ช่างน่าแปลกประหลาด พักหลังก็คลุกคลีอยู่กับเขามาไม่น้อย มองเห็นเขาที่มักจะลื่นไหลไปมาจนชินตา ทั้งท่วงท่าสง่างามที่ดูไม่สร่าง ทว่าความทรงจำที่ผุดขึ้นมาครั้งนี้กลับเป็นภาพความทรงจำครั้งแรกที่พบกันที่นี่ ความทรงจำที่ตราตรึงสลักลึกอยู่ภายในจิตใจ
จำได้ว่าใบหน้าของเขาแข็งทื่อทั้งยังแฝงมาด้วยความเย็นชา ในยามที่สบตานาง กลับเผยท่าทีราวกับบ่อน้ำลึกที่ไร้ระลอกคลื่น ประกายดวงตาที่ใสระยับ
แม้ว่าภายหลังรอยยิ้มของเขาจะสดใสมากเพียงใด ทว่ากลับไม่อาจลบล้าง ภาพดวงตาเยือกเย็นคู่นั้นที่ทอดมองมา ท่ามกลางป่าก่วมสีแดงที่พบกันครั้งแรกได้
เป็นนางที่ดึงเขามาเกี่ยวพันกับเรื่องราวทั้งหมด จมดิ่งลึกในความวุ่นวาย
เป็นนาง…
ที่ทำให้เขาตกสู่อันตรายหลายต่อหลายครั้ง ประสบความสำเร็จจนใต้หล้าไร้เทียบเทียม ทั้งยังแลกมาด้วยกับการที่เขาไม่อาจเป็นตัวของตัวเองได้
ฉู่สวินหยางขบริมฝีปากแน่น ยืนนิ่งอยู่เบื้องล่างธารน้ำตกนั้นอยู่พักใหญ่ ขณะที่กำลังรอเชินหลานกางร่มเดินนำผู้เฒ่าเหยียนหลิงออกมา ขนตายาวของนางก็ได้ถูกละอองน้ำที่ปลิวมา เกาะเป็นหยดน้ำเล็กๆ เมื่อกระพริบตา ก็พากันกระเด็นกระจัดกระจายกันออกไป
หนวดของผู้เฒ่าเหยียนหลิงตวัดขึ้นสูง แสดงท่าทีที่ไม่ยินดีนัก มองนางด้วยความเคืองโกรธ ก่อนจะตะเบ็งขึ้น “เจ้าหนูนี้มีเรื่องอันใดอีก? ไม่ใช่บอกเจ้าไปแล้วหรือว่า…”
“ข้าจะไม่มาที่นี่อีกแล้ว!” ฉู่สวินหยางไม่รอให้เขาได้พูดจบก็กล่าวตัดบทเขาอย่างเรียบนิ่งขึ้นมาก่อน
ผู้เฒ่าเหยียนหลิงตะลึงไปชั่วครู่ ขมวดคิ้วแลตามองนางอย่างพินิจ ในใจแฝงไปด้วยความสงสัย ผ่านไปสักพักก็ไม่กล่าวอันใดออกมา
“ท่านไม่จำเป็นต้องรั้งอยู่ต้อนรับข้าที่นี่ให้เปลืองแรง ในเมื่อเขากลับเมืองหลวงไปแล้ว ท่านก็ตามไปดูแลเขาดีกว่าเถิด!” ฉู่สวินหยางกล่าว ในน้ำเสียงเผยท่าทีเงียบเชียบอย่างเช่นเคย “หากว่าได้พบเขา รบกวนท่านบอกเขาแทนข้าหน่อยว่า ข้าจะอยู่ที่ซีเยว่รอเขา!”
เมื่อพูดจบ ฉู่สวินหยางก็ไม่รั้งอยู่ที่นี่นานอีก หมุนกายเดินไปยังทางที่ทิ้งม้าไว้ไม่ไกล
ผู้เฒ่าเหยียนหลิงจ้องมองแผ่นหลังนางด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาด
เชินหลานอยู่ด้านข้าง หลังจากที่เม้มปากเป็นเวลานาน ท้ายที่สุดก็อดไม่ไหว วิ่งไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วแล้วจับข้อมือฉู่สวินหยางไว้ก่อนที่นางจะกระโดดขึ้นม้า แม้น้ำเสียงจะทุ้มต่ำทว่ากลับกล่าวด้วยความหนักแน่นเป็นอย่างยิ่ง “ท่านหญิง ท่านอย่าได้กังวล ฝีมือการแพทย์ของท่านหุบเขาปีศาจเป็นหนึ่งในใต้หล้า เขาย่อมรักษาอาการของท่านชายได้อย่างแน่นอน!”
