หลังจากนั้นสามวัน

หลังจากที่เซี่ยปิงได้เข้ามาในสำนักวิญญาณสาขาเมืองฮวายหนิงนั้น เขาก็ไม่ได้กระทำอะไรที่บุ่มบ่ามตั้งแต่เริ่มต้น ทว่าเขาได้ใช้โอกาสนี้ในการตรวจสอบข้อมูลและทำความเข้าใจธุรกิจต่างๆของสำนักวิญญาณ รวมถึงกิจกรรมที่ต้องห้ามต่างๆ

เพราะว่าการที่ก่อนหน้านี้เซี่ยปิงได้คลุ้มคลั่งออกมาและได้อัดฉางฉือนั้น มันได้สร้างความหวาดกลัวให้กับผู้คนจำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้นหลังจากเขาที่ได้อัดฉางฉือนั้น ก็ไม่คาดคิดว่าฉางฉือจะไม่ได้ทำการล้างแค้นใดๆ นี่มันช่างเป็นข่าวที่น่าตกใจมากกว่า

ดังนั้นนี่ทำให้อำนาจของเขาในฐานะจ้าวสำนักวิญญาณสาขาย่อยนั้นอยู่ในจุดที่สูงที่สุดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่มีใครที่จะกล้าสงสัยในการกระทำใดๆของเขา พวกเขาต่างก็ไม่กล้าที่จะทำให้เซี่ยปิงหงุดหงิด ไม่ว่าเซี่ยปิงจะถามอะไรขึ้นมา พวกเขาก็จะตอบกลับมาด้วยความจริงทั้งหมด ไม่กล้าที่จะปกปิดข้อมูลใดๆ

“สามารถเริ่มได้”

หลังจากที่เข้าใจสถานการณ์โดยรวมของสำนักวิญญาณ เซี่ยปิงก็ได้เดินทางโดยใช้เทเลพอร์ตของเมืองฮวายหนิง ใช้อำนาจของจ้าวสำนักวิญญาณในการเดินทางไปยังเมืองขนาดใหญ่อื่นๆ เริ่มที่จะทำการกระจายใบปลิวเหล่านี้

เขาไม่จำเป็นที่จะต้องเคลื่อนไหวด้วยตนเอง เพียงแค่ถ่ายทอดคำสั่งไปให้กับสไลม์ทอง จากนั้นมันก็แยกร่างออกมานับหมื่นและนำใบปลิวเหล่านี้ไปกระจายรอบๆเมืองในเวลากลางคืน เข้าไปในถนนสายหลักและซอกซอยต่างๆ ทำให้ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนล่วงรู้ถึงข่าวนี้

เพราะว่าการเคลื่อนที่ของสไลม์ทองนั้นรวดเร็วอย่างถึงที่สุด ยิ่งไปกว่านั้นก็สามารถที่จะเปลี่ยนรูปร่างและสีของตนเองได้ ดังนั้นมันจึงอยู่ในสภาวะล่องหน ไม่มีใครที่จะล่วงรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วใครเป็นคนที่กระจายข่าวนี้ออกมา

เช้าวันต่อมา ผู้คนเกือบทั้งหมดที่อยู่ตามท้องถนนก็ล่วงรู้ถึงข่าวนี้

“เจ้าได้ข่าวหรือไม่? อันที่จริงแล้วเซนต์โลหิตวิญญาณยังไม่ตาย ทว่าถูกผนึกไว้ ตอนนี้ต้องการหินวิญญาณเพียงแค่หนึ่งร้อยก้อนเพื่อช่วยเหลือเขา หากมันเป็นความจริงล่ะก็ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราก็จะร่ำรวยขึ้นมาได้ สามารถที่จะกลายเป็นจ้าวสำนักวิญญาณ”

บางคนที่กำลังถือใบปลิวนี้ตะโกนออกมาเสียงดัง

“ผายลม การที่ไม่รู้ว่าข่าวลือเหล่านี้มาจากที่ใดนั้น เจ้าเชื่อมันจริงๆหรือ? ช่างโง่เขลาเสียจริง”

“พูดถูก ต่อให้เซนต์โลหิตวิญญาณจะยังไม่ตาย เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะใช้วิธีการที่ไร้สาระเช่นนี้ในการแก้ปัญหาของตนเอง เจ้าเห็นเซนต์เป็นอะไรกัน”

