ตอนที่ 184 การลงโทษของเซิ่งอี่เจ๋อ (2) / ตอนที่ 185 การลงโทษของเซิ่งอี่เจ๋อ (3)

ยัยจอมกวนป่วนหัวใจนายไอดอล

ตอนที่ 184 การลงโทษของเซิ่งอี่เจ๋อ (2) 

 

 

“ลงโทษเหรอ” อันซย่าซย่าทวนคำถาม แล้วเธอก็เพิ่งนึกได้  

 

 

อุ้ยตายแล้ว! เขาคงไม่ได้พูดถึงเรื่องแฟนฟิกชันหรอกนะ 

 

 

เธอย่องหลบไปอีกทางหนึ่ง พยายามหาช่องจะที่หนีเอาตัวรอด 

 

 

“ขืนขยับอีก ฉันจะหักขาเธอซะ” เซิ่งอี่เจ๋อแกล้งข่มขวัญเธอด้วยใบหน้าเฉยเมย  

 

 

หญิงสาวนั่งลงทันทีพลางเล่นบทเด็กสาวผู้เรียบร้อย  

 

 

“ทีนี้ ฉันจะลงโทษเธอยังไงดี” เซิ่งอี่เจ๋อไขว่ห้างพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเอื่อยๆ ดวงตากะพริบวิบวับด้วยแววตาหยอกล้อเล่น  

 

 

อันซย่าซย่าชี้นิ้วใส่ตัวเองอย่างไม่เชื่อ “นายจะให้ฉันตัดสินโทษของตัวเองเหรอ”  

 

 

หืม…หมอนี่ช่างร้ายกาจ! 

 

 

“ช่าย หรือจะให้ฉันเลือก” เขาดูท่าทางใจเย็นเป็นที่สุด  

 

 

อันซย่าซย่าร้องคร่ำครวญพลางบิดนิ้วไปมา “อันที่จริง ฉันแค่เป็นคนคิดโครงเรื่องเท่านั้น แล้วมันก็มีแต่ฉากซึ้งๆ … ฉันไม่ได้รับหน้าที่วาดรูป ดังนั้นอย่างมากฉันก็เป็นแค่ผู้สมรู้ร่วมคิด ไม่ใช่ว่าฉันไปก่อคดีที่มีโทษถึงตายเสียหน่อย บอสอี่เจ๋อคะ ได้โปรดเมตตาและให้อภัยฉันเถอะ น้า~” 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อชอบเสียงลงท้าย “น้า” นั้นมาก แต่อย่างไรก็ตาม เขาพยายามตั้งใจจะหยอกล้อแม่สาวน้อยเล่นต่อไป ชายหนุ่มส่ายหน้า สีหน้าจริงจังที่สุด “ไม่ได้ เธอละเมิดสิทธิ์ในชื่อเสียงและรูปภาพของฉัน และฉันต้องจัดการให้ถึงที่สุด!” 

 

 

อันซย่าซย่าเกาะแขนเขาแล้วเขย่าเบาๆ จากนั้นก็ส่งสายตาไร้เดียงสาสุดชีวิต ด้วยดวงตาที่ดูจริงใจใสซื่อหวังว่าจะเปลี่ยนใจเขาได้ 

 

 

ใจเขาอ่อนละลายกับท่าทางของเธอ แต่ก็ยังพยายามรักษาสีหน้าไร้อารมณ์เอาไว้ 

 

 

“ถ้างั้น… นายจะลงโทษฉันยังไงดีเหรอ” อันซย่าซย่าก้มหน้าคอตกเหมือนเด็กนักเรียนประถมที่ถูกจับได้ว่าไปเล่นซนมา 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อยิ้มน้อยๆ ก่อนเรียกเธอเข้ามาหาด้วยนิ้วชี้ “มานี่” 

 

 

หญิงสาวขยับเข้าไปข้างเขาโดยไม่นึกสงสัยเลยสักนิด 

 

 

