อันที่จริงเธอก็จบมาจากมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เพียงแค่จบมาแล้วก็แต่งงานกับเทาเท่ทันที ละทิ้งทุกอย่างแล้วมาเป็นสะใภ้ตระกูลฟอเรนาก็เท่านั้น
เทาเท่ยิ้มเยาะและพูดว่า“ได้ พรุ่งนี้แปดโมงครึ่ง ไปเจอกันที่สำนักงานเขต ”
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้หลินจือก็หันหลังกลับ พูดแตกหักกันจนถึงขั้นนี้แล้วก็ไม่มีความจำเป็นต้องนอนร่วมเตียงกันอีก
จากนั้นทางด้านหลังจู่ๆก็มีแรงอันมหาศาลดึงเธอให้กลับไปยังเตียงนอน ร่างกายที่สูงใหญ่และกำยำของเขากดทับร่างเธอเอาไว้อยู่เบื้องล่าง
หลินจือดิ้นรนขัดขืนแล้วพูดว่า“ คุณเห็นด้วยกับการหย่าแล้วไม่ใช่เหรอ ? ตอนนี้คิดจะทำอะไรอีก?”
เทาเท่กัดริมฝีปากของเธอแล้วพูดอย่างชั่วร้ายว่า“ยังไม่ได้หย่ากัน คุณพูดเองนี่ว่าขายตัวให้ผม ผมไม่ใช้สิทธิ์นี้มันก็เสียเปล่านะสิ ”
หลินจือกัดริมฝีปากตัวเองแน่น……
ภายใต้ความต้องการที่รุนแรงของเทาเท่ที่ไร้ซึ่งความทะนุถนอมอ่อนโยนหลินจือก็คิดได้ ที่เทาเท่พูดมันก็ถูก ไม่ใช้สิทธิ์นี้ก็เสียเปล่า
เทาเท่หน้าตาดีและรูปร่างดีความเก่งกาจในเรื่องอย่างว่าก็ดีเยี่ยม หลังจากที่หย่ากันแล้วเธอคงจะหาผู้ชายที่ไหนที่เป็นเหมือนเขาไม่ได้อีกแล้ว ทำไมถึงไม่ตักตวงมันให้เต็มที่ไปเลยล่ะ?
เมื่อคิดได้ดังนั้นเธอก็ยกแขนเรียวขึ้นโอบรอบลำคอของเทาเท่ และอิงแอบแนบชิดเข้าหากัน
จากนั้นเธอยังได้พลิกร่างของเทาเท่ลงแล้วขึ้นคร่อมตัวเขาด้วย
แต่งงานกับเทาเท่มาสามปี เธอไม่เคยใจกล้าและมีอารมณ์ร้อนแรงแบบนี้มาก่อน เธอเขินอายอยู่ตลอด สงบเสงี่ยม เงียบเฉย ในชีวิตเป็นยังไงบนเตียงก็เป็นแบบนั้น
ดังนั้นการกระทำแบบนี้ของเธอทำเอาเทาเท่ตัวแข็งทื่อเล็กน้อย ภายใต้ความมืดการหอบหายใจของชายหนุ่มก็หนักหน่วงขึ้น
หลินจือที่ได้ยินเสียงก็รู้สึกเห่อร้อนจนหน้าดำหน้าแดง สองมือประคองไปที่ใบหน้าของเขาแล้วกดจูบลงไป……
จากนั้นเธอก็ไม่มีกะจิตกะใจจะคิดเรื่องอื่นอีก คืนนี้ระหว่างเธอกับเทาเท่ต่างก็ตอบสนองซึ่งกันและกันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเร่าร้อนที่เธอเป็นฝ่ายเริ่มมันก่อนหรือเปล่า
รุ่งขึ้น ในตอนที่หลินจือตื่นขึ้นมาเทาเท่ก็ไม่อยู่แล้ว
หลังจากที่เธออาบน้ำและรับประทานอาหารเช้าอย่างใจเย็นเสร็จ ก็ได้ขับรถไปที่สำนักงานเขต เมื่อวานคุยกันไว้ว่าจะเจอกันตอนแปดโมงครึ่ง
รอตั้งแต่แปดโมงครึ่งจนถึงเก้าโมง เทาเท่ก็ยังไม่ปรากฏตัว
รอต่ออีกครึ่งชั่วโมง หลินจือก็จึงโทรหาเขา“ ฉันอยู่ที่สำนักงานเขตแล้ว อีกนานไหมกว่าคุณจะมาถึง?”