“หินวิญญาณเพียงแค่หนึ่งร้อยก้อนก็สามารถที่จะช่วยเหลือเซนต์โลหิตวิญญาณให้รอดพ้นจากปัญหาได้ นี่เซนต์โลหิตวิญญาณอ่อนแอถึงเพียงนั้นเลยหรือ? นี่จะต้องเป็นฝีมือของนายน้อยที่ชอบก่อกวนผู้อื่นของตระกูลที่ยิ่งใหญ่สักตระกูลอย่างแน่นอน ปล่อยข่าวลือที่ไม่เป็นจริงเช่นนี้ออกมา”

“ผู้ที่สามารถเชื่อในสิ่งที่ใบปลิวเหล่านี้เขียนอยู่นั้น คงจะมีเพียงแค่คนที่โง่เขลาเท่านั้น”

“หากนี่เป็นเรื่องจริงล่ะก็ มีที่ไหนที่จะกระจายข่าวให้ผู้คนได้รับรู้เช่นนี้ คงจะนำหินวิญญาณหนึ่งร้อยก้อนไปที่นั่นด้วยตนเองแล้ว”

“นี่มันช่างเป็นเรื่องที่ตลกที่สุดในรอบปี”

ผู้คนจำนวนมากของเมืองต่างก็ได้ล่วงรู้ถึงข่าวสารเรื่องนี้ ทว่าผู้คนส่วนใหญ่ต่างก็รู้สึกเอือมระอา ไม่เชื่อสิ่งที่เขียนอยู่ในใบปลิว เห็นเป็นเรื่องตลกเพียงเท่านั้น

อย่างแรกไม่ต้องพูดถึงการที่บอกว่าเซนต์โลหิตวิญญาณยังไม่ตาย ทว่าถูกผนึกอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่งและต้องการก้อนหินวิญญาณเพียงแค่หนึ่งร้อยก้อนเพื่อช่วยเหลือเขานั้น นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ตลกอย่างนั้นหรือ?

สิ่งที่สามารถผนึกพลังอำนาจของเซนต์โลหิตวิญญาณได้นั้น มันจะทรงอำนาจเพียงใดกัน เป็นไปได้อย่างไรที่ก้อนหินวิญญาณเพียงแค่หนึ่งร้อยก้อนจะสามารถลบล้างผนึกได้?!

ทว่าเมื่อระยะเวลาผ่านไปหนึ่งวัน สิบวัน ยี่สิบวันและในที่สุดก็ผ่านระยะเวลาไปถึงหนึ่งเดือนนั้น

ไม่ใช่มีเพียงแค่เมืองนี้เท่านั้น ทว่าเมืองขนาดใหญ่ทั้ง108ของทวีปโลหิตวิญญาณต่างก็ได้รับข่าวสารเรื่องนี้เช่นกัน บอกว่าเซนต์โลหิตวิญญาณถูกผนึกอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงของเมืองฮวายหนิง

นี่คือสิ่งที่เรียกว่าสามคนกลายเป็นเสือและการกระพือข่าวลือที่มีอยู่แล้วให้กระพือแผ่กว้างออกไป บางครั้งการที่ข่าวลือถูกพูดมากขึ้นเรื่อยๆนั้น มันก็มักที่จะกลายเป็นความจริง

“นี่มันเรื่องอะไรกัน? การแพร่กระจายของข่าวลือเหล่านี้มันมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับว่าทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณล่วงรู้ถึงข่าวนี้ เซนต์โลหิตวิญญาณยังไม่ตาย ทว่าถูกผนึกอยู่ในหุบเขา?”

“นี่มันเป็นไปไม่ได้ ต่อให้เซนต์โลหิตวิญญาณจะยังไม่ตายและถูกผนึกอยู่นั้น ทว่าการที่เขาอยู่ในสถานที่ถูกผนึกนั้น เป็นได้อย่างไรที่จะกระจายข้อมูลของตนเองออกมาเช่นนี้”

“แต่ปัญหาก็คือว่าข่าวลือเรื่องนี้กำลังแพร่กระจายมากขึ้นเรื่อยๆ พูดคนต่างก็พูดคุยกันเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องจริง ทำให้บางคนเชื่อว่านี่ไม่ใช่ข่าวลืออีกต่อไป”

