ตอนที่ 1015 ของเลียนแบบก็เป็นได้แค่ของเลียนแบบอยู่วันยังค่ำ

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“เวยเวย ต้นสังกัดบอกฉันว่าเธอมีโอกาสไปคัดตัวนักแสดงด้วยล่ะ” ผู้จัดการของหม่าเวยเวยเอ่ยด้วยความตื่นเต้นหลังจากติดต่อผู้สร้างชาวอเมริกาไป เธอรู้อยู่ลึกๆ ในใจว่าต่อให้ตอนนี้หม่าเวยเวยจะเป็นที่พูดถึง แต่ก็ยังมีความสามารถเทียบไม่ได้กับถังหนิง จึงนึกไม่ถึงว่าหม่าเวยเวยจะได้รับโอกาสเข้าคัดเลือก

“นั่นเป็นเพราว่าฉันโชคดีกว่าถังหนิงยังไงล่ะ” หม่าเวยเวยว่าขึ้นเสียงเรียบกับผู้จัดการ “เธอรอดูได้เลย ฉันจะไม่ยอมแพ้ในทุกๆ อย่างที่ฉันทำเหมือนถังหนิงเด็ดขาด”

“ต้องไม่แพ้อยู่แล้วสิ เวยเวยของเราเก่งจะตาย…”

เธอช่างเก่งจริงๆ เก่งเรื่องการทำศัลยกรรมและสร้างกระแส

น่าเสียดายที่หม่าเวยเวยไม่รู้ว่าผู้สร้างแค่เปิดโอกาสให้เธอได้เข้าคัดเลือก เพราะเขาอยากจะเห็นว่าเธอจะไร้น้ำยาแค่ไหนเมื่อเทียบกับถังหนิง

ในขณะที่หลงเจี่ยกำลังฝึกศิลปินกลุ่มใหม่ที่เพิ่งเซ็นสัญญา เอสเอเจ ซึ่งลงตัวด้วยสมาชิกเด็กหนุ่มสองคนและเด็กสาวอีกสองคนพร้อมกับเสียงร้องที่ค่อนข้างดี

อย่างไรก็ตามศิลปินกลุ่มนี้คงไม่อาจเป็นอย่างซิงหลานได้ พวกเขาไม่สามารถเข้าร่วมรายการประกวดร้องเพลงอย่างที่เธอทำ การแจ้งเกิดของพวกเขาขึ้นอยู่กับแผนของหลงเจี่ยที่จะสร้างความฮืออา เธอจึงฝึกฝนพวกเขาอย่างเข้มงวด

ตั้งแต่เสื้อผ้าหน้าผมรวมไปถึงวิธีการพูดการจาที่มีลักษณะเฉพาะตัว หลงเจี่ยได้ออกแบบในแต่ละด้านอย่างรอบคอบ

เมื่อเห็นหลงเจี่ยหมกมุ่นกับแผนงานของตัวเอง หันซิวเช่อรู้สึกพึงพอใจอย่างมาก หมายความว่าเขาได้เข้าใกล้เป้าหมายของเขามาอีกขั้นแล้ว

แน่นอนว่าหลินเฉี่ยนทันสังเกตเรื่องใหญ่ขนาดนี้ได้ในที่สุด เมื่อเห็นหลงเจี่ยทุ่มเทในการฝึกศิลปินใหม่ เธอก็รู้สึกผิดที่ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

“ตอนนี้พวกเขาแสดงได้ดีแล้วล่ะ ตอนที่พวกเขาแจ้งเกิดในอีกสองสามเดือนข้างหน้า เธอก็คงใกล้คลอดแล้ว พอเธอกลับมาทำงานเราจะได้เริ่มแผนใหม่กันได้เลย…

…ดังนั้นเธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอกนะ ต่อให้ถังหนิงไม่อยู่ ฉันก็ยังจะทำให้เต็มที่เพื่อให้จู้ซิงมีเดียเฉิดฉายให้ได้”

หลินเฉี่ยนประคองหน้าท้องเอาไว้ก่อนระบายยิ้ม “ฉันไม่สงสัยเรื่องที่คุณมีความสามารถมากกว่าฉันหรอกนะคะ แต่มีบางอย่างที่คุณจะต้องระวังเอาไว้ หันซิวเช่อ ฉันรู้สึกไม่ดีกับเขาเลยค่ะ”

