บทที่ 2 เราหย่ากันเถอะ

อยากง้อเหรอ คุณสามี(เก่า)

จู่ๆเธอก็เกิดความสงสัย ความเพียรพยายามทั้งหมดตลอดสามปีของเธอนั้นมันมีประโยชน์อะไร

“ฉันเข้าใจแล้ว” หลินจือพูดจบ ก็หันหลังแล้วเดินออกจากห้องน้ำไป

แผ่นหลังของเธอยังคงโดดเดี่ยว แต่ดูเหมือนจะมีความมุ่งมั่นอยู่ ขาของเทาเท่ก้าวไปข้างหน้าโดยไม่รู้ตัว แต่ดวงตาของเขาก็ดำดิ่ง เมื่อคิดถึงมารยาที่หลินจือเคยใช้กับเขา เขาก็ละสายตาออกอย่างเฉยเมย

……

งานเลี้ยงยังคงดำเนินต่อ แต่หลินจือไม่มีกะจิตกะใจจะอยู่ร่วมต่ออีกแล้ว เธอจัดแจงเครื่องแต่งกายและปรับสภาพอารมณ์ของตัวเองบอกลาคุณท่าน จากนั้นก็ให้คนขับรถส่งเธอกลับ

ระหว่างที่นั่งอยู่บนรถ เธอรู้สึกสับสน ตอนนี้เธอจะยอมแพ้มันเหรอ?

ซูซีกำลังท้อง เทาเท่ไม่มีทางปล่อยให้ลูกของเขาต้องกลายเป็นลูกนอกสมรสที่ไม่มีตัวตนแน่ หย่ากับเธอเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นแค่จะวันไหนก็เท่านั้น

ดังนั้น ให้มันจบแค่นี้เถอะ การเริ่มต้นที่สวยงามกับจุดจบที่ไม่สวยหรู ให้มันเป็นบทสรุปของการแต่งงานในครั้งนี้

หลังจากที่กลับมาถึงบ้าน เธอก็อาบน้ำแล้วเข้านอน

ในระหว่างที่นอนหลับสนิทมีคนขบกัดมาที่ริมฝีปากของเธออย่างรุนแรง การกระทำของชายหนุ่มมีทั้งความต้องการและการลงโทษ

ลมหายใจที่คุ้นเคยบอกหลินจือว่าเป็นเทาเท่ เขากลับมาแล้ว ? วันนี้ซูซีไม่ว่างเหรอ ?

ก็อาจจะใช่ เด็กยังเล็กแบบนั้น หลินจือผลักร่างของเขาออกอย่างแรง จากนั้นก็เปิดโคมไฟที่หัวเตียงแล้วลุกลงจากเตียงไป

ยกมือขึ้นแล้วรวบคอเสื้อของชุดนอนที่ยุ่งเหยิงยืนเท้าเปล่าอยู่ที่ปลายเตียง หลินจือมองไปยังเทาเท่ที่นั่งอยู่บนเตียงด้วยใบหน้าที่มืดมนแล้วเอ่ยปากพูดว่า “เทาเท่ เราหย่ากันเถอะ”

“ยังสร้างเรื่องไม่พออีกหรือไง?”ใบหน้าที่เย็นชาของเทาเท่เต็มไปด้วยความไม่พอใจและไม่ชอบใจ

เขาต้องเดินทางไปทำงานที่อื่นอยู่หลายวัน ร่างกายต้องการปลดปล่อยความใคร่ที่มีอย่างจำเป็นเร่งด่วน

เมื่อครู่ตอนที่หลินจือนอนหลับเธอครางตอบสนองเขาตามสัญชาตญาณ มันทำให้เกาทัณฑ์ที่ขึ้นสายอยู่ของเขากำลังจะเหนี่ยวยิงอย่างเต็มที่ ตอนนี้ร่างกายของเขาที่รู้สึกมากเท่าไรก็ยิ่งอึดอัดมากเท่านั้น