“เป็นจริงอย่างที่ว่า พวกเราควรที่จะคิดในอีกมุมมองหนึ่ง ครั้งแรกที่ได้ยินข่าวนี้อาจจะฟังดูน่าหัวเราะ ทว่าหากมันเป็นความจริงขึ้นมา หากมีโอกาสเพียงเล็กน้อยว่าจะเป็นความจริงขึ้นมา จากนั้นพวกเราจะไม่ร่ำรวยไปสิบชาติหรือ? ก้อนหินวิญญาณเพียงแค่หนึ่งร้อยก้อนก็สามารถที่จะช่วยให้เซนต์โลหิตวิญญาณหลุดออกมาได้ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราจะกลายเป็นผู้มีบุญคุณของเซนต์โลหิตวิญญาณ จะสามารถทะยานขึ้นท้องฟ้าภายในก้าวเดียว การที่จะได้กลายเป็นจ้าวสำนักวิญญาณนั้นก็คงไม่ใช่เรื่องที่ใหญ่โตอะไร”

“ใช่ ในใบปลิวนั้นมีที่อยู่ของหุบเขาที่เซนต์โลหิตวิญญาณถูกผนึกอยู่เช่นกัน พวกเราจะไม่ลองไปดูกันหน่อยหรือ? หากเดินทางไปยังสถานที่แห่งนั่นและค้นพบว่ามันไม่ใช่ความจริง ก็สามารถที่จะเดินทางกลับมาได้ ไม่ได้เผชิญกับความสูญเสียอะไร ทว่าหากนี่เป็นความจริงล่ะก็ พวกเราก็จะโชคดีไปสิบชาติ”

ต่อให้ผู้คนส่วนใหญ่จะไม่เชื่อเรื่องนี้ ทว่าการที่มีคนหลงเชื่อเพียงแค่ไม่กี่คนนั้น ก็ถือว่าเพียงพอ พวกเขาจะพยายามวัดดวงดูว่าข่าวลือนี้เป็นความจริงหรือไม่

ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อพวกเขาได้เดินทางไปยังสถานที่ปิดผนึกเพื่อพิสูจน์และค้นพบว่ามันไม่ใช่ความจริงนั้น พวกเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร ก็ไม่ได้ต้องมอบหินวิญญาณให้ใคร ไม่ว่าจะมองอย่างไร พวกเขาก็จะไม่เผชิญกับความสูญเสีย

ดังนั้นจึงได้มีผู้คนจำนวนหนึ่งที่เดินทางไปตรวจสอบที่หุบเขาแห่งนั้นซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับเมืองฮวายหนิงเพื่อลองพิสูจน์ดูว่าท้ายที่สุดแล้วข่าวสารบนใบปลิวนี้เป็นความจริงหรือไม่

แม้ว่าผู้คนเหล่านี้จะเป็นสัดส่วนที่น้อยมากหากเทียบกับประชากรจำนวนมหาศาลของทวีปโลหิตวิญญาณนั้น ทว่าหากพวกเขาได้พิสูจน์ว่ามันเป็นความจริงและได้กระจายข่าวออกไปนั้น จำนวนของผู้คนก็จะเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนถึงจุดที่ไม่สามารถคาดฝันได้

………..

ทว่าอย่างไม่ต้องสงสัยว่าข่าวนี้ก็ได้กระจายไปที่สำนักวิญญาณเช่นกัน ทันใดนั้นผู้มีอิทธิพลระดับสูงจำนวนมากของสำนักวิญญาณก็ล่วงรู้ถึงเรื่องนี้

“ท้ายที่สุดแล้วมันเกิดอะไรขึ้นกัน? ทำไมถึงได้มีข่าวลือที่หนาหูเช่นนี้? บอกว่าเซนต์โลหิตวิญญาณยังไม่ตายและถูกผนึกอยู่ในหุบเขาแห่งหนึ่ง แท้ที่จริงแล้วใครกันที่เป็นคนปล่อยข่าวลือเรื่องนี้ พวกเจ้าได้พบเจอไอ้บัดซบที่ปล่อยข่าวลือเรื่องนี้หรือไม่?!”

