ภาคที่ 2 บทที่ 98 ชัยชนะที่ได้มาอย่างยากลำบาก

ราชันบัลลังก์เลือด(原血神座)

บทที่ 98 ชัยชนะที่ได้มาอย่างยากลำบาก

อาสิบเอ็ดพุ่งเข้าใส่จางเทียนเยว่เร็วราวสายฟ้า

ตอนนี้จางเทียนเยว่นับว่าแข็งแกร่งที่สุด อีกทั้งยังเป็นภัยคุกคามใหญ่ที่สุด สังหารเขาจึงจะปล่อยจูเซียนเหยาออกจากกรงขังไม้เขียวได้ อาสิบเอ็ดจึงเลือกโจมตีเขาก่อน

จางเทียนเยว่รู้ว่าสถานการณ์ฝั่งตนไม่ดีนัก รู้ว่าตนไม่อาจหลบได้ แต่เขามั่นใจว่าตนต้องทนรับการโจมตีชั่วครู่ได้ จนกว่าคนของเขาจะจัดการคนชุดดำตระกูลจูได้

พริบตาเดียวอาสิบเอ็ดก็พุ่งเข้ามา เขาสูดลมหายใจเข้าแล้วซัดพลังออกมาด้วยแรงทั้งหมดที่มี ฝ่ามือเขียวขจีทะยานพุ่งขึ้นทั่วฟ้า

อาสิบเอ็ดใกล้เข้ามาแล้ว

เมฆแดงลอยเคียงอยู่ที่นิ้ว ก่อนที่เขาจะซัดท่าดัชนีออกมา

ดัชนีจิ้งจอกสวรรค์สวรรค์ !

ท่านิ้วนี้ทรงพลังสะท้านปฐพี นับเป็นกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดของเขา ตอนนี้มันปรากฏขึ้นอีกครั้งแล้ว

จางเทียนเยว่กู่ร้องแล้วส่งฝ่ามือเข้าปะทะ ส่งแสงเขียวสว่างจ้าออกมา

แสงสีเขียวและแดงเข้าปะทะ ระเบิดออกมาเป็นแสงสว่างกระจ่างฟ้า

ฉับพลันแสงสีเขียวก็แตกกระจายออก นิ้วของอาสิบเอ็ดทะลวงผ่านฝ่ามือเขียวขจีโดยง่าย มุ่งทะลุเข้าไปกลางอกจางเทียนเยว่

เมื่อนิ้วนั้นเข้าใกล้ร่างจางเทียนเยว่ เขาก็ตะโกนเสียงดัง เถาวัลย์หนามและพืชพันธุ์พลันพุ่งขึ้นขวางหน้า

หากแต่ท่าดัชนียังรุกเข้ามา ฝ่าผ่านเถาวัลย์หนามพันเกี่ยวอย่างง่ายดาย ไม่อาจมีสิ่งใดหยุดยั้งได้

ฉัวะ !

ดัชนีจิ้งจอกสวรรค์สวรรค์สุดท้ายก็ทะลวงถึงอกจางเทียนเยว่

เนื้อผ้าใกล้อกถูกพลังทะลวงผ่านจนฉีกขาดเป็นชิ้น ๆ เกราะกมลที่สวมอยู่พลันเปล่งแสงขึ้นล้อมกาย

ท่าดัชนีสีแดงก่ำปะทะเข้ากับเกราะกมล ส่งผลให้เกราะแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ

เมื่อเกราะกมลแตกแล้ว จางเทียนเยว่ก็เปล่งเสียงกู่ร้องขึ้นอีก ปราณสีน้ำเงินเข้มเริ่มหลั่งไหลปกคลุมร่างราง แวววาวราวกับหยก

กายาหยกเงา !

สายเลือดมารพฤกษานั้นไม่เพียงเด่นเรื่องการกักขังและควบคุมหมู่มาก แต่ยังแกร่งด้านพลังป้องกัน หากฝึกวิชากายาหยกเงาจนสำเร็จ แก่นพลังชีวิตจะเพิ่มสูง ทำให้สามารถต่อสู้ติดพันยาวนานไม่เหน็ดเหนื่อย

ความถึกทนของมารพฤกษานั้นเห็นได้ชัดจากการที่จางเฉินฮั่นต้อใช้เวลาถึง 3 วันในการโค่นมัน อีกทั้งยังใช้กำลังคนกว่า 3 พันเข้าโจมตี

ดังนั้นเขาจึงเชื่อว่าเขาต้องทนได้

ดัชนีจิ้งจอกสวรรค์สวรรค์รุดหน้าเข้ามา ปะทะกับอกจางเทียนเยว่ในที่สุด

จางเทียนเยว่หงายหน้าพ่นเลือดออกมา

ร่างทั้งร่างหมุนตลบไปกลางอากาศ ส่งเลือดกระเซ็นทั่วทิศ

นัยน์ตาเขาเริ่มมีความมืดคืบคลานเข้ามา

สุดท้ายแล้วก็ทนไม่ไหวหรือนี่ ?

