ตอนที่ 201 พอไฟฟ้าเข้าแล้วก็โรแมนติกขึ้นเยอะเลย~

เกิดใหม่เป็นสามีภรรยาชาวสวนผู้มั่งคั่งยุค 70 [宠婚蜜恋在八零]

การวิเคราะห์ของพี่สะใภ้รองจ้าวก็สมเหตุสมผลมากเช่นกัน หล่อนสนใจแผนชีวิตของพวกหล่อนมากกว่าจ้าวเหวินเทาและภรรยาของเขา เรื่องเหล่านี้หล่อนแอบนับอยู่เงียบ ๆ ไม่รู้ตั้งกี่รอบแล้ว

หลี่เฟินเองได้ฟังก็รู้สึกสนใจเป็นอย่างยิ่ง

ตอนที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง มันก็ไม่มีสื่อความบันเทิงใด ๆ การซุบซิบนินทาในเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวกับตัวเองจึงกลายเป็นความบันเทิงมากที่สุดของผู้คน

หลังตั้งตารอดูครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดไฟฟ้าที่จ้าวเหวินเทาต้องการก็เข้าถึงแล้ว!

หลังจากเก็บเกี่ยวข้าวโพดเสร็จและพืชผลแต่ละอย่างถูกขนกลับมาที่บ้านจนหมดก็เป็นช่วงหน้าหนาวแล้ว ทุกคนเริ่มสวมกางเกงบุนวมตัวบาง พร้อมกับเลขาประกาศผ่านลำโพง : คืนนี้ใช้ไฟฟ้าได้แล้ว!

เมื่อประกาศข่าวนี้ออกไป คนจากทั้งหมู่บ้านก็กลับมาที่บ้านตั้งแต่ยังไม่มืด ต่างก็นั่งอยู่ใต้สายไฟ มองดูหลอดไฟเพื่อรอให้ไฟฟ้าทำให้ไฟสว่างไสว

เด็ก ๆ เองก็นั่งกันอย่างเชื่อฟัง สายตามองไปยังหลอดไฟด้วยความปรารถนา

การรอคอยไม่กี่นาทีมันช่างยาวนานเหลือเกิน

จ้าวเหวินเทาอุ้มเสี่ยวไป๋หยาง เขาชี้ไปที่หลอดไฟให้ลูกชายดู “เจ้าลูกชาย ลูกดูสิ สิ่งนี้เรียกว่าหลอดไฟ อีกเดี๋ยวมันก็จะสว่างแล้วนะ”

เย่ฉูฉู่กำลังทำเสื้อบุฝ้ายให้เสี่ยวไป๋หยาง กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เขายังเด็กขนาดนั้น จะเข้าใจเหรอ?”

“ภรรยา คุณอย่าดูถูกลูกชายผมสิ ลูกชายผมฉลาดจะตาย ถึงจะตัวเล็ก แต่เขาก็เข้าใจทุกอย่างนั่นแหละ” จ้าวเหวินเทาใช้แก้มแนบแก้มลูกชาย ตอหนวดของเขาจึงทิ่มผิวนุ่ม ๆ ทำเอาเสี่ยวไป๋หยางอดไม่ได้ที่จะผลักเขาออกไป

จ้าวเหวินเทายิ้ม เขากล่าวกับภรรยาว่า “ภรรยา คุณอย่าเพิ่งทำเลย รอให้ไฟฟ้ามาค่อยทำเถอะ เดี๋ยวก็ปวดตาหรอก”

“ฉันไม่ได้เย็บผ้าสักหน่อย นี่กำลังยัดฝ้ายอยู่ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” เย่ฉูฉู่ยัดฝ้ายเข้าไปเล็กน้อยแล้วใช้มือกด เพราะความหนายังไม่สม่ำเสมอกัน

ลิงน้อยเห็นเข้าก็เข้ามาช่วยงาน อุ้งมือเล็ก ๆ ของมันช่วยกดไปพร้อมกับนายหญิงของมันด้วย

ไม่รู้ว่าเสี่ยวไป๋หยางเห็นได้อย่างไร เขาจึงหัวเราะออกมา

จ้าวเหวินเทาเห็นก็มีความสุขมาก

เย่ฉูฉู่มองลูกชายและหันไปมองลิง เธอก็รู้สึกขบขัน ขณะที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ในเวลานี้หลอดไฟบนเพดานก็สว่างจ้าอย่างฉับพลัน!