การปฏิเสธของเธอ จากความรู้สึกของเขาก็คือมารยาอย่างหนึ่ง

หลินจือสูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อระงับความขมขื่นในใจ พูดทวนสิ่งที่เพิ่งพูดออกไปเมื่อครู่อีกครั้ง“ ฉันจริงจัง เราหย่ากันเถอะ”

ใบหน้าของเทาเท่มืดลงในทันที

เขาปรับเปลี่ยนอิริยาบถของตัวเอง เอนตัวพิงไปยังหัวเตียงหลุบตาลงมองเธอแล้วถามอย่างแผ่วเบา “คุณแน่ใจเหรอ?”

หลินจือเม้มริมฝีปากและไม่พูดอะไร ใช้ความเงียบแทนคำตอบของทุกอย่าง

ริมฝีปากของเทาเท่ยกหยัก รอยยิ้มนั้นเย้ยหยันอย่างที่สุด“หลินจือ ต้องการให้ผมย้ำเตือนคุณไหม บริษัทของพ่อคุณกับพี่ชายที่ไม่เอาไหนของคุณดําเนินธุรกิจแบบชักหน้าไม่ถึงหลัง หลายปีมานี้หากไม่ใช่เพราะมีตระกูลฟอเรนาคอยดูแลอยู่ พวกเขาล้มละลายไปนานแล้ว”

ร่างของหลินจือสั่นสะท้าน ใบหน้าก็ขึ้นสีเพราะอับอายในคำพูดที่แสบสันของเทาเท่

ใช่ ในตอนนั้นถ้าไม่ใช่เพราะบริษัทของพ่อและพี่ชายที่ใกล้จะล้มละลาย เธอก็คงไม่ถูกคนเป็นพ่อแท้ๆวางแผนร้ายประเคนตัวให้เทาเท่ถึงที่

ตลอดสามปีที่ผ่านมาเธอพยายามจะหาโอกาสเพื่ออธิบายให้เขาฟัง แต่เขาไม่ยอมฟังมันเลย และไม่เชื่อว่าเธอไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง

“ช่างมันถือว่า ฉันขายตัวเองให้คุณมาเป็นเวลาสามปี และช่วยพวกเขามาสามปีแล้ว มันก็น่าจะเพียงพอกับพวกเขาแล้ว”

แววตาของเทาเท่ ก่อเกิดเป็นพายุในทันที“ คุณเปรียบเรื่องสามปีนี้เป็นการขายตัวให้ผมงั้นเหรอ?”

“หรือไม่ใช่?”หลินจือหันมองไปที่เขา น้ำตาคลอเบ้า“ คุณรู้แก่ใจดี เวลาที่อยู่กับฉันนอกจากทำเรื่องอย่างว่าที่ชายหญิงเขาทำกันแล้วคุณก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย ดังนั้นสามปีมานี้มันจะต่างอะไรกับคำว่าขายตัว?”

“ดี! ดีมาก!”เทาเท่กัดฟันกร่อน น้ำเสียงมีความน่ากลัวและเย็นเยือก

“หลินจือ แล้วคุณล่ะ ? คุณยอมละทิ้งชีวิตที่สุขสบายของคุณได้เหรอ ? นอกจากความรัก ผมก็ให้คุณไปทุกอย่างแล้ว ”

การดูถูกและเยาะเย้ยของเขากระตุ้นความดื้อรั้นของหลินจือ เธอเงยหน้าที่สวยงามของเธอขึ้นแล้วมองไปยังสายตาที่น่าสะพรึงกลัวของเขา“ขอบคุณสำหรับคำเตือนของคุณ ฉันมีมือมีเท้า ต่อให้ต้องไปเก็บขยะหรือไปล้างห้องน้ำที่ไหน ก็ไม่อดตายหรอก”

หลินจือรู้ ทั้งตระกูลฟอเรนามีแค่คุณท่านตระกูลฟอเรนาเท่านั้นที่ไม่เคยนึกรังเกียจเธอ