“แต่ว่าครั้งนี้เขาช่วยฉันไว้เยอะเลยนะ…” หลงเจี่ยตอบ “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ฉันรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดีไปค่ะ”

อย่างไรก็ตาม หลงเจี่ยไม่รู้ว่าหันซิวเช่อได้ขุดหลุมพรางให้เธอตกลงไป เขาไม่สนใจว่าทั้งเงินและเวลาที่ต้องเสียไป รวมถึงไม่คิดถึงสิ่งที่จะตามมาเช่นกัน

หลงเจี่ยจะป้องกันเรื่องนี้ได้อย่างไรกัน ไม่เพียงแต่เธอจะไม่ได้ระวังตัว เธอยังสนิทสนมกับหันซิวเช่อมากขึ้นยามที่หลินเฉี่ยนไม่อยู่ด้วย

เมื่อกลับมาที่บริษัทและได้ยินเรื่องความสัมพันธ์ใกล้ชิดของหลงเจี่ยกับหันซิวเช่อ ลัวอิงหงจำเรื่องที่ได้ยินหม่าเวยเวยคุยกับผู้จัดการของเธอได้จึงนึกคลางแคลงใจในตัวเขา

ในฐานะส่วนหนึ่งของบริษัท เธอเชื่อว่ามีแต่เธอเท่านั้นที่จะเตือนหลงเจี่ยได้

ดังนั้นเธอจึงรอจนกระทั่งหันซิวเช่อก่อนไปเคาะประตูห้องทำงานของหลงเจี่ย

“พี่หง มีอะไรเหรอคะ”

“ฉันเห็นว่าช่วงนี้คุณสนิทกับหันซิวเช่อมากน่ะค่ะ เลยอยากจะเตือนคุณไว้ให้ระวังเขาหน่อย” ลัวอิงหงเอ่ย “เมื่อไม่นานมานี้ ตอนที่ฉันกำลังถ่ายรายการอยู่ ฉันบังเอิญเจอกับหม่าเวยเวยแล้วได้ยินเธอคุยกับผู้จัดการ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ของเธอกับหันซิวเช่อจะไม่ธรรมดานะคะ”

หลังจากหลงเจี่ยได้ยินดังนั้นเธอก็อึ้งไปเล็กน้อย

“จริงเหรอคะ”

“ฉันไม่ได้มีเรื่องบาดหมางอะไรกับหันซิวเช่อ ไม่มีเหตุผลอะไรจะไปใส่ร้ายเขาหรอกค่ะ อีกอย่างคุณเองก็ควรระวังเขาไว้บ้าง”

ด้วยอีกฝ่ายมาเตือนเธอด้วยความหวังดี เป็นเรื่องธรรมดาที่หลงเจี่ยจะรับมันไว้ก่อนพยักหน้าให้ “ไม่ต้องห่วงค่ะ พี่หง ฉันรู้ว่าตัวเองทำอะไรอยู่”

“ดีแล้วล่ะค่ะ” หลังพูดจบลัวอิงหงก็หันหลังเดินออกจากห้องทำงานไป

ทว่าด้านนอกประตู หันซิวเช่อเข้ามาหาอย่างรีบร้อนพร้อมเรื่องบางอย่างที่ต้องพูด

“พี่หง…”

ชายสุภาพนอบน้อมคนนี้ดูไม่มีพิษภัยแม้แต่น้อย แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะซ่อนเจตนาชั่วร้ายเอาไว้ข้างใน

อีกทั้งลัวอิงหงเองก็ไม่ได้รู้สึกดีกับเขามากนัก

เธอจึงทำเพียงพยักหน้าให้เขา

เขาสัมผัสได้ถึงรังสีเย็นชา ดูเหมือนว่าทุกคนที่จู้ซิงมีเดียยกเว้นหลงเจี่ยจะระวังตัวกับเขา

หากแต่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะหลงเจี่ยได้ติดกับดักของเขาอย่างกลับตัวไม่ได้เสียแล้ว…

เก้าวันต่อมา การคัดตัวนักแสดงของผู้สร้างชาวอเมริกันถูกจัดขึ้น

หม่าเวยเวยมาถึงในชุดกระโปรงงดงามพร้อมใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอาง คล้ายมั่นใจว่าเธอจะต้องถูกผู้สร้างเลือกอย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตามดูเหมือนว่าคนในวงการนี้จะไม่ได้ชื่นชอบเธอนัก

