ตอนที่ 273 : ตระกูลเทียนฉิน (2)
หลีกไป ! อย่าขวางทางเรา ! ชายคนหนึ่งตระโกนออกมาขณะที่บอกให้คนที่ขวางเส้นทางหลบออกไป
นั่นตระกูลเทียนฉิน เกิดอะไรขึ้นกับพวกเขา ? มาเถอะ อย่าขวางทางพวกเขา ไม่อย่างนั้นมันอาจจะสร้างปัญหาให้กับเราได้
นี่คือตระกูลเทียนฉิน รีบ ๆ หลบไปให้พ้นทาง ! ถ้าพวกเจ้าขวางทางพวกเขา มันก็ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับพวกเจ้า
ทั้งพ่อค้าและทหารรับจ้างต่างพากันหลีกทางให้จนถนนว่างพอที่จะให้กลุ่มตระกูลเทียนฉินเดินผ่านไปได้ ทันทีที่รถม้าผ่านไป ผู้คนก็กลับไปยังจุดเดิมตามถนน
เจี้ยนเฉินและหมิงตงต่างก็เดินเข้าไปยังถนนเช่นกัน อย่างไรก็ตามเนื่องจากตอนนี้เส้นทางเต็มไปด้วยผู้คน ดังนั้นเจี้ยนเฉินและหมิงตงก็ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยืนอยู่บนถนน ทำให้พวกเขาเป็นจุดสังเกต
ข้าบอกให้หลีกทาง เจ้าไม่ได้ยินข้ารึหรือว่าเจ้ารนหาที่ตาย ! คนขับรถม้าตะโกนออกมาพร้อมกับจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉิน จากนั้นก็สะบัดแส้สีดำของเขาฟาดไปที่หมิงตง
ตาของเจี้ยนเฉินเป็นประกายอันตราย ทำไมตระกูลเทียนฉินถึงได้อวดดีขนาดนี้ ! เช่นเดียวกับที่เจี้ยนเฉินเตรียมพร้อมที่จะเคลื่อนไหว หมิงตงก็ถอยออกมาพร้อมกับคว้าแส้ ด้วยแรงที่มากล้นของเขา เจ้าของแส้ก็ถูกกระชากลงมากองกับพื้นอย่างรุนแรง
หยุด ! จากนั้นกองคาราวานของตระกูลฉินก็หยุดกะทันหัน ทุกคนมีการเคลื่อนไหวที่เป็นระเบียบและพร้อมเพรียงกัน
บังอาจ! เด็กคนไหนกล้าขวางทางของคุณหนูตระกูลเทียนฉิน ? พวกเจ้า จับเขา ! ชายอีกคนก็ตะโกนออกมาด้วยความโกรธขณะที่เขาชี้ไปที่หมิงตง
ขอรับ ! มีคนขานรับพร้อมกับพุ่งเข้าใส่หมิงตง
ใบหน้าของหมิงตงมืดครึ้มพร้อมกับหันมาหาเจี้ยนเฉินเป็นเชิงขอโทษ จากสิ่งที่เขาทำก่อนหน้านี้ เขาไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ และเขาก็ไม่คิดว่าผลของมันจะร้ายแรงถึงขั้นนี้ ตอนนี้เขาตระหนักได้แล้วว่าเขาพึ่งไปล่วงเกินตระกูลที่มีอิทธิพล
เจี้ยนเฉินหัวเราะเมื่อเห็นความกังวบของหมิงตง อย่ากลัวเลย ทำในสิ่งที่เจ้าต้องการ
หมิงตงพยักหน้าจากนั้นเขาก็กระโดดออกจากม้า มีคลื่นสีฟ้าครามเปล่งออกมาจากร่างกายของเขาก่อนที่เขาจะเข้าตะลุมบอนกับคนที่พุ่งเข้ามา ไม่มีใครใช้อาวุธเซียนโจมตี ดังนั้นพวกเขาจึงใช้หมัดเปล่า ๆ ของพวกเขาเท่านั้น
เจี้ยนเฉินมองไปที่หมิงตงด้วยความประหลาดใจก่อนที่เขาจะยิ้มอย่างสดใส ข้าไม่คิดว่า หมิงตงไม่เพียงแต่เป็นอัจฉริยะด้านการบ่มเพาะ แต่เขายังเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญธาตุลมอีกด้วย
ด้วยความช่วยเหลือของพลังเซียนธาตุลม หมิงตงนั้นรวดเร็วมาก เขาเริ่มเข้าไปโจมตีคนอื่นจากนั้นเขาก็ฉากถอยกลับมา
กล้าโจมตีผู้คุ้มกันของพวกเรา เจ้าจะไม่ตายดีแน่นอน เจ้าคนชั่ว!