ฉู่สวินหยางเม้มริมฝีปากแน่น ผ่านไปพักใหญ่ก็ไม่ปริปากพูดอันใด
เชินหลานเห็นแววตาของนางมีความรู้สึกที่ลึกล้ำซ่อนไว้ภายในใจ จึงอดไม่ไหวสะอื้นขึ้นมา ดึงแขนเสื้อของนาง ทั้งกล่าวอย่างสั่นเครือ “ท่านหญิง…”
“เขา…” ฉู่สวินหยางเผยยิ้มขึ้น กลับไม่ได้หันไปมองนาง เพียงแค่ปิดเปลือกตาลงอย่างแผ่วเบา ยิ้มอย่างปวดใจ พึมพำออกมา “บาดเจ็บหนักหรือไม่?”
นางหลุดพูดแผ่วเบาออกมาไม่กี่คำ กลับแฝงไปด้วยความหนักอึ้งและสั่นเครืออยู่บ้าง
วันนั้นหลังจากที่อิ้งจื่อและเจี๋ยหงพบตัวเหยียนหลิงจวินที่แม่น้ำผานหลง ก็นำตัวเขากลับมายังหุบเขาเพลิงอัคคีทันที ภายหลังฉู่สวินหยางทราบข่าวเร่งตามมาก็ล้วนถูกเหยียนหลิงโซ่วขวางประตูไว้ กล่าวว่าเหยียนหลิงจวินได้รับบาดเจ็บจนไร้สติ จำเป็นต้องฟื้นคืนร่างกายอย่างเงียบเชียบ จึงไม่ยอมให้นางได้พบ
ผู้เฒ่าคนนี้ไม่ค่อยเป็นมิตร ทั้งยังเป็นผู้อาวุโสที่เหยียนหลิงจวินเคารพนับถือมากที่สุด ฉู่สวินหยางไม่อาจทำให้เขาลำบากใจได้ จึงรออยู่ที่นี่มาสองวันติดกันแล้ว
ผู้เฒ่าคนนี้แท้จริงก็ถูกนางบีบจนเหลือทนแล้ว
ความจริงเหยียนหลิงจวินยังอยากรั้งเขาไว้ให้คอยรับมือกับเจ้าเด็กดื้อด้านคนนี้ ดังนั้นในใจเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ก่อนหน้านี้ผู้เฒ่าเหยียนหลิงพูดว่าเหยียนหลิงจวินไม่ได้สติ ฉู่สวินหยางก็ไม่บังคับถามอะไรจากเขา เชินหลานจึงคิดว่านางเชื่อมั่นว่าเป็นเช่นนั้นมาโดยตลอด เวลานี้ได้ยินนางพูดเช่นนี้จึงนิ่งอึ้งไปชั่วครู่
เชินหลานมัวแต่ตกตะลึง ไม่ทันที่จะคิดดีว่าควรจะตอบอย่างไร ฉู่สวินหยางก็คล้ายกับไม่คาดหวังคำตอบจากนาง พลิกกายขึ้นม้า ตะเบ็งเสียง ก่อนจะฟาดแส้ม้าออกไปโดยไม่หันกลับไปมอง
ม้าวิ่งทะยานออกไป แหวกเอาผืนหญ้าลู่ลมเป็นทาง
ผู้เฒ่าเหยียนหลิงรวบรวมสติที่แตกกระจัดกระจายกลับคืนมา หมุนดวงตาไปมารอบๆ สองครั้ง ท่าทีก็ยิ่งดูพิลึกขึ้นมา
“นายท่าน…” เชินหลานเดินกลับมาอยู่ข้างกายของเขา “ดูเหมือนว่าท่านหญิง นางจะ…”
“ท่านยง ท่านหญิงอะไรกัน ไปจัดเก็บสัมภาระ ตามข้าไปตามหาเจ้าลูกหมานั่นเดี๋ยวนี้!” ผู้เฒ่าเหยียนหลิงเบิกตามองนาง ไม่รอให้เชินหลานได้กางร่มให้เขา ก็หมุนกายเดินเข้าไปยังด้านหลังกำแพงน้ำตกอย่างรวดเร็ว
ฉู่สวินหยางตั้งแต่ขึ้นม้ามาก็ควบม้าต่อเนื่องกันอย่างไม่หยุดหย่อน ออกมาจากหุบเขาแล้ว ก็ย้อนกลับทางเดิมเพื่อไปยังค่ายทหาร
แท้จริงแล้วตอนที่ผู้เฒ่าเหยียนหลิงออกหน้าพูดกับนางว่าเหยียนหลิงจวินสลบไม่ได้สติ นางก็เชื่อตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว อย่างไรเสียเขาก็เป็นอาจารย์ของเหยียนหลิงจวิน ย่อมจะตัดสินใจอย่างดีที่สุดเพื่อเขาอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ไม่ว่าจะพูดอย่างไร นางก็เป็นคนดึงเหยียนหลิงจวินมาติดร่างแห เผชิญอันตรายกับศัตรู ท่าทีเย็นชาของผู้เฒ่าเหยียนหลิงที่มองนางเหมือนเป็นคนผิดนั้นแทบจะใช้หลอกนางได้สำเร็จ