กายาหยกเงามีความสามารถในการฟื้นฟูสูงมาก แต่เมื่อถูกท่าดัชนีพลังรุนแรงเข้าไป เขากลับไร้โอกาสฟื้นฟูตน !

ความคิดหนึ่งพันแล่นผ่านสมองจางเทียนเยว่

สายตาพร่ามัวหากแต่ยังพอมองเห็นได้บ้าง เขาเห็นอาสิบเอ็ดเซไปด้านหน้า ไม่คิดโจมตีปลิดชีพเขา อีกทั้งยังหน้าซีดขาว

จางเทียนเยว่เข้าใจในพลัน

“ข้าขอรับไว้ก็แล้วกัน……”

บนใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้มยินดี

จากนั้นก็ยกมือขึ้น ชี้นิ้วไปทางจูเซียนเหยา

สีหน้าอาสิบเอ็ดเปลี่ยนไปทันที “แย่แล้ว !”

เขารีบพุ่งเข้ามา หมายสังหารจางเทียนเยว่ก่อนจะปล่อยท่าดัชนี โจมตีครั้งก่อนเขาใช้พลังมากเกินไป ร่างกายอ่อนล้าซ้ำ ๆ กัน ดังนั้นจึงทำให้คิดอ่านเคลื่อนไหวได้ช้าลงนัก

ผัวะ !

กรงเล็บจิ้งจอกแดงปะทะเข้าที่หัวจางเทียนเยว่ แยกออกเป็นสองส่วน หากแต่ท่าดัชนีของจางเทียนเยว่ยังคงพุ่งไปยังจูเซียนเหยา

เถาวัลย์หนามผุดขึ้นพันจูเซียนเหยาเพิ่มขึ้นอีก กักขังนางไว้ด้านใน

ใช่แล้ว ข้าตายได้ แต่อย่าคิดจะให้ข้าปล่อยจูเซียนเหยา !

หากนางหลุดออกไปไม่ได้ก็จะยังเป็นจุดอ่อนให้ตระกูลจูต่อไป การต่อสู้ครั้งนี้ยังพอมีหวังเอาชนะได้

หลังจากส่งท่าดัชนีออกไป จางเทียนเยว่ก็หงายหน้าสิ้นใจ บนริมฝีปากยังมีรอยยิ้มประดับ

ยามจางเทียนเยว่สิ้นใจ จูเฉินก็ร้องเสียงดังขึ้น

ดาบ 7 เล่มเสียบทะลุร่าง แววตาจงฉือซื่อทั้งเย็นชาไร้ปรานี ร่างแยกโลหิตดึงดาบออกพร้อม ๆ กัน ก่อนโฉบฟันร่างจูเฉินเป็นชิ้น ๆ

ดาบของหงหมิงฟาดฟันเข้าที่หัวจอมยุทธ์ชุดดำคนสุดท้าย ตอนนี้มีเพียงจูเยี่ยนเหนียงที่ยังเหลืออยู่ คอยปกป้องจูเซียนเหยา

นางอยู่ด่านทะลวงลมปราณ มีสายเลือดจักรพรรดิอสูรเช่นกัน จึงอาจเทียบกับคนด่านสู่พิสดาร แต่สุดท้ายก็ไม่ได้ต่อสู้มีชั้นเชิงเช่นอาสิบเอ็ด นางไม่ได้แกร่งกว่าคนอื่นมากมายนัก อีกทั้งยังต้องตั้งสติปกป้องจูเซียนเหยา ดังนั้นจึงไร้โอกาสปลดปล่อยพลังที่แท้จริง และอีกอย่าง คู่ต่อสู้คือจงฉือซื่อและเจิ้งปาซานที่ไม่ด้อยไปกว่าผู้เชี่ยวชาญด่านสู่พิสดารคนใด ดังนั้นสถานการณ์ของนางจึงหมิ่นเหม่นัก

ความตายของจูเฉินหมายความว่าเหลือนางต้องรับมือพวกมันตัวคนเดียว นัยน์ตานางพลันฉายความสิ้นหวัง

เมื่อเห็นว่าอาสิบเอ็ดสังหารจางเทียนเยว่ไปแล้ว นางจึงร้องตะโกนขึ้น “ช่วยข้าด้วย !”

