“ศิลปินแบบไหนกันล่ะ” หลงเจี่ยเอ่ยถาม “คุณน่าจะรู้ว่าฉันคาดหวังไว้สูงนะคะ”
“เดี๋ยวพอเจอพวกเขาแล้วคุณก็จะรู้เองครับ” หันซิวเช่อจงใจทำให้หลงเจี่ยคาดเดาและให้ความหวังกับเธอ
หลงเจี่ยจำคำเตือนของหลินเฉี่ยนได้แต่เธอไม่มีทางเลือก ตราบใดที่ยังมีโอกาสเพียงน้อยนิดที่จะทำให้จู้ซิงมีเดียก้าวหน้าไปได้ เธอยินดีที่จะลอง
“ถ้าอย่างนั้นก็นัดให้มาเจอเราเลย”
“โอเคครับ”
ท่าทียินดีเกินเหตุของหันซิวเช่อทำให้หลงเจี่ยหวาดระแวง แต่เธอยังคงไม่อาจฝืนสิ่งที่ล่อตาล่อใจไปได้
ท้ายที่สุดหลงเจี่ยจึงไม่ได้ปรึกษาเรื่องนี้กับหลินเฉี่ยน เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องอุ้มท้องอีกนานและจะเครียดมากไม่ได้
…
ไม่กี่วันหลังจากนั้น หันซิวเช่อพาศิลปินคนใหม่มาที่จู้ซิงมีเดีย เมื่อหลงเจี่ยมองพิจารณาพวกเขาและรู้ว่าพวกเขามาเป็นกลุ่ม เธอตาลุกวาวและถูกล่อลวงในทันที
ทั้งรูปร่างหน้าตา กิริยาท่าทาง ประวัติ และจุดอื่นๆ ไม่ได้แย่นัก หลงเจี่ยจึงคาดการณ์ไว้ว่าพวกเขาคงจะได้รับความนิยมหากปรับปรุงภาพลักษณ์สักหน่อย
“คุณคิดว่ายังไงครับ ชอบหรือเปล่า” หันซิวเช่อระบายยิ้ม “รุ่นน้องจากโรงเรียนศิลปะของผมดูไม่เลวเลยนะครับ ผมถึงได้แนะนำพวกเขาให้คุณไง”
“จริงๆ ก็ไม่แย่หรอก…” หลงเจี่ยพยักหน้า “ฉันจะต้องพึ่งพาพวกเขาในการช่วยให้จู้ซิงมีเดียกลับมามั่นคง”
“ไม่ต้องห่วงครับ พวกเขาเป็นคนดีจริงๆ ครับ”
อย่างไรก็ตามมันไม่ใช่สิ่งที่หันซิวเช่อจะสามารถมาตัดสินใจด้วยตัวเอง
หลงเจี่ยมีวิธีการและเส้นสายของเธอเองจึงไม่ยากที่จะตามสืบเรื่องบางอย่าง โชคดีที่กลุ่มคนที่หัน ซิ่วเช่อแนะนำให้เธอไม่ได้มีประวัติด่างพร้อย
“ฉันต้องขอบคุณคุณสำหรับทุกอย่างนี้ด้วยนะ” หลงเจี่ยกล่าวขอบคุณหันซิวเช่อ
“พวกเราทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งของจู้ซิงมีเดีย ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ” เขาทำทีเป็นถ่อมตัว แต่ทันทีที่หันหลังไป รอยยิ้มมีความนัยก็ได้ปรากฏบนใบหน้าของเขา
“ฉันจะจัดการคนกลุ่มนี้เอง”
“ผมเชื่อในความสามารถของคุณครับ”
หลงเจี่ยตัดสินใจจัดการคนกลุ่มนี้ด้วยตัวเองเพราะเธอยังมีข้อกังขาอยู่ อีกทั้งการจับตาดูคนหลายคนก็ค่อนข้างยากกว่า
ดังนั้นเมื่อเธอเซ็นสัญญากับพวกเขาเธอก็เริ่มการฝึกในทันที
อย่างไรก็ตามเธอนึกไม่ถึงว่ามันจะเป็นจุดเริ่มต้นของโชคชะตาอันโหดร้ายของเธอ
…
ถังหนิงเรียนรู้หลายสิ่งจากกองถ่ายสัตว์ทดลองคืนชีพ และโจนส์ก็ใจเย็นกับเธอมาก เขาบอกได้เลยว่าเธอมีความสามารถอย่างแท้จริงจนอดใจรอให้ทุกอย่างที่เขาถ่ายทอดให้เธอผ่านพ้นไป เพื่อที่เธอจะได้สร้างผลงานในโลกไซไฟขึ้นมา
ด้วยเหตุนี้คนในกองถ่ายจึงค่อยๆ รับรู้ว่าถังหนิงไม่ได้เป็นเพียงคนช่วยงานธรรมดา เธอคือลูกศิษย์ของโจนส์!