ต่อให้ถังหนิงมาปรากฏตัวที่งานคัดตัวก็ไม่แน่ว่าเธอจะทำสำเร็จ นับประสาอะไรกับถังหนิงตัวปลอม นอกจากอาศัยชื่อถังหนิงในการก้าวขึ้นมาโด่งดังแล้วเธอจะมีปัญญาทำอะไรได้อีก

แสดงหรือ

เธอทำได้หรืออย่างไรกัน

ไม่ใช่ทุกคนในโลกที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์ในการแสดงอย่างถังหนิง

หม่าเวยเวยรู้ตัวเองดี แต่ถ้าหากเธอดูถูกตัวเองไปด้วย ใครจะมาให้เกียรติเธออย่างที่เธอหวังไว้กันล่ะ

ท่ามกลางความงุนงงของทุกคน หม่าเวยเวยถูกจัดให้เข้าคัดเลือกเป็นคนแรก ทว่าเจตนาของผู้สร้างนั้นไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เขาเพียงต้องการเห็นการแสดงของเธอโดยเร็วและรีบไล่เธอกลับไปหากการแสดงไม่ได้มาตรฐาน อย่างนั้นจึงจะไม่เป็นการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมกับคนอื่นๆ ที่กำลังรอเธออยู่

“เวยเวย เธอทำได้! ลุยเลย! ” ผู้จัดการของเธอเอ่ยให้กำลังใจ

ทว่าทุกคนต่างก็รู้ว่าหม่าเวยเวยไม่ได้มีทักษะการแสดงมาให้ชม

เธอเห็นท่าทีเหยียดหยามของทุกคน แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังเชื่อว่าตัวเองจะทำได้เหมือนอย่างถังหนิง

เธอจึงเข้าไปในห้องคัดเลือกด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

ตอนที่เธอเดินไปทั่วอย่างกับดาราดัง เธอดูเหมือนถังหนิงอย่างกับแกะในทุกมุม แต่เมื่อก้าวเข้าไปในห้องคัดเลือก ผู้สร้างรู้ได้ทันทีว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องจอมปลอม

“เริ่มได้ครับ” ผู้สร้างเอ่ยด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษไร้ที่ติ “ทำการแสดงบทบาทที่คุณมั่นใจที่สุดนะครับ”

ความคาดหวังก่อตัวขึ้นในใจทีมงานคนอื่นๆ ในห้อง

อย่างไรเสียพวกเขาก็เคยตราตรึงกับฝีมือการแสดงของถังหนิงมาแล้ว

ทว่า…

…แม้หม่าเวยเวยจะฉลาดพอจะรู้ว่าฉากร้องไห้และมีปากเสียงกันจะกระตุ้นให้ผู้ชมมีอารมณ์ร่วมได้ง่าย…

…แต่ฝ่ายผู้สร้างเองก็รู้สึกว่าการแสดงของเธอนั้นไม่สามารถสื่ออะไรออกมาได้แม้แต่น้อย

“คุณหม่าครับ ผมต้องขอโทษที่ต้องบอกว่าการแสดงของคุณมันแย่มากจนยังรับบทเป็นซากศพไม่ได้เลย

“อย่างที่คิดไว้จริงๆ ว่าของเลียนแบบก็เป็นได้แค่ของเลียนแบบอยู่วันยังค่ำ…คุณเทียบไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวของถังหนิงด้วยซ้ำ

“ผมไม่น่ามาเสียเวลากับคุณเลย” เขาว่าพลางก้มหน้า “พอได้แล้วครับ เชิญคนต่อไปได้”

หม่าเวยเวยยืนหน้าชาค้างอยู่กับที่…

เธอนึกไม่ถึงว่าจะโดนตอกกลับใส่หน้าขนาดนี้ตั้งแต่ครั้งแรก

“ออกไปได้แล้วครับ คุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมตัวเองถึงได้มีคุณสมบัติเข้าร่วมคัดตัว เพราะคุณหน้าตาคล้ายถังหนิงผู้สร้างเลยตัดสินใจให้โอกาสคุณเพื่อถังหนิงไงครับ แต่ความจริงก็พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าการให้โอกาสนี้กับคุณถือเป็นการดูถูกถังหนิงครั้งใหญ่เลยล่ะ” ทีมงานที่มาพร้อมกับผู้สร้างเอ่ยขึ้น