ทั้งคนและลิงต่างชะงักงันไป

วินาทีต่อมา ลูกลิงก็ตกใจส่งเสียงร้องเจี๊ยก ๆ แล้วย้ายไปหลบด้านหลังเย่ฉูฉู่ มันใช้ใบหน้าแนบแผ่นหลังของเธอด้วยร่างกายสั่นเทา

เย่ฉูฉู่เองก็ตกใจเพราะลูกลิงเช่นกัน จึงรีบหันกลับไปปลอบประโลม “ไฉไฉ ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร นี่คือไฟฟ้า ไฟฟ้ามาแล้ว!”

จ้าวเหวินเทามองหลอดไฟด้วยดวงตาเป็นประกาย “ไฟฟ้ามาแล้ว!”

เสี่ยวไป๋หยางมองหลอดไฟด้วยความอยากรู้อยากเห็น

เมื่อเทียบตะเกียงน้ำมันที่อยู่บนโต๊ะกับไฟฟ้านี้ มันก็เหมือนกับหิ่งห้อยและแสงจากพระจันทร์เลย ไม่สิ สว่างกว่าแสงจันทร์อีก สว่างจนทำให้ภายในใจของผู้คนเกิดแสงสว่างในทันใด

บ้านคนอื่น ๆ ก็ส่งเสียงโห่ร้องเช่นเดียวกัน

“ไฟฟ้ามาแล้ว!”

“สว่างจัง!”

“นี่คือไฟฟ้าสินะ!”

“ดีจริง ๆ!”

“สว่างเหมือนกับตอนเช้าเลย อยากจะทำอะไรก็ทำได้!”

“นี่เป็นของดีจริง ๆ นะ!”

คนเราเกิดมาต่างก็มองหาแสงสว่าง ไม่ได้ชื่นชมความมืดยามราตรี เมื่อได้เห็นหลอดไฟสว่างแบบนี้ย่อมรู้สึกดีใจ

พี่รองจ้าวมองหลอดไฟ ใบหน้าของเขาปรากฎแววมึนงงขณะพูด “ดีกว่าตะเกียงน้ำมันอีกนะเนี่ย”

พี่สะใภ้รองจ้าวก็มองหลอดไฟอยู่ รอยยิ้มที่อยู่บนหน้าของหล่อนกว้างจนควบคุมไม่ได้ หลอดไฟดวงนี้ไม่ได้ซื้อมาอย่างเปล่าประโยชน์แล้ว มันสว่างจริง ๆ!

ลูก ๆ ก็มีความจริงใจมาก พวกเขากระโดดขึ้นลงบนเตียง ทั้งยังส่งเสียงโหวกเหวกว่าไฟฟ้ามาแล้ว!

พี่สามจ้าวแสร้งทำเป็นเลือกถั่วด้วยท่าทางนิ่งสงบ ปากก็พูดว่า “พวกคุณนี่ไม่มีประสบการณ์สักนิดเลยจริง ๆ ก็แค่หลอดไฟดวงเดียวมันจะไปน่าดูตรงไหน? รีบมาเลือกถั่วเร็วเข้า!”

ทว่าสายตาก็เหลือบมองเป็นครั้งคราว ภายในใจคิดว่า มีเจ้าสิ่งนี้ อยากจะบดถั่วตอนไหนก็สามารถทำได้ ทำตอนค่ำก็ไม่มีปัญหาอะไร!

แต่ไม่รู้ว่าค่าไฟจะคิดอย่างไรนี่สิ

พี่สะใภ้สามจ้าวและลูกทั้งสองคนไม่ทราบความคิดของเขา สามแม่ลูกยังคงหมกมุ่นอยู่กับการดูหลอดไฟ มองอยู่นานน้ำตาก็ไหลออกมา ทั้งยังทำท่าทางไม่เต็มใจที่จะหยุดมองด้วย

พี่สี่จ้าวคลี่ยิ้มมองดูหลอดไฟพลางกล่าว “เจ้าสิ่งนี้สว่างจริง ๆ!”