ทีมงานส่วนใหญ่เริ่มรู้สึกอยู่ไม่สุขที่เคยตราหน้าเธอไว้ก่อนหน้านี้
เป็นช่วงเวลาที่การเห็นความเป็นมืออาชีพของนักแสดงตะวันตกได้กลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ถังหนิงได้เรียนรู้ เพื่อให้เหมาะสมกับบทบาท พวกเขายอมลดน้ำหนักได้เสมอ ทนสกปรกเลอะเทอะได้ทุกเวลา ทั้งคลาน กลิ้ง และยังต่อสู้ได้ทุกเมื่อ ความทุ่มเทนี้เป็นสิ่งที่ฟากตะวันออกยังคงขาดไป
“ถังหนิง เมื่อก่อนฉันเองก็เคยรู้จักกับคนจีนหลายคนนะ แต่ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นคนในวงการหรือเปล่า ก็ไม่ค่อยเจอคนที่ขยันขันแข็ง ทุ่มเท และยอมทิ้งสถานะของตัวเองไว้ ยิ่งคนจีนขึ้นชื่อเรื่องหยิ่งในศักดิ์ศรีด้วยแล้ว”
นี่เป็นสิ่งที่ผู้สร้างสัตว์ทดลองคืนชีพเอ่ยกับถังหนิงระหว่างที่เขากำลังมาเยี่ยมที่กองถ่าย “หลังจากได้เห็นว่าคุณตั้งใจที่จะเรียนรู้ในการสร้างหนังดีๆ และเป็นที่สังเกตของคนอื่นไปทั่ว ผมเลยอยากจะถามว่าคุณสนใจจะเข้ามาทำงานในวงการฮอลลีวูดไหมครับ
“ผมรู้เรื่องของคุณที่จีนแล้วและก็ไม่คิดว่าคุณควรได้รับการปฏิบัติอย่างนั้นเลย ผมเองดูหนังของคุณแล้วเหมือนกัน พูดตามตรงเลยนะครับ ผมว่ามันน่าเสียดายที่คุณจะมาสร้างหนังมากกว่าที่จะเป็นนักแสดง
“แม้ว่าผมจะรู้ว่าคุณอาจจะปฏิเสธผม แต่ผมก็ยังอยากจะถามว่าคุณอยากเข้าวงการฮอลลีวูดและรับบทกับผมไหมอยู่ดีครับ
“ตอนแรกผมว่าจะไปคัดตัวนักแสดงที่จีนในช่วงวันหยุดนี้ ถ้าคุณตกลงทำงานร่วมกัน ผมคงไม่ต้องไปแล้วล่ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ผู้จัดพูด ถังหนิงก็ระบายยิ้มก่อนกล่าวขอโทษ “ฉันต้องขอโทษด้วยจริงๆ ค่ะ ฉันตั้งปณิธานไว้แล้วว่าจะไม่กลับไปแสดงอีกและจะยืนหยัดในความตั้งใจนั้นค่ะ
“อีกอย่างฉันเองก็ทุ่มเทกับการเรียนรู้การสร้างหนังไซไฟที่ดีเพราะอยากจะสานฝันให้เพื่อนของฉันด้วยค่ะ
“ดังนั้นฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ…แต่ฉันคงต้องปฏิเสธข้อเสนอของคุณ”
ชายคนนั้นพยักหน้าอย่างยอมแพ้ “ก็ได้ครับ ผมว่าผมคงไม่มีทางเลือกนอกจากไปจีนแล้วล่ะครับ”
“ขอให้คุณโชคดีนะคะ”
