประโยชน์แต่อย่างใด
“เพราะเหตุผลเกี่ยวกันการทำงาน ถังหนิงกับผมเลยได้ติดต่อกันบ้าง เธอเป็นหญิงสาวชาวตะวันออกที่มีเสน่ห์อย่างน่าเหลือเชื่อเลยล่ะครับ ผมว่าคงหาคนที่เหมือนกับเธอได้ยาก”
เขาชื่นชมในตัวถังหนิงอย่างมากสวนทางกับข่าวลือที่ว่าถังหนิงเป็นคนใช้ต่ำต้อยให้กับชาวอเมริกัน
“ถ้าอย่างนั้นคุณพอจะบอกเราได้ไหมครับว่าตอนนี้ถังหนิงเป็นยังไงบ้าง”
“ผมว่าพวกคุณคอยรอให้เธอเผยตัวออกมาตอนที่เธออยากปรากฏตัวออกมาเถอะครับ”
เขาตอบอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เท่านี้ก็เพียงพอให้ทุกคนติดตามรอคอยเสียแล้ว อย่างไรเสียการที่ถังหนิงปฏิเสธผู้สร้างชื่อดังขนาดนี้ ย่อมหมายความว่าทุกคนเข้าใจเธอผิดไป
“อีกอย่างถังหนิงเองก็มาจากปักกิ่ง ทำไมพวกคุณมาถามผมแทนล่ะครับ”
นักข่าวมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการถอนตัวของถังหนิง
อีกทั้งพวกเขายังไม่รู้ว่าถังหนิงทำอะไรอยู่ที่ต่างประเทศเพราะความเข้าใจผิดที่เกิดมาจากจงใจปั่นหัวของคนอื่น ในความเป็นจริงนั้น…ทุกคนคิดว่าถังหนิงเป็นเพียงนักแสดงตกกระป๋องที่อีกไม่นานก็จะถูกลืมและแทนที่เมื่อเวลาผ่านไป
ไม่มีใครคาดคิดว่าถังหนิงจะตกเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันหม่าเวยเวยถูกกระทำเหมือนเป็นตัวตลก และทำได้เพียงหวังให้ช่วงเวลานี้ผ่านพ้นไป
…
เป็นหม่าเวยเวยที่นัดพบกับหันซิวเช่อในครั้งถัดมา
“คุณไม่ได้บอกเอาไว้เหรอว่าจะเล่นงานจู้ซิงมีเดียน่ะ ทำไมคุณยังไม่ทำอะไรเลยล่ะ”
“หม่าเวยเวย คุณคิดว่าคนที่จู้ซิงมีเดียจัดการง่ายนักเหรอ คุณอยู่เฉยๆ ไปเถอะครับ แค่นั่งรอก็พอ คุณมีสิทธิ์มาเรียกร้องอะไรจากผมกันล่ะ”
หม่าเวยเวยใจเย็นลงก่อนมองหน้าเขา “คุณคงเห็นข่าวเมื่อเร็วๆ นี้ใช่ไหม คุณเห็นว่าฉันถูกทำเหมือนเป็นตัวตลกแล้วใช่ไหม
“คุณคิดว่าฉันอยากจะทำศัลยกรรมนักหรือยังไง ฉันทำเพราะต้นสังกัดบอกว่ามันจะทำให้ฉันดังต่างหาก! ไม่อย่างนั้นใครจะยอมกลายเป็นคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นถังหนิงตัวปลอมกันล่ะ คุณคิดว่าฉันไม่ขยะแขยงตัวเองที่มีหน้าหมือนเธอเหรอ ฉันต้องอดทนกับคนที่คอยเปรียบเทียบอยู่ทั้งวี่ทั้งวัน…”
“ผมว่าคุณควรใจเย็นลงหน่อยนะ ไม่มีใครบังคับให้คุณทำอย่างนี้นี่ครับ…คุณเต็มใจทำเองแท้ๆ ”
หม่าเวยเวยหันไปมองค้อนใส่หันซิวเช่อ
“พอได้แล้ว เลิกว่าผมสักที… มันใกล้จะได้ผลแล้วล่ะ คอยฟังข่าวดีแล้วกันครับ”
“ฉันมีคำถามค่ะ ทำไมคุณถึงตัดสินใจทำร้ายถังหนิงและบริษัทของเธอล่ะ จากที่ฉันรู้คุณก็ไม่ได้รู้จักกับถังหนิงมาก่อนนะ”
“พูดตามตรง…ผมตกหลุมรักเธอมาพักใหญ่น่ะครับ คลั่งไคล้มากเลยล่ะ… แต่ผมก็พบว่าเธอเป็นพวกจอมปลอมและไม่ได้มีดีอะไรอย่างที่คนเห็นกันเลย มันเลยทำให้ผมหัวเสียไงครับ! ” เขาตอบ
“ถังหนิงจะต้องขุดหลุมบรรพบุรุษของฉันขึ้นมาในวาระสุดท้ายในชีวิตของเธอแน่! ” หม่าเวยเวยหัวเราะ “ช่างมันเถอะค่ะ ฉันจะรอข่าวดีจากคุณแล้วกันนะคะ”
ทั้งสองเป็นพียงแค่คนที่หาเรื่องให้ตัวเองอับอายขายขี้หน้าเท่านั้น ถังหนิงไม่ได้จำเป็นต้องรู้จักหรือแม้แต่จดจำพวกเขาด้วยซ้ำ อย่างที่ถังหนิงรู้ว่ามีหม่าเวยเวยอยู่บนโลกทว่า…
…ไม่ได้คิดว่าเธอเป็นภัยคุกคามของตัวเองแม้แต่น้อย
หม่าเวยเวยเป็นนังปีศาจแต่เธอไม่ใช่คนที่จะต้องให้ความสำคัญ
ส่วนคำถามที่อยู่ในใจทุกคนในปักกิ่งว่าถังหนิงทำอะไรอยู่ เธอจะทำให้พวกเขาต้องตกตะลึงกับคำตอบในเร็วๆ นี้ สิ่งที่เธอติดค้างกับตัวเองในอดีตไว้