พี่สะใภ้สี่จ้าวเองก็ต้องยอมรับเรื่องนี้เช่นกัน แต่ปากกลับพูดไปว่า “สว่างแบบนี้ คงจ่ายเงินมากกว่าตะเกียงน้ำมันแน่นอน!”

“จ่ายมากกว่าแต่ก็สว่างกว่าตะเกียงน้ำมันเหมือนกัน!” พี่สี่จ้าวมองหลอดไฟ เขาไม่คิดจะจุดตะเกียงน้ำมันอีกแล้ว!

คุณพ่อจ้าวถลกขากางเกงขึ้นเพื่อขึ้นไปนั่งบนเตียง เขาพูดด้วยความพึงพอใจว่า “ชีวิตตอนนี้ดีขึ้นเรื่อย ๆ เลยจริง ๆ มีไฟฟ้าเข้าถึงแล้ว ก่อนหน้านี้ได้ยินคนพูดถึงกันว่าที่ต่างประเทศมี มีไฟฟ้ามีโทรศัพท์ทั้งชั้นล่างชั้นบนบ้านเลย ตอนนั้นยังคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล ดูสิ มันคือเรื่องจริงแล้ว”

คุณแม่จ้าวนั่งอยู่บนเตียงเตา นางมองไฟพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเราต่างก็อยู่ใต้แสงของเหวินเทานะ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาจัดการเรื่องที่อยากให้ไฟฟ้าเข้าถึง ไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไรกว่าจะมีไฟฟ้า!”

พูดถึงลูกชายคนเล็ก ภายในใจของคุณพ่อจ้าวก็รู้สึกภาคภูมิใจและมีความสุข ทว่าปากกลับพูดว่า “เกี่ยวอะไรกับเขาล่ะ เขาเองก็ได้รับความสะดวกจากความเจริญรุ่งเรืองและความมั่นคงของบ้านเกิดนั่นแหละ”

คุณแม่จ้าวตำหนิด้วยสายตาผ่านรอยยิ้ม กล่าวว่า “คุณอย่าชักแม่น้ำทั้งห้าไปหน่อยเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเหวินเทาจะสร้างฟาร์มกระต่าย คุณคิดว่าจะได้ติดตั้งไฟฟ้านี้เหรอ?”

คุณพ่อจ้าวยิ้ม แต่ก็ยังแอบเป็นกังวล “ฟาร์มกระต่ายไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลยนะ มีสัตว์เยอะแยะขนาดนั้น”

ครอบครัวชุยต้าก็มองดูหลอดไฟอย่างมีความสุขเช่นกัน

ชุยต้ามองหลอดไฟขณะพูดพึมพำ “พี่หกพูดถูกจริง ๆ ไฟฟ้านี้สว่างกว่าตะเกียงน้ำมันอีก!”

แน่นอนว่ายังมีครอบครัวตระหนี่ที่ทำใจไม่ได้ที่จะจ่ายเงิน จึงไม่ได้ติดตั้งไฟฟ้าเข้าบ้าน ตอนนี้เมื่อได้เห็นบ้านของคนอื่นสว่างไสว ภายในใจก็เกิดความอิจฉา

แต่ก็ปลอบใจตัวเองว่า อย่ามองว่าตอนนี้สว่างไสว รอจ่ายค่าไฟก็ไม่สว่างแล้ว!

เมิ่งต้ายังอยู่ในเพิงจึงไม่ได้ดึงไฟฟ้าเข้ามา เขาได้แต่มองดูไฟที่อยู่ภายในหมู่บ้าน รอให้เขาสร้างบ้านก่อนเถอะ ต้องเดินสายไฟฟ้าเข้าบ้านให้ได้!

คืนนี้ผู้คนต่างก็ไม่ยอมนอนอยู่นาน จนกระทั่งคิดได้ว่าการใช้ไฟฟ้าต้องมีค่าไฟด้วยจึงรีบดับไฟทันที แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังตื่นเต้นอยู่ดี ส่วนพวกเด็ก ๆ ยิ่งเป็นกังวลว่าพรุ่งนี้จะมีไฟฟ้าอีกหรือไม่?

