ตอนที่ 230 มารต่างด้าวจอมปลอม

บนโต๊ะอาหารมีอาหารปรุงสุกหลากหลายจานบางส่วนเป็นเนื้อสัตว์ และอาหารมังสวิรัติซึ่งปรุงอย่างประณีตด้วยสีสันมีกลิ่นหอมและรสชาติที่ครบเครื่อง

หลินฟานกําลังนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหารแต่เขาไม่ได้ขยับตะเกียบเขากําลังรอเพิ่งรั่วหลานและกําลังคิดถึงฉากที่ยอดเยี่ยมในสระว่ายน้ำอยู่ในใจของเขาและมันก็ค้างอยู่ในสมองของเขาเล็กน้อย

อาหารที่สวยงามและดูน่าอร่อยที่เรียกว่ามีเสน่ห์ยิ่งกว่าอาหารอันโอชะใดๆที่เขาเคยเห็น“เสี่ยวฟานทําไมเธอไม่กินล่ะ”

เพิ่ง รั่วหลานเดินเข้ามาเธอได้เปลี่ยนเป็นชุดที่ดูอบอุ่นเต็มไปด้วยบุคลิกของผู้หญิงที่มีเสน่ห์ทําให้ยากที่จะละสายตาจากไป

ในฐานะนางมาร ในโลกทางการเงินเพิ่งรั่วหลานมักจะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คนทุกครั้งเธอจะสวมเสื้อผ้าดั่งมืออาชีพเป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งในมุมมองของทุกคน

แต่ในด้านของผู้หญิงตัวเล็กๆแบบนี้ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนมีโอกาสได้เห็นจริงๆแต่เธอไม่สนใจเลยด้านนี้มีให้สําหรับหลินฟานได้เห็นเพียงเท่านั้นหลินฟานยอมรับว่าเขารู้สึกทึ่งกับผู้หญิงที่มีเสน่ห์คนนี้ แต่น่าเสียดายที่ตัวตนของเธอคือพี่สาวของเขาดังนั้นเธอจึงควรปฏิบัติต่อเขาในฐานะน้องชายของเธอเท่านั้น

“ผมรอพี่สาวมากินข้าวด้วยกัน”หลินฟานยิ้มและลุกขึ้นเพื่อย้ายเก้าอี้ให้เพิ่งรั่วหลาน“ขอบคุณ”เพิ่งรั่วหลานนั่งลงและยิ้ม“เธอไม่ได้ชิมอาหารฝีมือป้าฉุยมานานลองกินไชโป๊วหวานใส่เต้าหู้ที่เธอชอบดูในตอนที่มันยังร้อนๆอยู่”

เฟิงรั่วหลานหยิบตะเกียบและกําลังจะคีบมันใส่ถ้วยอาหารให้หลินฟาน

ทันใดนั้น โทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นผู้ช่วยของบริษัทเธอเป็นคนโทรเข้ามา

“ขอโทษนะฉันจะขอรับสายก่อน”เพิ่งรั่วหลานวางตะเกียบลงแล้วรับโทรศัพท์

ผู้ช่วยที่นั่น รู้สึกประหม่าเล็กน้อย : “คุณเพิ่งเวลาบ่ายสามโมงคุณ และไซล์อินเตอร์เนชั่นแนล มีข้อตกลงความร่วมมือในเรื่องการหารือร่วมกันและแขกได้มาถึงแล้วคะคุณจะกลับ มาเมื่อไหร่ค่ะ”

เพิ่งรั่วหลานมองดูเวลาเป็นเวลา 02:30 น.ถ้าเธอรีบกลับไปตอนนี้เธอแทบจะไม่สามารถกลับไปบริษัทตามเวลาที่กําหนดได้แต่ถ้าเธอรอทานอาหารเย็นกับหลินฟานเธอก็คงจะสายไปเสียแล้ว

เฟิงรั่วหลานถอนหายใจในหัวใจของเธอเธอมีความสุขมากเวลาผ่านไปเร็วเกินไปเมื่อเธอได้อยู่กับเสี่ยวฟาน