ฉางซื่อเซิงจ้าวสำนักวิญญาณรู้สึกโมโหอย่างมาก เดิมทีเรื่องการไล่ล่าฆาตกรที่ได้สังหารลูกชายของตนเองนั้นก็น่าหงุดหงิดมากพอแล้ว ในตอนนี้ไม่คาดคิดว่าจะมีเรื่องใหญ่โตเช่นนี้อีก ในตอนนี้เขานั้นต้องการที่จะสังหารผู้คนใจจะขาด

“ขออภัยท่านจ้าวสำนัก พวกเราได้ใช้กำลังคนทั้งหมดในการตามหาเบาะแส ล่วงรู้เพียงแค่ว่าข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกมาภายในคืนเดียว ทว่าการที่ข่าวลือนี้ได้ถูกเผยแพร่ออกมาจากแหล่งที่มาใดนั้น พวกเราไม่สามารถที่จะสืบหาได้อย่างชัดเจน”

กลุ่มของลูกน้องที่รู้สึกละอายใจอย่างมาก ในฐานะที่พวกเขาเป็นอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปโลหิตวิญญาณนั้น มีหน้าที่รับผิดชอบในการสังเกตการณ์ทั่วทั้งทวีป ทว่ากลับไม่สามารถที่จะสืบหาแหล่งที่มาของข่าวลือนี้ได้ นี่มันเป็นเหมือนกับการล้มเหลวในหน้าที่ของตนเองก็ว่าได้

ต่อให้พวกเขาจะถูกจ้าวสำนักวิญญาณไล่ออกในทันที พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้

ทว่าฝ่ายตรงข้ามนั้นลึกลับอย่างมาก ไม่มีใครรู้ว่าใบปลิวเหล่านี้ปรากฏขึ้นมาได้อย่างไรหรือว่ามาจากที่ไหน ผู้คนเพียงแค่จำได้ว่าเมื่อสายลมพัดผ่าน ใบปลิวเหล่านี้ก็ถูกพัดมากับสายลม ไม่ได้เห็นพบเห็นภาพเงาแม้แต่เงาเดียว

“ขยะ กลุ่มของขยะ!”

ฉางซื่อเซิงไม่สามารถที่จะยับยั้งความโมโหของตนเองได้

“ท่านจ้าวสำนัก อันที่จริงพวกเราไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลถึงเรื่องนี้”

ผู้อาวุโสคนหนึ่งพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “ไม่ว่าผู้ที่อยู่เบื้องหลังนี้จะมีความคิดอะไรอยู่ คาดการณ์ได้ว่าเป้าหมายของเขานั้นก็คือการที่ต้องการชี้นำพวกเราไปที่หุบเขาแห่งนั้นซึ่งอยู่ในบริเวณใกล้เคียงกับเมืองฮวายหนิง”

“ทำไมพวกเราไม่ใช่กลยุทธ์แผนซ้อนแผน ปฏิบัติตามผู้ที่อยู่เบื้องหลังคนนั้น ไปตรวจสอบสถานที่แห่งนั้นว่าแท้ที่จริงแล้วเป็นกลุ่มอิทธิพลที่ลึกลับใดกันที่ได้ปล่อยข่าวลือนี้ออกมา”

“ยิ่งไปกว่านั้นสถานที่ที่ลูกชายของท่านจ้าวสำนักได้เสียชีวิตไปนั้น ก็เหมือนกับว่าจะอยู่ใกล้เคียงกับบริเวณนั้นเช่นกัน นี่มันเป็นเรื่องที่น่าสงสัยอย่างมาก เป็นเรื่องที่บังเอิญเกินไป ข้าคิดว่าควรที่จะพิจารณาถึงเรื่องนี้อย่างรอบคอบ”

อะไรนะ?!

ฉางซื่อเซิงจ้าวสำนักวิญญาณเผยสายตาที่เย็นชาออกมาทันที “เจ้าพูดถูก รีบส่งคนไปทันที ไปทำการสืบสวนที่หุบเขาแห่งนั้น ข้าอยากจะรู้เหมือนกันว่าใครที่กล้าสร้างปัญหาเช่นนี้ขึ้นมา”

ในตอนนี้ยังไม่มีเบาะแสใดๆ ทว่าหากทำการติดตามเรื่องนี้ไปเรื่อยๆนั้น ไม่ช้าก็เร็วฝ่ายตรงข้ามจะต้องเผยพิรุธออกมาอย่างแน่นอน ซึ่งจะมีเบาะแสมากมายปรากฏขึ้นมา นี่ก็เป็นความคิดของผู้มีอิทธิพลจำนวนมากของสำนักวิญญาณ