จ้าวเหวินเทาและเย่ฉูฉู่ไม่ได้กลัวค่าไฟ พวกเขานอนดึกกว่าปกติ ทั้งลูกและลิงหลับไปแล้ว ม่านถูกดึงมาปิดไว้ ก่อนที่ทั้งสองคนจะทำในเรื่องที่ไม่อาจอธิบายได้อยู่ใต้แสงไฟที่สว่างจ้า

หลังจากเสร็จกิจแล้วจ้าวเหวินเทาก็จูบภรรยา พูดว่า “ภรรยา พวกเรารีบนอนกันเถอะ”

แม้ในตอนนี้เย่ฉูฉู่จะรู้สึกอาย แต่เธอเองก็เหนื่อยจนไม่อยากขยับแล้ว ดวงตาก็ไม่คิดแม้แต่ลืมขึ้น เพียงแค่ตอบ ‘อืม’ หนึ่งเสียงเท่านั้น

จ้าวเหวินเทาเห็นเธอเป็นเช่นนี้ ก็ดึงเธอเข้ามากอดด้วยรอยยิ้ม

ภรรยาของเขาสวยมากจริง ๆ มีความสามารถในการพรากชีวิตของเขาอย่างแท้จริง ทำไมถึงทำให้เขารู้สึกหวงแหนขนาดนี้นะ

“ตาบ้า แย่ที่สุดเลย” เย่ฉูฉู่ที่ถูกสามีกอดอยู่ในอ้อมกอดบ่นพึมพำ

“ผู้ชายไม่แย่ ผู้หญิงก็ไม่รักสิ ภรรยาที่แสนดีของผม” จ้าวเหวินเทายิ้ม

……

เมื่อมีไฟฟ้าเข้าถึง คนในหมู่บ้านก็เกิดความกระปรี้กระเปร่าแตกต่างจากก่อนหน้านี้

ถึงจะไม่ได้มากมายอะไร แต่ก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่มากขึ้น โดยเฉพาะการเทียบกับหมู่บ้านเหล่านั้นที่ไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึง และทีมใหญ่ที่สู้ไม่ได้ ความรู้สึกเหนือกว่านั้นแตกต่างกันจริง ๆ

วันที่สองหลังจากไฟฟ้าเข้าถึง จ้าวเหวินอู่ก็มาหาจ้าวเหวินเทาหลังจากครั้งล่าสุดที่เอาของเก่ามาอวดโดยไม่มีประโยชน์ นานมากแล้วที่เขาไม่ได้มาหา นี่เป็นครั้งแรกหลังจากที่หายไปในครั้งนั้น

“ช่วงนี้ฉันเหนื่อยแทบแย่เลย!” จ้าวเหวินอู่เข้ามาดื่มน้ำในบ้านพลางกล่าว

ตอนที่ไฟฟ้าเข้าถึง สถานีไฟฟ้าก็บอกให้ทุกคนสังเกตว่ามีปัญหาอะไรหรือไม่ หากมีก็ให้รีบแจ้งกลับไปทันที พวกเขาจะได้มาตรวจสอบดู ดังนั้นจ้าวเหวินเทาจึงไม่ได้ขับรถออกไปข้างนอก เรื่องไฟฟ้าเป็นสิ่งที่อันตรายมากจนทำให้เขาไม่สบายใจ คิดไม่ถึงเลยว่าจ้าวเหวินอู่จะมาที่นี่

“ยุ่งจนรวยแล้วสินะ?” จ้าวเหวินเทาอุ้มลูกพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม

เย่ฉูฉู่จึงเดินมารับลูกไปที่ห้องฝั่งตะวันตกเพื่อทำชุดบุฝ้าย ปล่อยให้พวกเขาสองพี่น้องได้คุยกัน

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

นึกไม่ออกเลยหากจะต้องกลับไปอยู่ท่ามกลางความมืดเหมือนเดิม คนทั้งหมู่บ้านคงไม่อยากเจออะไรแบบเดิมแล้ว

ไหหม่า(海馬)