ตอนนี้ทั้งสองยืนอยู่หน้ากระจก ซึ่งสะท้อนให้เห็นภาพของหนุ่มวัยรุ่นซึ่งหล่อเหลาท่าทางใจเย็นกับเด็กสาวที่กำลังอยู่ในอาการกระสับกระส่าย 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อเชยคางเธอขึ้นพลางมองจ้องใบหน้าสวยงามน่ารักและดวงตากระจ่างใส อะไรบางอย่างกระตุกใจเขาแล้วจากนั้นริมฝีปากของเขาก็ประกบเข้าหาเธออย่างอ่อนโยน 

 

 

อันซย่าซย่าตกอยู่ในภวังค์ 

 

 

ภายนอกน้องนั้น หลีฝานซิงช็อกยิ่งกว่าช็อก! 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อจูบอันซย่าซย่าอย่างเต็มอกเต็มใจ! มันเป็นไปได้อย่างไร! 

 

 

ภายหลังเพลิดเพลินกับริมฝีปากนุ่มละมุนของเธอเป็นครู่ อยู่ๆ เซิ่งอี่เจ๋อก็กัดเธอ พอหญิงสาวส่งเสียงประท้วงด้วยความเจ็บ เขาก็บังคับให้เธอเปิดปากเพื่อเน้นจูบหนักหน่วงขึ้น 

 

 

มันเป็นจูบที่เนิ่นนานและเย้ายวนใจ 

 

 

อันซย่าซย่าตื่นตกใจจนแทบร้องไห้ เธอพยายามผลักร่างเซิ่งอี่เจ๋อออกห่างด้วยมือข้างที่บวมช้ำ แต่ก็ต้องส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดเมื่อสัมผัสกับแผ่นอกที่แข็งแรงของเขา เธออยากจะรั้งมือกลับในทันที 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อดูเหมือนจะสัมผัสความรู้สึกนั้นได้ เขาจับมือเล็กๆ ของเธอไว้ในอุ้งมือขณะที่ดันร่างไปข้างหน้าด้วยจูบของเขา 

 

 

อันซย่าซย่าถูกดันกลับไปชนเก้าอี้ และเมื่อเธอเหลือบตาขึ้นมองก็เห็นภาพของร่างสองร่างซึ่งกำลังจูบกันดูดดื่มในกระจก 

 

 

ผู้หญิงที่กำลังหน้าแดงและท่าทางเหมือนกำลังฝันคนนั้นคือเธอจริงๆ หรือ 

 

 

ชายหนุ่มไม่พอใจกับอาการเหม่อลอยของเธอ จึงกัดเบาๆ อีกครั้ง นั่นทำให้อันซย่าซย่าได้สติพลางพูดพึมพำ “เซิ่งอี่เจ๋อ… ปล่อย-ปล่อยฉัน” 

 

 

การขยับตัวของเขาเกือบจะเรียกได้ว่าหยาบคาย ซึ่งดูเหมือนจะต้องการบอกเธอว่า “ไม่มีทาง” 

 

 

หญิงสาวอยากร้องไห้ เธอต้องขาดใจตายแน่ๆ ถ้าเขาไม่หยุดในสิ่งที่เขากำลังทำอยู่! 

 

 

หลีฝานซิงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดจากด้านนอก อารมณ์นับร้อยนับพันแล่นผ่านใบหน้าของหล่อน ในที่สุดก็ลงเอยด้วยสีหน้ามืดทะมึนราวกับท้องฟ้าที่กำลังเกิดพายุ 

 

 

หล่อนหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และแอบถ่ายรูปคู่รักซึ่งกำลังจูบกันอยู่อย่างเงียบเชียบ… 

 

 

ชายหนุ่มรูปหล่อผู้อยู่ภายในห้องดูเหมือนจะรู้สึกถึงอะไรบางอย่างได้ เขายุติสิ่งที่กำลังทำและมองกราดมายังทิศทางที่หล่อนอยู่ด้วยสายตาอันคมกริบพร้อมนิ่วหน้า 

 

 

หัวใจหล่อนแทบหยุดเต้น หลีฝานซิงกำโทรศัพท์มือถือไว้ในมือแล้วรีบหนีออกจากตรงนั้น 

 

