ตอนที่ 1014 ปฏิเสธข้อเสนอ!

วิวาห์พลิกรัก ฉบับซุปตาร์

“ศิลปินแบบไหนกันล่ะ” หลงเจี่ยเอ่ยถาม “คุณน่าจะรู้ว่าฉันคาดหวังไว้สูงนะคะ”

“เดี๋ยวพอเจอพวกเขาแล้วคุณก็จะรู้เองครับ” หันซิวเช่อจงใจทำให้หลงเจี่ยคาดเดาและให้ความหวังกับเธอ

หลงเจี่ยจำคำเตือนของหลินเฉี่ยนได้แต่เธอไม่มีทางเลือก ตราบใดที่ยังมีโอกาสเพียงน้อยนิดที่จะทำให้จู้ซิงมีเดียก้าวหน้าไปได้ เธอยินดีที่จะลอง

“ถ้าอย่างนั้นก็นัดให้มาเจอเราเลย”

“โอเคครับ”

ท่าทียินดีเกินเหตุของหันซิวเช่อทำให้หลงเจี่ยหวาดระแวง แต่เธอยังคงไม่อาจฝืนสิ่งที่ล่อตาล่อใจไปได้

ท้ายที่สุดหลงเจี่ยจึงไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับหลินเฉี่ยน เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องอุ้มท้องอีกนานและจะเครียดมากไม่ได้

ไม่กี่วันหลังจากนั้น หันซิวเช่อพาศิลปินคนใหม่มาที่จู้ซิงมีเดีย เมื่อหลงเจี่ยมองพิจารณาพวกเขาและรู้ว่าพวกเขามาเป็นกลุ่ม เธอตาลุกวาวและถูกล่อลวงในทันที

ทั้งรูปร่างหน้าตา กิริยาท่าทาง ประวัติ และจุดอื่นๆ ไม่ได้แย่นัก หลงเจี่ยจึงคาดการณ์ไว้ว่าพวกเขาคงจะได้รับความนิยมหากปรับปรุงภาพลักษณ์สักหน่อย

“คุณคิดว่ายังไงครับ ชอบหรือเปล่า” หันซิวเช่อระบายยิ้ม “รุ่นน้องจากโรงเรียนศิลปะของผมดูไม่เลวเลยนะครับ ผมถึงได้แนะนำพวกเขาให้คุณไง”

“จริงๆ ก็ไม่แย่หรอก…” หลงเจี่ยพยักหน้า “ฉันจะต้องพึ่งพาพวกเขาในการช่วยให้จู้ซิงมีเดียกลับมามั่นคง”

“ไม่ต้องห่วงครับ พวกเขาเป็นคนดีจริงๆ ครับ”

อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่สิ่งที่หันซิวเช่อจะสามารถมาตัดสินใจด้วยตัวเอง

หลงเจี่ยมีวิธีการและเส้นสายของเธอเองจึงไม่ยากที่จะตามสืบเรื่องบางอย่าง โชคดีที่กลุ่มคนที่หัน ซิ่วเช่อแนะนำให้เธอไม่ได้มีประวัติด่างพร้อย

“ฉันต้องขอบคุณคุณสำหรับทุกอย่างนี้ด้วยนะ” หลงเจี่ยกล่าวขอบคุณหันซิวเช่อ

“พวกเราทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของจู้ซิงมีเดีย ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ” เขาทำทีเป็นถ่อมตัว แต่ทันทีที่หันหลังไป รอยยิ้มมีความนัยก็ได้ปรากฏบนใบหน้าของเขา

“ฉันจะจัดการคนกลุ่มนี้เอง”

“ผมเชื่อในความสามารถของคุณครับ”

หลงเจี่ยตัดสินใจจัดการคนกลุ่มนี้ด้วยตัวเองเพราะเธอยังมีข้อกังขาอยู่ อีกทั้งการจับตาดูคนหลายคนก็ค่อนข้างยากกว่า