หลังจากการต่อสู้ มีชายกลุ่มใหญ่จากตระกูลเทียนฉินที่ตะโกนเสียงดังราวกับฟ้าร้อง มีชายคนหนึ่งลอยลงมาจากม้าพร้อมกับแผ่พลังเซียน เขาลอยไปหาหมิงตงเพื่อโจมตีเขา
เจี้ยนเฉินนำแค่นเสียงเย็นชาพร้อมกับนำกระบี่วายุโปรยของเขาออกมาทันทีและเหาะไปหาชายวัยกลางคนเพื่อจู่โจมด้วยกระบี่ในมือของเขา
“ชิ้ง ! “
กระบี่วายุโปรยและขวานรบของชายคนนั้นปะทะกันกลางอากาศพร้อมกับเสียงดังกังวาน ทันใดนั้นกระบี่ก็กลายเป็นเงาแสงสีเงินทะลวงขวานรบออกไปทันทีพร้อมกับเจาะเข้าไปในลำคอของชายผู้นั้น
เมื่อลงมาที่พื้น ใบหน้าของชายวัยกลางคนก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดอย่างมากเมื่อเขามองมายังเจี้ยนเฉินพร้อมกับตกใจ
เจี้ยนเฉินถือกระบี่อยู่ในมือและป้องมือพลางเอ่ยว่า ท่าน นี่เป็นความผิดของพี่ชายข้า แต่นั่นมันก็ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงถึงขั้นตาย ข้าหวังว่าท่านจะอภัยสักครั้ง น้ำเสียงของเจี้ยนเฉินไม่ได้หยาบคาย แต่ก็ไม่ได้สุภาพเช่นกัน ตระกูลเทียนฉินนั้นมีอำนาจอย่างมากภายในเมืองชั้นหนึ่ง เมืองหว่าลู่เหริน แม้ว่าเจี้ยนเฉินจะไม่กลัวตระกูลที่ทรงอิทธิพล แต่เขาก็ไม่ต้องการที่จะล่วงเกินพวกเขาเหล่านี้เช่นกัน
ชายคนนั้นมองไปที่เจี้ยนเฉินด้วยความตกใจและมีความกลัวอยู่บนใบหน้าของเขาซึ่งกำลังซีดเซียว แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรเลย
เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? มีเสียงที่ไพเราะน่าฟังดังออกมา เสียงมันช่างฟังระรื่นหูสำหรับผู้ที่ได้ยิน
เมื่อได้ยินเสียงนี้ เจี้ยนเฉินก็หันกลับไปมองหญิงสาวที่สวมหน้ากากสีขาวที่เดินออกมาจากรถ หน้าตาของนางถูกปกคลุมไปด้วยผ้าโปร่งสีขาวทำให้มองไม่เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง
คุณหนูรอง โปรดรับกลับไปที่รถของท่าน พวกเราจะจัดการกับเรื่องนี้เอง ผู้คุ้มกันพูดกับนางด้วยท่าทีที่เคารพ
หญิงสาวมองมาที่เจี้ยนเฉินและหมิงตงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะพูดเบา ๆ ตอนที่ข้าอยู่ในรถม้า ข้าได้ยินทั้งหมดแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นความผิดของเรา ผู้คุ้มกัน ขอโทษพวกเขาเดี๋ยวนี้
เมื่อได้ยินอย่างนั้นผู้คุ้มกันที่ต่อสู้กับหมิงตงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่หลังจากที่ได้เห็นพลังของเจี้ยนเฉินแล้ว เขาก็ทำได้เพียงเอ่ยคำขอโทษออกมาค่อย ๆ
เจี้ยนเฉินโบกมือรับคำขอโทษโดยไม่พูดอะไรเลยและเตรียมกลับไปยังที่พักของเขา
ในเวลานั้นก็มีเสียงกีบเท้าขณะที่มีชายเสื้อฟ้ากำลังควบม้าอสูรระดับ 3 ของเขา น้องรอง เจ้าออกไปตั้งนานกว่าจะได้กลับมา ทำไมเจ้าถึงไม่บอกพี่ชายอย่างข้าสักคำ อะไรจะดีไปกว่าการที่พี่ชายของเจ้าออกมาต้อนรับเจ้า ?