 

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 185 การลงโทษของเซิ่งอี่เจ๋อ (3) 

 

 

คิ้วที่ขมวดและใบหน้าของเขาเย็นชาไร้อารมณ์ ต่อเมื่อเขาเบี่ยงสายตากลับมาที่อันซย่าซย่าเท่านั้นที่ใบหน้าของเขาดูอ่อนโยนลงเล็กน้อยอีกครั้ง  

 

 

“ฉันจะมีความสุขที่สุดในการพิจารณาทางเลือก ถ้าเธอต้องการให้ฉันรับผิดชอบสำหรับสิ่งที่ฉันทำกับเธอ…” รอยยิ้มบนใบหน้าของเซิ่งอี่เจ๋อเตือนให้นึกถึงจิ้งจอกจอมเจ้าเล่ห์ 

 

 

อันซย่าซย่ารู้สึกอยากจะร้องไห้มากกว่า “เซิ่งอี่เจ๋อ… แกล้งฉันเล่นจนสาแก่ใจหรือยัง! ไม่ ไม่ ไม่ นี่ไม่ใช่เรื่องจริง นี่ต้องเป็นความฝัน…” 

 

 

เธอไม่อยากจะยอมรับความจริง ว่าเซิ่งอี่เจ๋อเพิ่งขโมยจูบเธออีกแล้ว! 

 

 

ชายหนุ่มดูเหมือนจะสนอกสนใจในการตอบสนองของเธอและขยับเข้ามาใกล้ “ทำไมเธอถึงคิดว่ามันเป็นความฝันล่ะ อย่าบอกนะว่าเธอฝันทะลึ่งเรื่องระหว่างฉันกับเธอ ชิชะ อันซย่าซย่า ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าเธอจะเป็นคนแบบนี้…” 

 

 

หญิงสาวหน้าแดงและรีบแก้ตัว “เปล่านะ! ทำไมนายถึงได้จูบฉันล่ะ ถ้าหากมันไม่ใช่ความฝัน เซิ่งอี่เจ๋อคนลามก! ฮึ…ไม่แล้วนะ…” 

 

 

ก่อนที่จะทันได้พูดจบ เธอก็ถูกปิดปากด้วยจูบอีกครั้งหนึ่งของเขา 

 

 

“เธอจะว่ากล่าวฉันยังไงก็ตามสบาย แต่บอกก่อนนะว่าแต่ละครั้งต้องแลกกับจูบ” เขายิ้มด้วยรอยยิ้มที่ดูมีเสน่ห์ดึงดูดที่สุด “ฉันลงโทษเธอเพราะไม่ยอมทำตามคำสั่งฉัน” 

 

 

ในที่สุดเธอก็ตระหนักได้ว่า อ๋อ นี่เป็นการลงโทษ! 

 

 

โถ…กรรมตามทันไวจริงๆ 

 

 

“ฉันไม่ใช่แฟนของนายและนาย-นายจะจูบฉันไม่ได้! เซิ่งอี่เจ๋อ…นายต้องขอโทษฉัน!” หญิงสาวพูดจาตะกุกตะกัก ซึ่งทำให้เซิ่งอี่เจ๋อหรี่ตาอันเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ของเขา “อ๋อ อยากโดนจูบอีก” 

 

 

อันซย่าซย่าปิดปากทันทีพลางมองจ้องเซิ่งอี่เจ๋อตาไม่กะพริบ 

 

 

“มีอะไรจะพูดอีกไหม” 

 

 

อันซย่าซย่าส่ายหน้าอย่างไม่เต็มใจ 

 

 

“ไม่มีอะไรโต้แย้งแล้ว” 

 

 

เธอส่ายหน้าอย่างไม่เต็มใจอีกครั้ง 

 

 

“ดี” เซิ่งอี่เจ๋อยิ้มอย่างพอใจ 

 

 

สนุกจริงๆ ที่ได้แกล้งหยอกยัยจิ๋วจอมบื้อ 

 