อาสิบเอ็ดกระโดดมาในพริบตา

จังหวะนั้นเอง หงหมิงก็เสือกดาบเข้ามา จูเยี่ยนเหนียงคิดว่าอาสิบเอ็ดกำลังกระโดดเข้ามาช่วยปัดการโจมตีให้นาง หากแต่นางเห็นเขาเมินนาง กระโจนไปปรากฏตัวที่ด้านหลังของจงฉือซื่อแทน

เขาส่งท่าฝ่ามือออกไป

ฝ่ามือนี้เกินการคาดคิดของทุกคนนัก

จูเยี่ยนเหนียงถูกดาบแทงทะลุร่าง ส่วนจงฉือซื่อถูกหนึ่งฝ่ามือที่หลัง

จงฉือซื่อหันกลับมามองอาสิบเอ็ด พึมพำเสียงสั่น “เจ้า……!”

อาสิบเอ็ดเอ่ยเสียงเย็น “แลกชีวิตนางกับเจ้านับว่าคุ้มแล้ว !”

ไม่มีอะไรที่อาสิบเอ็ดผู้นี้ทำไม่ได้

จงฉือซื่อคือคนที่มีความสามารถในการโจมตีรุนแรงที่สุด บาดแผล 24 จุดบนร่างของเขา อย่างน้อย 11 แห่งเป็นฝีมือจงฉือซื่อ อาจดูบาดเจ็บผิวเผิน แต่ปราณดาบของจงฉือซื่อนั้นทะลวงผ่านร่างเขาได้ ด้วยไร้โอกาสขับปราณดาบนี้ออกจากร่าง อาสิบเอ็ดจึงถูกปราณดาบรุกล้ำ เกิดบาดแผลภายในนับไม่ถ้วน หากเป็นเช่นนี้ต่อไปคงเกิดปัญหาใหญ่

ดังนั้นเขาต้องรับมือจงฉือซื่อก่อน !

แม้จะต้องสละจูเยี่ยนเหนียงก็ตามที

ตูม !

เมื่อฝ่ามือปะทะหลังเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ร่างจงฉือซื่อก็ค่อย ๆ สลายหายไป

อาสิบเอ็ดพลันปรากฏหลังหงหมิง ส่งฝ่ามือปะทะร่างอีกฝ่ายเช่นกัน หงหมิงร้องเสียงดัง ร่างพลันดีดขึ้นฟ้า พริบตาที่แรงลมจากท่าฝ่ามือของอาสิบเอ็ดถูกส่งออกมา หงหมิงก็รีบกระโดดหนีในพลัน นี่คือวิชาเลื่องชื่อตระกูลหง จักจั่กทองลอกคราบ

หากแต่พริบตาที่เขาดีดตัวหนี อาสิบเอ็ดก็ซัดพลังออกมาอีก คาดการณ์การเคลื่อนไหวของหงหมิงไว้ ดังนั้นจึงปะทะฝ่ามือเข้าร่างหงหมิงอย่างจัง อีกฝ่ายกระอักเลือดคำใหญ่แล้วร่างกระเด็นไปไกล

หากแต่ตอนอาสิบเอ็ดกำลังทำการโจมตี ฝ่ามือมือหนึ่งก็ลอบโจมตีเขาจากด้านหลัง

ฝ่ามือนี้ทั้งดุดันไร้เมตตา ปะทะเข้ากับแผลเปิดที่หงหมิงทิ้งไว้บนร่าง ส่งผลให้อาสิบเอ็ดร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด

เขาหันมา พบว่าเป็นเจียงเทาที่ควรจะตายไปแล้ว

เจียงเทาลุกขึ้นมายืนได้อีกครั้งแม้บนอกจะมีรูกว้าง ในนั้นไร้หัวใจ

แต่กลับยังมีชีวิตอยู่ต่อได้ !

และในจังหวะสำคัญเมื่อครู่ยังสามารถส่งการโจมตีใส่อาสิบเอ็ดได้อีก

นับว่าดูถูกมองเมินฝีมือศัตรูอีกครั้งโดยแท้จริง

ไม่ว่าจะหงหมิงหรือเจียงเทา แต่ละคนต่างมีไพ่ตายซ่อนไว้ ทำให้เป็นผู้เชี่ยวชาญมากฝีมือจากแต่ละตระกูล