เขาไม่ได้กดดันถังหนิง ด้วยรู้สึกว่าเธอเป็นคนไม่เหมือนใครและมุ่งมั่น เขาจึงเชื่อว่าเธอสมควรได้รับการให้เกียรติ และไม่เข้าใจว่าทำไมคนที่มีความสามารถอย่างถังหนิงถึงได้ถูกทำร้ายในจีนนัก
ไม่นานผู้สร้างก็เดินทางมาถึงจีน ทันทีที่เขาก้าวออกมาจากสนามบินและเห็นโฆษณาของหม่าเวยเวย เขาถึงกับอึ้งที่เธอหน้าคล้ายกับถังหนิงเป็นอย่างมาก
ด้วยเขาชื่นชมในตัวถังหนิงไม่น้อยจึงสั่งให้ผู้ช่วยหาข้อมูลของหม่าเวยเวยให้
ทว่าหลังจากที่เขารู้จักเธอมากขึ้น เขานึกผิดหวังอย่างถึงที่สุด “ผู้หญิงคนนี้ หม่าเวยเวย จงใจทำศัลยกรรมให้ดูคล้ายถังหนิงเพื่อให้ตัวเองดังครับ”
“อย่างนั้นก็เธอก็เป็นแค่หัวขโมยที่พยายามแย่งความน่าเชื่อถือจากความตั้งใจของคนอื่นน่ะสิ…”
“งั้นเราประกาศคัดตัวนักแสดงอย่างเปิดเผยกันไหมครับ คุณคิดว่ายังไง”
“โอเค” ผู้จัดพยักหน้ารับ
“แล้วถ้าหม่าเวยเวยมาล่ะครับ”
“อย่างนั้นก็มาดูการแสดงของเธอกัน คอยดูว่าเธอจะห่างชั้นกับถังหนิงแค่ไหน” ผู้จัดตอบ “แล้วก็อย่าให้ใครรู้ว่าตอนนี้ถังหนิงกำลังเรียนกับผู้กำกับโจนส์อยู่ล่ะ ดูเหมือนว่าจะยังไม่มีใครที่ปักกิ่งรู้ ห้ามหลุดปากเป็นอันขาด เราต้องเก็บเรื่องนี้เอาไว้
“เดิมทีฉันเองก็อยากทำงานร่วมกับถังหนิง ฉะนั้นอย่าทำอะไรที่จะทำให้เธอไม่พอใจเราล่ะ”
“รับทราบครับ”
ถังหนิงไม่ได้ร้องขอการปฏิบัติเช่นนี้หากแต่เธอคู่ควรกับการให้เกียรติ ไม่สิ ว่ากันตามจริง เธอได้รับการปฏิบัติเช่นนี้เพราะเธอเป็นลูกศิษย์ของโจนส์ต่างหาก
อย่างที่คาดการณ์ไว้ว่าการเปิดคัดตัวนักแสดงเข้าสู่วงการฮอลลีวูดของผู้สร้างแถวหน้าได้เป็นโอกาสที่ดึงดูดความสนใจอย่างมาก…
ในฐานะศิลปินหน้าใหม่ในวงการนี้ แน่นอนว่าหม่าเวยเวยฝันว่าจะคว้าโอกาสนี้มาให้ได้
เธอจึงบอกให้ต้นสังกัดของตัวเองจัดการให้ทันที ทว่าหากเธอรู้ว่าผู้สร้างชื่นชมในตัวถังหนิงมากแค่ไหน เธอจะไม่หน้าชาเพราะถูกตอกกลับมาหรือ
จนกระทั่งป่านนี้เธอยังคงไม่ได้รับบทบาทที่โดดเด่นแต่อย่างใดเพราะเธอไม่สามารถแสดงได้!
มันเป็นสิ่งที่ไม่อาจเลียนแบบได้ต่อให้เธอจะยกเครื่องตัวเองมาใหม่ทั้งหมดก็ตาม!