 

ว่าแต่ว่า ยัยจิ๋วนี่จะไม่รู้เรื่องรู้ราวถึงขั้นช่วยคนที่ลักพาตัวตัวเองนับเงินค่าไถ่ตัวเองด้วยไหมนะ 

 

 

อืม เขาคงต้องคอยเปิดหูเปิดตาดูเธอเอาไว้เสียแล้ว พร้อมกับสอนเธอให้คอยระวังตัวจากพวกคนไม่ดี… 

 

 

ความเป็นไปได้ทุกประเภทแล่นเข้ามาในหัวเขา ซึ่งอันซย่าซย่าไม่ได้รู้อะไรด้วยเลย 

 

 

ถ้าเธอรู้ว่าเซิ่งอี่เจ๋อกำลังคิดอะไรอยู่บ้างละก็ เธอคงจะกระแนะกระแหนเขาแทนแล้วว่า : คนที่ฉันต้องระวังน่ะคือนายต่างหาก… 

 

 

หลังจากวันที่ยุ่งวุ่นวาย การถ่ายซ่อมทั้งหมดก็เสร็จสิ้นลง เมื่อทั้งสองกลับถึงบ้านมันก็ดึกแล้ว และเป็นเวลาอาหารค่ำพอดี 

 

 

วันนี้ทั้งวัน อันซย่าซย่าไม่ได้กินอะไรมากนัก เธอชะโงกมองดูจานกับข้าวด้วยดวงตาอันเป็นประกาย 

 

 

อันอี้เป่ยหัวเราะกับมารยาทบนโต๊ะอาหารของเธอตามนิสัยปกติ จากนั้นอยู่ๆ ก็เอ่ยถามขึ้น “ซย่าซย่า เป็นอะไรหรือเปล่า” 

 

 

“เปล่า” หญิงสาวตอบระหว่างที่สวาปามกับข้าวเข้าไป 

 

 

“แล้วทำไมปากดูแดงๆ อย่างนั้นล่ะ ดูบวมเจ่อเชียว…” อันอี่เป่ยขมวดคิ้ว 

 

 

อันซย่าซย่าชะงัก มือของเซิ่งอี่เจ๋อที่กำลังถือตะเกียบก็ชะงักไปเช่นกัน 

 

 

“อ๋อ ฮ่าๆ หนูคิดว่ามันน่าจะเห่อๆ น่ะ ช่วงนี้กินแต่ของเผ็ดๆ มากไปหน่อย…” อันซย่าซย่าฉีกยิ้มแห้งๆ และแอบเตะเซิ่งอี่เจ๋อใต้โต๊ะ 

 

 

เซิ่งอี่เจ๋อเพียงแค่เบะปาก ท่าทางไม่สนใจอะไรเลย แต่ในที่สุดเขาก็ไม่อาจกลั้นรอยยิ้มเอาไว้ได้ 

 

 

วันต่อมา 

 

 

ระหว่างการประชุมภายในห้องเรียน ไป่จือเย่ว์ครูประจำชั้นก็แจ้งให้ทราบเรื่องสัพเพเหระต่างๆ ก่อนที่จะเปลี่ยนหัวข้อ “ครูรู้ ว่าพวกเราส่วนใหญ่ไม่ค่อยพอใจฉีเหยียนซีนัก แต่เขาลาป่วยไปหลายวันแล้ว ในฐานะครู ครูก็มีปัญหาเกี่ยวกับการรับมือพฤติกรรมดื้อรั้นและความเอาแน่เอานอนไม่ได้ของเขาเหมือนกัน แต่การไม่ชอบเขาก็ไม่เกี่ยวกัน ดังนั้นครูจึงคิดว่าพวกเราควรแสดงความเป็นห่วงเขาบ้าง” 

 

 

เสียงร้องโห่ดังไปทั่วท้อง 

 

 

“ครูคิดว่าพวกเราควรจะส่งตัวแทนห้องสองคนเพื่อไปเยี่ยมเขา มีใครอาสาบ้างไหม ยกมือเลยจ้ะ”