เทาเท่ตอบเธอเสียงเบา“ผมอยู่เมืองฮาร์รัล”
“อะไรนะ?”หลินจือประหลาดใจมาก หลังจากที่ประหลาดใจแล้วก็รู้สึกโมโห“ ไหนคุณบอกว่าแปดโมงครึ่งจะมาทำเรื่องหย่ากันไง?”
“โครงการทางนี้เกิดปัญหานิดหน่อย ผมออกมาตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ไม่มีอะไรแล้วก็แค่นี้นะ”น้ำเสียงเทาเท่เมินเฉย พูดจบก็กดวางสายไป
หลินจือกำโทรศัพท์แน่น เปลวเพลิงโหมลุกในอก
คนอย่างเธอสำหรับเขาแล้วจะมีหรือไม่มีก็ได้ ดังนั้นเรื่องใหญ่อย่างการหย่าแบบนี้ก็จึงเบี้ยวนัดเธอได้
เข้ามานั่งอยู่ในรถครู่หนึ่งก็จึงสงบสติอารมณ์ลงได้ ยี่สิบนาทีต่อมาเธอก็จึงปรากฏตัวขึ้นที่บ้านของเพื่อนรักอย่างนานิ
นานิเป็นดาราดัง ที่สดใสและสวยงาม
เมื่อได้ยินว่าหลินจือตัดสินใจจะหย่ากับเทาเท่ ก็จึงกอดเธอแน่น “ยินดีด้วยนะ อีกไม่นานก็หมดเคราะห์หมดโศกแล้ว”
หลินจือถูกนานิพูดเปรียบเปรยซะจนพูดอะไรไม่ออก แต่ก็เพียงพอที่จะดูออกถึงความไม่พอใจของนานิที่มีต่อการแต่งงานของเธอกับเทาเท่
นานิพูดด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจ“ฉันเคยแนะนำเธอแล้ว ว่าให้ไปจากเขาในตอนที่อายุยังน้อย แบบนี้ก็ยังพอมีลู่ทางได้เริ่มต้นใหม่ได้อีก”
“ฉันรู้จักหนุ่มหล่อและดาราหน้าใหม่ในวงการเยอะแยะ หลังจากที่หย่าแล้วฉันจะแนะนำพวกเขาให้เธอรู้จักทั้งหมดเลย ”
หลินจือรีบส่ายหัว“อย่าเลยไม่ต้องเลย ฉันไม่อยากจะคบหากับพวกดารา และฉันก็ไม่อยากจะมีความรักอะไรอีกแล้ว ”
ในประโยคตอนท้ายของหลินจือมีความโศกเศร้าปนด้วยเล็กน้อย ใช้ชีวิตอยู่กับเทาเท่มานานสามปี มันทำร้ายเธอมากจริงๆ
นานิอุทานด้วยความเสียดาย“ไม่หรอกมั้ง ? หญิงสาวที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์งดงามราวกับดอกไม้จะไม่มีความรักอีก ช่างน่าเสียดายความสาวและความสวยจริงๆ”
หลินจือหลุบตามองไปที่ไวน์แดงในแก้วและพูดพึมพำ“ผู้ชายมีอะไรดี ? สู้ตั้งใจทำมาหากินดีกว่า”
เธอก็อยากจะพิสูจน์ ว่าถ้าเธอไปจากเทาเท่แล้วจะยังมีชีวิตดีๆได้เหมือนกัน