อย่างไรก็ตาม ในที่สุดเธอก็ทานอาหารกับหลินฟานและเธอไม่อยากทิ้งหลินฟานเพื่อกลับไปที่บริษัท

“บอกแขกว่าฉันมีบางอย่างต้องทําหากฉันล่าช้าก็ปล่อยให้เขารอที่บริษัทไปก่อนและกล่าวคำขอโทษพวกเขาแทนฉันด้วย”เพิ่งรั่วหลานสั่งและสุดท้ายเธอก็เลือกที่จะอยู่ต่อและทานอาหารกับหลินฟาน

เมื่อเห็นเพิ่งรั่วหลานวางสายหลินฟานก็พูดว่า“พี่สาวถ้าคุณยุ่งอยู่ไปเถอะไม่ต้องห่วงผม”เพิ่งรั่วหลานพูดอย่างเฉยเมย:“ไม่เป็นไร ในที่สุดพี่สาวของเธอก็ได้มีเวลาทานอาหารกับเธอแล้วฉันไม่อยากให้ใครมารบกวนเวลาของเรามาลองชิมไชโป๊วหวานใส่เต้าหู้อันนี้ ดูสิ”เฟิงรั่วหลานน่าเต้าหู้ชิ้นหนึ่งมาให้หลินฟานผู้หญิงที่รวยที่สุดในหยุนเฉิงช่างเอาแต่ใจจริงๆ!

หลินฟานคลื่อนไหวเล็กน้อยพี่สาวของเขาตามใจเขามากเกินไป

หลินฟาน หยิบเต้าหู้ขึ้นมาและกินมันมันอร่อยมากที่พี่สาวของเขาให้มานั้นอร่อยมากเป็นพิเศษทั้งสองเริ่มกินพูดคุยและหัวเราะกัน และบรรยากาศก็เป็นกันเองมากแต่ขณะรับประทานอาหารผู้ช่วยของเพิ่งรั่วหลานก็โทรมาอีกครั้ง

เธอดูไม่สบายใจมากกว่าครั้งที่แล้ว:“คุณเฟิงฉันบอกแขกไปแล้ว แต่ว่าแขกโกรธมากและบอกว่าที่คุณมาสายนี่เป็นการแสดงความเคารพต่อเขาและเขาขอให้คุณเพิ่งกลับมาทันทีมิฉะนั้นเขาจะยกเลิกความร่วมมือกับเรา”

เพิ่งรั่วหลานขมวดคิ้ว:“บอกเขาว่าถ้าเขาไม่ต้องการรอเขาสามารถกลับไปก่อนได้เลยไม่ว่าเขาจะรอหรือไม่ก็บอกเขาไปให้ค่าพูดเดิมของฉันแก่เขาไป”

ในสายตาของเพิ่งรั่วหลานไม่มีอะไรสําคัญไปกว่าการได้ทานอาหารกับหลินฟานแม้ว่าท้องฟ้าจะแหลกสลายเธอจะต้องทานอาหารมื้อนี้กับ หลินฟานให้เสร็จไม่ต้องพูดถึงว่ามันเป็นความร่วมมือที่เธอสนใจหรือไม่ก็ตาม

แน่นอนว่าเธอเป็นนางมารแห่งโลกการเงินสองคำเด็จขาด!

แน่นอนเพิ่งรั่วหลานไม่ใช่คนไร้เหตุผลในตอนแรกเธอสุภาพมาก แต่น่าเสียดายที่อีกฝ่ายดุด่าเธอกลับมาดังนั้นเธอจึงไม่สุภาพด้วย

เพิ่งรั่วหลานยังคงกินข้าวกับหลินฟาน

ในที่สุดผู้ช่วยก็ส่งข้อความว่าตัวแทนของไซล์อินเตอร์เนชั่นแนล ตัดสินใจที่จะรอให้เพิ่งรั่วหลานกลับมาหลังจากชั่งน้ำหนักในเรื่องนี้ เห็นได้ชัดว่า ไซล์ อินเตอร์เนชั่นแนลต้องการส่งเสริมความร่วมมือกับหลงเหิงมากกว่าดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะประนีประนอมกับ เพิ่งรั่วหลาน
กว่าจะกินข้าวเสร็จก็บ่ายสามโมง