ดังนั้นเมื่อเธอเซ็นสัญญากับพวกเขาเธอก็เริ่มการฝึกในทันที

อย่างไรก็ตามเธอนึกไม่ถึงว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นของโชคชะตาอันโหดร้ายของเธอ

ถังหนิงเรียนรู้หลายสิ่งจากกองถ่ายสัตว์ทดลองคืนชีพ และโจนส์ก็ใจเย็นกับเธอมาก เขาบอกได้เลยว่าเธอมีความสามารถอย่างแท้จริงจนอดใจรอให้ทุกอย่างที่เขาถ่ายทอดให้เธอผ่านพ้นไป เพื่อที่เธอจะได้สร้างผลงานในโลกไซไฟขึ้นมา

ด้วยเหตุนี้คนในกองถ่ายจึงค่อยๆ รับรู้ว่าถังหนิงไม่ได้เป็นเพียงคนช่วยงานธรรมดา เธอคือลูกศิษย์ของโจนส์!

ทีมงานส่วนใหญ่เริ่มรู้สึกอยู่ไม่สุขที่เคยตราหน้าเธอไว้ก่อนหน้านี้

เป็นช่วงเวลาที่การเห็นความเป็นมืออาชีพของนักแสดงตะวันตกได้กลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ถังหนิงได้เรียนรู้ เพื่อให้เหมาะสมกับบทบาท พวกเขายอมลดน้ำหนักได้เสมอ ทนสกปรกเลอะเทอะได้ทุกเวลา ทั้งคลาน กลิ้ง และยังต่อสู้ได้ทุกเมื่อ ความทุ่มเทนี้เป็นสิ่งที่ฟากตะวันออกยังคงขาดไป

“ถังหนิง เมื่อก่อนฉันเองก็เคยรู้จักกับคนจีนหลายคนนะ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนในวงการหรือเปล่า ก็ไม่ค่อยเจอคนที่ขยันขันแข็ง ทุ่มเท และยอมทิ้งสถานะของตัวเองไว้ ยิ่งคนจีนขึ้นชื่อเรื่องหยิ่งในศักดิ์ศรีด้วยแล้ว”

นี่เป็นสิ่งที่ผู้สร้างสัตว์ทดลองคืนชีพเอ่ยกับถังหนิงระหว่างที่เขากำลังมาเยี่ยมที่กองถ่าย “หลังจากได้เห็นว่าคุณตั้งใจที่จะเรียนรู้ในการสร้างหนังดีๆ และเป็นที่สังเกตของคนอื่นไปทั่ว ผมเลยอยากจะถามว่าคุณสนใจจะเข้ามาทำงานในวงการฮอลลีวูดไหมครับ

“ผมรู้เรื่องของคุณที่จีนแล้วและก็ไม่คิดว่าคุณควรได้รับการปฏิบัติอย่างนั้นเลย ผมเองดูหนังของคุณแล้วเหมือนกัน พูดตามตรงเลยนะครับ ผมว่ามันน่าเสียดายที่คุณจะมาสร้างหนังมากกว่าที่จะเป็นนักแสดง

“แม้ว่าผมจะรู้ว่าคุณอาจจะปฏิเสธผม แต่ผมก็ยังอยากจะถามว่าคุณอยากเข้าวงการฮอลลีวูดและรับบทกับผมไหมอยู่ดีครับ

“ตอนแรกผมว่าจะไปคัดตัวนักแสดงที่จีนในช่วงวันหยุดนี้ ถ้าคุณตกลงทำงานร่วมกัน ผมคงไม่ต้องไปแล้วล่ะ”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้จัดพูด ถังหนิงก็ระบายยิ้มก่อนกล่าวขอโทษ “ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ ฉันตั้งปณิธานไว้แล้วว่าจะไม่กลับไปแสดงอีกและจะยืนหยัดในความตั้งใจนั้นค่ะ

“อีกอย่างฉันเองก็ทุ่มเทกับการเรียนรู้การสร้างหนังไซไฟที่ดีเพราะอยากจะสานฝันให้เพื่อนของฉันด้วยค่ะ

“ดังนั้นฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ…แต่ฉันคงต้องปฏิเสธข้อเสนอของคุณ”