“กันมันไว้ !” อาสิบเอ็ดตะโกนใส่จูเยี่ยนเหนียง

แม้จูเยี่ยนเหนียงจะถูกดาบหงหมิงจนได้แผลฉกรรจ์ แต่นางก็ยังไม่ตาย

หากนางได้รับการรักษาทันท่วงทีก็คงรอดชีวิต แต่อาสิบเอ็ดคงไม่คิดช่วยนางแล้ว นางทำได้เพียงปลดปล่อยพลังที่เหลืออยู่ออกมาเท่านั้น

จูเยี่ยนเหนียงใช้สายตาซับซ้อนมองอาสิบเอ็ด ก่อนจะหันไปทางเจียงเทาแล้วมองเมินแผลบนร่างตน

อาสิบเอ็ดพุ่งเข้าใส่เจิ้งปาซาน

ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญที่ยังต่อสู้ไหวคือเจิ้งปาซานเพียงคนเดียว และเหลือคนจากหกตระกูลใหญ่อีกเพียง 4 คนเท่านั้น มันก็เห็นได้ชัดว่าเป็นการต่อสู้ที่ดุเดือดถึงเพียงไหน

แต่กระนั้นเจิ้งปาซานก็ไม่ลนลาน แม้จะประมือกับผู้มากฝีมือ นางก็ยังส่งหมัดออกมาอย่างดุดันดังเดิม

ยังคงสู้สุดตัวต่อไป หมัดสะท้านขอบฟ้า !

ระหว่างทั้งสองแลกกระบวนท่ากัน แขนของเจิ้งปาซานก็ขาดกระเด็นไปอีก

นางไม่อาจนับจำนวนครั้งที่ถูกตัดอวัยวะบนร่างไปได้ แต่นางมีพลังฟื้นฟูรวดเร็วยิ่ง นางยังทำการต่อสู้ต่อไป แต่ยิ่งสู้ร่างนางยิ่งดูผอมลงเรื่อย ๆ

ตอนนี้นางเริ่มดูผอมลงบ้างแล้ว

อาสิบเอ็ดนัยน์ตาฉายประกายวาบ ทำลายกะโหลกคนจากหกตระกูลทิ้งแล้วจ้องเขม็งไปยังเจิ้งปาซาน “เจ้ากินเยอะเพื่อเสริมพลังฟื้นฟูร่างงั้นหรือ ? เป็นวิชาที่น่าสนใจนัก ไม่เพียงเท่านั้น แต่น้ำหนักยังส่งผลต่อพลังโจมตี เจ้าในตอนนี้โจมตีได้แรงไม่เท่าครึ่งหนึ่งของแต่ก่อนด้วยซ้ำ อีกทั้งยังฟื้นร่างได้อีกไม่กี่ครั้งแล้ว ใช่หรือไม่ ?”

“พูดมากนักนะตาแก่ !” เจิ้งปาซานร้องขึ้น

อาสิบเอ็ดพูดได้ถูกต้องทั้งสิ้น พลังของเจิ้งปาซานมาจากไขมันในร่าง เมื่อไขมันถูกลดหายไป กำลังและความสามารถในการฟื้นร่างก็ลดลงตามไปด้วย

แต่กระนั้น สตรีนางนี้ก็ยังกล้าหาญรัก ไม่เกรงกลัวความตาย แม้จะไร้ทางไปต่อแต่นางก็ไม่ยอมถอย

กระทั่งซูเฉินยังต้องชื่นชมความมุ่งมั่นของนาง

หากแต่มีความกล้าหาญและความมุ่งมั่นยังไม่พอ

พริบตาต่อมา ฝ่ามืออาสิบเอ็ดก็ปะทะลงบนหัวเจิ้งปาซาน

เจิ้งปาซานร่างชะงักไปในพลัน เลือดพลันหลั่งไหลออกมาจากรูบนร่าง จากนั้นนางก็ล้มลงกับพื้น

ในระหว่างนั้นเสียงร้องน่าอนาถก็ดังขึ้นหลายครา

คนจากตระกูลใหญ่ที่เหลืออยู่สามคนตายด้วยฝีมือจูเซียนเหยา

คุณหนูผู้นี้ไม่ได้เป็นเพียงตัวถ่วงเพียงอย่างเดียว อย่างน้อยในช่วงสุดท้ายนางก็ยังลงมือช่วยเหลือ

เสียงร้องเจ็บปวดสองเสียงสุดท้ายเป็นของจูเยี่ยนเหนียงและเจียงเทา

ฝ่ามือเจียงเทาทะลวงอกจูเยี่ยนเหนียง ฝ่ามือจูเยี่ยนเหนียงเองก็ทะลวงที่คอเจียงเทา

ทั้งสองคนราวกับเป็นคู่รักคู่แค้น ตายอยู่ในอ้อมกอดโชกเลือดของกันและกัน