แม้ว่าในใจจะมีความสงสัยอยู่เล็กน้อย นางก็ยอมหลอกตัวเอง เพื่อไม่ให้ตัวนางเองต้องคิดมาก
จนกระทั่งเมื่อวานเจี๋ยหงมัดตัวองค์ชายหกหนานฮวากลับมา นางจึงจำต้องเผชิญหน้ากับปัญหาอย่างตรงๆ…
ความคิดที่เจี๋ยหงพูดเป็นความคิดของอิ้งจื่อ และอิ้งจื่อเพิ่งจะล่วงรู้ทางลับที่ริมหน้าผานั้น หากจะพูดตามหลักการแล้วก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่หากพูดจากฝีมือและสติปัญญาของอิ้งจื่อและเจี๋ยหง พวกนางสามารถทำเรื่องเช่นนี้ออกมาได้ก็ไม่นับว่าแปลกอันใด เพียงแค่…
ผู้ที่พวกนางลักพาตัวมากลับเป็นเชื้อพระองค์ของโอรสสวรรค์ องค์ชายแห่งแคว้นหนานฮวาผู้หนึ่ง!
การตัดสินใจเช่นนี้ ทั้งสองคนย่อมไม่อาจลงมือทำตามใจชอบเองได้
ดังนั้น นี่ก็มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียว…
ผู้ที่บงการอยู่เบื้องหลังพวกนางก็คือเหยียนหลิงจวิน
เขารู้จักนางดีเกินไป กลัวเสียแต่ว่าหลังจากที่เขารู้ว่านางได้นัดพบองค์รัชทายาทหนานฮวาแล้วครั้งหนึ่ง ก็คงจะคาดการณ์ถึงแผนการต่อไปของนางได้เป็นแน่
อยากจะล้มทัพหนานฮวา วิธีที่ได้ผลที่สุดก็ไม่มีอะไรจะดีไปกว่านี้ได้แล้ว
เขาไม่อยากให้นางเสี่ยงอันตราย เข้าไปแทรกซึมค่ายทหารหนานฮวา ดังนั้นจึงชิงลงมือก่อนนาง สั่งการให้อิ้งจื่อและเจี๋ยหงไปทำ
เมื่อเขาฟื้นขึ้นมา หรือจะพูดว่าผู้เฒ่าเหยียนหลิงจวินนั้นหลอกนางตั้งแต่แรก
กล่าวว่าเขาไม่ได้สติ ใช้ผู้เฒ่าเหยียนหลิงคอยกันท่าเพื่อไม่ยอมให้นางได้พบเจอ เดิมทีแล้วอาจเป็นความต้องการของเหยียนหลิงจวินเอง
เขาไม่ยอมพบนาง แต่กลับคอยวางแผนให้นางอยู่ทุกหนทุกแห่ง
เขาให้เจี๋ยหงนำตัวองค์ชายหกแห่งหนานฮวามาพบนาง กลับไม่ยอมโผล่หน้ามา เช่นนี้จะเข้าใจได้ว่าอะไร?
เรื่องราวที่ทั้งสองคนพบเจออันตรายครั้งนี้ต้องไม่ใช่แค่เรื่องบังเอิญ ขณะเดียวกันแคว้นหนานฮวาย่อมต้องมีการเคลื่อนไหวแปลกประหลาด ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาจึงจำต้องกลับแคว้นไปจัดการ
แทบที่จะไม่ต้องคิด ฉู่สวินหยางก็รู้แล้วว่า…
เขาย่อมต้องบาดเจ็บสาหัส เพราะว่าไม่อยากให้นางเห็นสภาพยามนี้ของเขา ไม่อยากให้นางต้องมีโทสะเพราะเรื่องนี้ ทั้งไม่อยากให้นางขวางการเดินทางของเขา ดังนั้นจึงให้ผู้เฒ่าเหยียนหลิงช่วยปกปิด เพียงแค่ตอบไปว่าเขาไม่ได้สติ เพราะคาดไว้แล้วว่า หากเป็นผู้เฒ่าเหยียนหลิงออกหน้าพูด นางย่อมต้องยอมฟังอย่างแน่นอน
——————————