ชายคนนั้นขี่ม้ามาอย่างรวดเร็วก่อนที่จะหยุดอยู่หน้ารถม้าของตระกูลเทียนฉิน
เขาเป็นเด็กหนุ่มที่ร่างกายกำยำและสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงิน ภายใต้เสื้อคลุมของเขามีกางเกงสีดำที่เห็นได้ง่ายพร้อมกับผมที่ยาวถึงไหล่ จากท่าทางของเขา เขาดูเหมือนจะอายุไม่ถึง 30 ปี
ดู! นั่นนายน้อยตระกูลเทียนฉิน ! เราโชคดีแค่ไหนในวันนี้ได้เห็นเขา โอกาสที่เขาจะออกมาจากบ้านของตระกูลเทียนฉินนั้นน้อยมาก ข้าไม่คิดว่าวันนี้เขาจะปรากฏตัวในตอนนี้….
ข้าได้ยินว่ามานายน้อยของตระกูลเทียนฉินนั้นเป็นอัจฉริยะด้านการบ่มเพาะ ด้วยความช่วยเหลือของตระกูลทุ่มเทให้กับเขา ทำให้ตอนนี้เขาได้ทะลวงขึ้นมาเป็นเซียนผู้เชี่ยวชาญพิเศษตั้งแต่อายุเพียง 28 ปี ตอนนี้เขาอายุน่าจะเกิน 30 แล้วแต่ข้าก็ไม่รู้ว่านายน้อยจะแข็งแกร่งเพียงไหน…
บิดาของข้าเป็นหนึ่งในผู้คุ้มกันของตระกูลเทียนฉิน ข้าได้ยินพวกเขาพูดถึงการต่อสู้ว่า นายน้อยนั้นมีความแข็งแกร่งมาก ทุกวันนายน้อยจะสู้กับหัวหน้าของผู้คุ้มกัน และตัวของหัวหน้าก็มักจะย่ำแย่หลังจากสู้กันเสร็จแล้ว
การปรากฏตัวของชายผู้นี้ทำให้กลุ่มคนทั้งหมดเริ่มกระซิบกระซาบพูดคุยกันเอง
นายน้อยของตระกูลเทียนฉินนั้นแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินและมองอย่างห่วงใยไปยังหญิงสาว น้องรอง พวกเขาพยายามรังแกเจ้าหรือไม่ ? บอกพี่ชายของเจ้ามา ข้าจะได้จัดการพวกเขาให้กับเจ้า
สักพักหลังจากที่นายน้อยพูด ผู้คุ้มกันคนหนึ่งก็พูดออกมาว่า นายน้อย ในขณะที่เรากำลังเดินทางไปตามถนน ม้าของทั้งสองคนนี้ได้มาขวางทางเรา ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังกล้าที่จะทำร้ายผู้คุ้มกันคนหนึ่งของเราและยังล่วงเกินตระกูลของเราอีกด้วย !
เมื่อได้ยินอย่างนั้น นายน้อยก็จ้องมองไปยังเจี้ยนเฉินอย่างดุดัน ก่อนที่จะตะโกน พวกเจ้าเป็นใคร พวกเจ้ากล้ายั่วยุตระกูลเทียนฉินของข้า เจ้าคิดว่าตระกูลข้าถูกรังแกได้ง่ายดายนักหรือ ?