เฟิง รั่วหลาน กล่าวว่า :“เสี่ยวฟานเธอไปส่งฉันที่บริษัทได้ไหม”

วันนี้ หลินฟานไปที่บริษัทเพื่อรับเธอและรถของเธออยู่ที่บริษัท

หลินฟานเห็นด้วยทันที

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ หลินฟาน ก็ขับรถ Rolls-Royce ไปส่งเพิ่งรั่วหลานกลับไปที่อาคารหลงเหิง

ระหว่างทางเจิ่งรั่วหลานโทรหาผู้ช่วยของเธอและบอกว่าเธอกําลังจะรีบกลับไปก่อนที่พวกเขาจะมาถึงที่อาคารหลงเหิงพวกเขาเห็นผู้ช่วยสาวสวยในชุดทํางานและชายในชุดสูทกําลังรออยู่ผู้ชายคนนี้น่าจะอายุสามสิบแล้วสวมสูทแบรนด์เนมและดูค่อนข้างหยิ่ง

เมื่อเห็นเพิ่งรั่วหลานออกจากรถผู้ช่วยคนสวยก็รีบเข้ามาทักทายเธอ:“คุณเพิ่งคุณกลับมาแล้วและแขกต้องการลงมาทักทายคุณด้วยตัวเองฉันขอแนะนําว่านี่คือคุณเสวี่ยเฮนรี่ตัวแทนของไซล์ อินเตอร์เนชั่นแนลคุณเสวียนี่คือประธานของเราคุณเพิ่ง”

เฟิง รั่วหลาน เหลือบมองไปที่อีกฝ่ายและพยักหน้า

เสวี่ย เฮนรี่ กล่าวว่า:“คุณเฟิงด้วยความเคารพคุณมาสายครึ่งชั่วโมงแนวคิดเรื่องเวลานี้ช่างน่าเหลือเชื่อ!”

เฟิงรั่วหลานกล่าวว่า“ผู้ช่วยของฉันบอกคุณเสวียหรือไม่ว่าฉันต้องล่าช้าเพราะเรื่องบางอย่างถ้าฉันมาสายโดยไม่พูดอะไรมันก็เป็นปัญหาของฉันแต่ฉันมีเหตุผลมีปัญหาอะไรไหม?”เสวี่ยเฮนรี่กล่าวว่า“มีอะไรสําคัญกว่าการหารือเกี่ยวกับความร่วมมือหรือไม่”

เฟิง รั่วหลาน กล่าวว่า“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”

เสวี่ย เฮนรี่ พูดอย่างโกรธเคือง : “มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉันเลย?ฉันต้องเสียเวลารอคุณครึ่ง ชั่วโมง!”

เพิ่ง รั่วหลาน เหงื่อออก : “ฉันบอกไปแล้วว่าถ้าคุณไม่ต้องการที่จะรอคุณสามารถกลับไปก่อนได้แต่คุณเลือกเองที่จะอยู่?”

เพิ่ง รั่วหลาน ไม่มีปัญหาใด ๆ เลย เธอรู้สึกว่าการกินข้าวกับหลินฟานมีความสําคัญมากกว่าและเธอไม่อยากให้ความร่วมมือในครั้งนี้ดังนั้นเธอจึงให้ทางเลือกแก่เสวี่ยเฮนรี่

เสวี่ยเฮนรี่เลือกที่จะอยู่ต่อดังนั้นมันจึงเทียบเท่ากับการยอมรับเงื่อนไขของเจิ่งรั่วหลานและตอนนี้เธอการกล่าวหาว่านี่คือปัญหาของเสวี่ยเฮนรี่