ชายคนนั้นพยักหน้าอย่างยอมแพ้ “ก็ได้ครับ ผมว่าผมคงไม่มีทางเลือกนอกจากไปจีนแล้วล่ะครับ”

“ขอให้คุณโชคดีนะคะ”

เขาไม่ได้กดดันถังหนิง ด้วยรู้สึกว่าเธอเป็นคนไม่เหมือนใครและมุ่งมั่น เขาจึงเชื่อว่าเธอสมควรได้รับการให้เกียรติ และไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่มีความสามารถอย่างถังหนิงถึงได้ถูกทำร้ายในจีนนัก

ไม่นานผู้สร้างก็เดินทางมาถึงจีน ทันทีที่เขาก้าวออกมาจากสนามบินและเห็นโฆษณาของหม่าเวยเวย เขาถึงกับอึ้งที่เธอหน้าคล้ายกับถังหนิงเป็นอย่างมาก

ด้วยเขาชื่นชมในตัวถังหนิงไม่น้อยจึงสั่งให้ผู้ช่วยหาข้อมูลของหม่าเวยเวยให้

ทว่าหลังจากที่เขารู้จักเธอมากขึ้น เขานึกผิดหวังอย่างถึงที่สุด “ผู้หญิงคนนี้ หม่าเวยเวย จงใจทำศัลยกรรมให้ดูคล้ายถังหนิงเพื่อให้ตัวเองดังครับ”

“อย่างนั้นก็เธอก็เป็นแค่หัวขโมยที่พยายามแย่งความน่าเชื่อถือจากความตั้งใจของคนอื่นน่ะสิ…”

“งั้นเราประกาศคัดตัวนักแสดงอย่างเปิดเผยกันไหมครับ คุณคิดว่ายังไง”

“โอเค” ผู้จัดพยักหน้ารับ

“แล้วถ้าหม่าเวยเวยมาล่ะครับ”

“อย่างนั้นก็มาดูการแสดงของเธอกัน คอยดูว่าเธอจะห่างชั้นกับถังหนิงแค่ไหน” ผู้จัดตอบ “แล้วก็อย่าให้ใครรู้ว่าตอนนี้ถังหนิงกำลังเรียนกับผู้กำกับโจนส์อยู่ล่ะ ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีใครที่ปักกิ่งรู้ ห้ามหลุดปากเป็นอันขาด เราต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้

“เดิมทีฉันเองก็อยากทำงานร่วมกับถังหนิง ฉะนั้นอย่าทำอะไรที่จะทำให้เธอไม่พอใจเราล่ะ”

“รับทราบครับ”

ถังหนิงไม่ได้ร้องขอการปฏิบัติเช่นนี้หากแต่เธอคู่ควรกับการให้เกียรติ ไม่สิ ว่ากันตามจริง เธอได้รับการปฏิบัติเช่นนี้เพราะเธอเป็นลูกศิษย์ของโจนส์ต่างหาก

อย่างที่คาดการณ์ไว้ว่าการเปิดคัดตัวนักแสดงเข้าสู่วงการฮอลลีวูดของผู้สร้างแถวหน้าได้เป็นโอกาสที่ดึงดูดความสนใจอย่างมาก…

ในฐานะศิลปินหน้าใหม่ในวงการนี้ แน่นอนว่าหม่าเวยเวยฝันว่าจะคว้าโอกาสนี้มาให้ได้

เธอจึงบอกให้ต้นสังกัดของตัวเองจัดการให้ทันที ทว่าหากเธอรู้ว่าผู้สร้างชื่นชมในตัวถังหนิงมากแค่ไหน เธอจะไม่หน้าชาเพราะถูกตอกกลับมาหรือ

จนกระทั่งป่านนี้เธอยังคงไม่ได้รับบทบาทที่โดดเด่นแต่อย่างใดเพราะเธอไม่สามารถแสดงได้!

มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจเลียนแบบได้ต่อให้เธอจะยกเครื่องตัวเองมาใหม่ทั้งหมดก็ตาม!