ผู้คุ้มกัน! ทันทีที่นางได้ยินชายคนนั้นดู ใบหน้าของนางก็เต็มไปด้วยความไม่พอใจและหันไปทางพี่ชายของนางและพูดเบา ๆ ท่านพี่ เรื่องไม่ได้เป็นเช่นนั้น อย่างไปยุ่งกับพวกเขา สาเหตุก็เพราะผู้คุ้มกันพวกนี้ไร้มารยาท
หลังจากที่ได้ยินน้องสาวของเขาพูด ใบหน้าที่เคร่งเครียดของนายน้อยก็เริ่มผ่อนคลายก่อนที่จะกลับมาเป็นเกรี้ยวกราด ไม่สำคัญว่าใครเป็นคนผิด แต่เจ้าขวางทางน้องรองของข้า ! นี่ไม่ใช่เรื่องที่จะปล่อยไปได้ ข้าจะต่อสู้กับเจ้า ถ้าเจ้าสามารถเอาชนะข้าได้ ข้าจะไม่ถือสาเรื่องนี้
พลังเซียนเริ่มมารวมตัวกันในมือของนายน้อยก่อนที่จะกลายเป็นดาบยักษ์ ไม่นานเขาก็ควบม้าของเขาพุ่งไปหาเจี้ยนเฉิน
เจี้ยนเฉินเอาอาวุธเซียนของเขาออกมาและแผ่ปราณกระบี่ของเขาไปยังนายน้อยที่กำลังใกล้เขาเข้ามาทุกที
เสียงของอาวุธปะทะกันได้ยินเสียงอย่างชัดเจน เจี้ยนเฉินได้ตระหนักว่านายน้อยคนนี้อยู่ในขอบเขตเซียนผู้เชี่ยวชาญขั้นสุดยอด อย่างไรก็ตามกระบี่ของเจี้ยนเฉินนั้นก็เร็วพอที่จะทำให้นายน้อยหลบเลี่ยงกระบี่ของเขา จากการแลกเปลี่ยนกันอีก 3 กระบวนท่า ก็เห็นได้ชัดว่าเจี้ยนเฉินเป็นฝ่ายได้เปรียบนายน้อย
เกราะ ! นายน้อยคำราม แสงสีน้ำตาลจำนวนมากเริ่มไหลออกมาจากร่างของเขาก่อนที่จะก่อตัวเป็นชั้นผิวและกลายมาเป็นเกราะสวมอยู่บนร่างของเขา จากรูปลักษณ์ภายนอกมันดูราวกับเป็นเกราะจริง ๆ เนื่องจากใช้พลังเซียนอย่างต่อเนื่องในการสร้างทำให้มันไม่อาจทำลายเกราะอันนี้ได้ง่าย ๆ
เกราะ ? ข้าได้ยินมาว่ามันเป็นทักษะการป้องกันของเซียนปฐพีของเซียนธาตุดิน ไม่มีทักษะลับใด ๆ ที่จะทำอย่างนี้ได้ ข้าไม่คิดว่านายน้องของตระกูลเทียนฉินจะสามารถใช้ทักษะเช่นนี้ได้…
นี่ไม่ใช่ทักษะป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดของนายน้อย ? ข้าไม่คิดว่าเด็กหนุ่มผู้นั้นจะบังคับให้นายน้อยต้องตั้งรับอย่างรวดเร็วเช่นนี้…
ถ้าเขาสามารถบังคับให้นายน้อยทำอย่างนี้ได้ นั่นหมายความว่าเด็กหนุ่มผู้นี้แข็งแกร่งมากทีเดียว
ในใต้หล้า มีสิ่งมหัศจรรย์หลายอย่าง ข้าไม่คิดว่าเด็กหนุ่มผู้นี้จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ความสามารถของเขามีมากขนาดนั้นเลย…
เมื่อเห็นเกราะของนายน้อย ผู้ชมและผู้คุ้มกันของตระกูลเทียนฉินก็เริ่มบ่นพึมพำกันอย่างประหลาดใจ
นายน้อยจ้องมองไปที่เจี้ยนเฉินอย่างจริงจังและพูดอย่างโหดเหี้ยมว่า กระบี่ของเจ้าค่อนข้างเร็วและการหลบการโจมตีของเจ้าก็เริ่มทำให้ข้าเหนื่อยเกินกว่าที่จะทำต่อไป เมื่อเจ้าสามารถบังคับให้ข้าใช้การป้องกันขั้นสุดท้ายของข้าได้ เจ้าก็เหมาะสมที่จะเป็นคู่แข่งของข้า จากนี้ไปข้าจะใช้กำลังทั้งหมด เจ้าเตรียมตัวให้พร้อม !