เสวี่ย เฮนรี่ส่ายหัวและถอนหายใจ:“คนจีนไม่มีแนวคิดเรื่องเวลาจริงๆฉันเรียนและทํางานในสหรัฐอเมริกามาหลายปีแล้วและฉันไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนคนอเมริกันมีคุณภาพที่ดีกว่าจริงๆ !”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลินฟานก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า“เฮ้เพื่อนคุณมาจากจีนหรือเปล่า”

เสวี่ย เฮนรี่ เหลือบมอง หลินฟาน และเมื่อเขาเห็นว่า ทั้งตัวเขาสวมใส่สินค้าทั่วๆไปเขาก็มีแววตาดูถูกขึ้นมาเล็กน้อยในทันทีแต่เขาก็ยังแสร้งทําเป็นไม่สนใจและพูดว่า“ใช่”หลินฟานกล่าวว่า “คุณบอกว่าคนจีนไม่ตรงเวลาคุณมาจากประเทศจีนดังนั้นคุณจึงไม่มี ความรู้สึกเรื่องเวลาด้วยงั้นเหรอ?”

เฟิง รั่วหลาน ยิ้ม เสวี่ย เฮนรี่ ขุดหลุมแล้วกระโดดลงไปด้วยตัวเอง

เสวี่ย เฮนรี่ โต้กลับ:“ฉันเป็นข้อยกเว้นฉันได้รับการศึกษาระดับอุดมศึกษาจากตะวันตกดังนั้นฉันแตกต่างจากคุณโดยธรรมชาติ!”

หลินฟาน พยักหน้า : “ฉันก็คิดว่าคุณแตกต่างจากเรา เราต่างก็เป็นชาวจีนแท้ๆและคุณที่อ้างว่าได้รับการศึกษาจากตะวันตกเห็นได้ชัดว่าถูกล้างสมองมาและแม้กระทั่งเปลี่ยนชื่อของคุณนี่มันเรื่องไร้สาระอะไรทั้งชาวจีนและอเมริกันคนอย่างคุณที่จะถูกเรียกว่ามารต่างด้าวจอมปลอม ปัจจุบันถูกเรียกว่าคนกล้วยผิวขาวเหลือง?”

“คุณ!” เฮนรี่เสวี่ยโกรธจนหน้าแดงและชี้ไปที่หลินฟาน

เพิ่ง รั่วหลาน และผู้ช่วยคนสวย อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะและพวกเขาก็โล่งใจด้วยคําพูดของหลินฟาน

คนจีน ก็คนจีนทําไมต้องมีประพฤติตนตามมาตรฐานของชาวตะวันตก?เสวี่ยเฮนรี่เป็นชาวต่างชาติงั้นเหรอ?

เสวี่ยเฮนรี่โกรธและชี้ไปที่หลินฟาน:“คุณเฟิงคนขับรถของคุณนี่ช่างหยาบคายนัก?เราทุกคนต่างก็มีสถานะแต่คุณกลับให้คนอย่างเขาเข้ามาแทรกแซงเรื่องระหว่างเราได้งั้นเหรอ!”เดิมทีเพิ่งรั่วหลานรู้สึกขบขันโดยหลินฟานแต่เมื่อเธอได้ยินคําพูดนี้ใบหน้าของเธอก็เย็นชาขึ้น:“คุณพูดว่าอะไร?”

[มารต่างด้าวจอมปลอม] – คนจีนมักเรียกหาพวกคนจีนด้วยกันที่เอาแต่พูดถึงหรือเปรียบเทียบกับประเทศอื่นหรือพวกที่เปลี่ยนสัญชาติไปแล้ว

[คนกล้วยผิวขาวเหลือง] -คําพูดประโยคนี้เป็นคํารุนแรง กล่าวถึงพวกฝรั่งหัวเหลืองที่มักจะพูดจาใหญ่โตอวดอ้างว่าตนรวยมีทรัพย์สินมากและมักจะหลอกลูกหลานชาวจีนให้ไปทํางานที่ต่างประเทศคําว่าคนกล้วยจริงๆผมเป็นคนใส่มันไปเพราะค่าเดิมๆมันรุนแรงไปเอาง่ายๆบ้านเราเรียกว่าหัว..ค…ว นั้นละครับ