“พวกเจ้าเพิ่งจะคิดได้รึว่าต้องหนี จะหนีตอนนี้มันไม่สายไปหน่อยรึ ?” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเย็นเยียบ
ทันใดนั้นราชาแห่งภูตทั้งสองก็รู้สึกว่าร่างของตัวเองแข็งทื่อจนไม่สามารถขยับได้ และจ้องมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความประหลาดใจอย่างยิ่งยวด
พิษ…
“พวกข้าโดนพิษ แต่พวกข้าใช้พลังวิญญาณไปไม่น้อยเพื่อที่จะควบคุมพิษ อีกอย่าง พวกข้าก็กินยาแก้พิษเข้าไปแล้ว”
“ฮ่า ๆ ๆ น่าขันนัก หากให้พวกเจ้าควบคุมพิษได้ นั่นก็ไม่ใช่ข้า!”
ปลายกระบี่มังกรเพลิงขยับเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ามันพร้อมจะลงมือแล้ว มู่เฉียนซียกมือขึ้นและกล่าวว่า “เจ้าลงมือเองเถอะ”
— ขวับ! —
กระบี่มังกรเพลิงพุ่งออกมาในทันที มันได้จัดการสังหารสองคนตรงหน้าอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ส่งเสียงโหยหวนไม่พอใจออกมา
กระบี่มังกรเพลิงเป็นกระบี่ที่แปลกประหลาดอย่างมาก แต่ระหว่างมันและมู่เฉียนซีนั้นมีพันธสัญญาต่อกัน และต่อให้มันจะแปลกประหลาดสักเพียงใด ก็ไม่มีวันทำร้ายนางเป็นอันขาด
หลังจากที่สังหารสามคนกลุ่มแรกเสร็จสิ้นแล้ว มู่เฉียนซีไม่ได้ทำลายซากศพแต่อย่างใด นางจงใจทิ้งร่องรอยเอาไว้และออกไปจากตรงนั้นทันที
เมื่อหลางเทียนได้ตามมาเจอยังที่แห่งนี้ ก็ได้พบกับศพลูกน้องของตนเองสามศพนอนสิ้นลมหายใจอยู่ เขาโกรธแทบคลั่ง ผู้แข็งแกร่งระดับราชาเป็นสมบัติที่ล้ำค่าของกลุ่มนักผจญภัยหลางเทียน แต่ทั้งสามคนกลับโดนสังหารไปเสียสิ้น
“มู่ซี! ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตาย เจ้าต้องตาย!!!”
ในเวลานี้นั้นหลางเทียนโกรธจนไม่ลืมหูลืมตา แม้กระทั่งเหล่าผู้ใต้บัญชาที่ได้แบ่งกลุ่มออกไป เขาก็ไม่ได้เรียกมารวมตัว เขาเร่งตามรอยมู่เฉียนซีไปอย่างบ้าคลั่งเพียงลำพัง
เทือกเขาชีชงนั้นกว้างใหญ่ไพศาลมาก มู่เฉียนซีหนีไปไกลพอสมควรแล้ว ถึงแม้หลางเทียนผู้มีพลังระดับราชา หากเขาคิดจะตามหามู่เฉียนซีให้เจอนั้นก็ยังนับว่าเป็นเรื่องยากมาก
เขาโกรธจนแทบเสียสติกับการตามหามู่เฉียนซีในเทือกเขาชีชงแห่งนี้ ในขณะที่เวลานี้มู่เฉียนซีกำลังจะเข้าใกล้กลุ่มคนใต้บัญชากลุ่มที่สองของเขาอย่างเงียบ ๆ
ครานี้ มู่เฉียนซีเลือกที่จะลอบโจมตีราวกับยมทูตที่ลอบเข้ามาคร่าชีวิตของพวกเขาไปอย่างลับ ๆ โดยที่ต้นไม้บริเวณรอบ ๆ เป็นเครื่องมือในการซ่อนตัวที่ดีที่สุด
เข็มยาเข็มหนึ่งพุ่งออกไปอย่างไร้ซึ่งเสียง เมื่อพวกเขารู้สึกได้ว่ามีอันตรายเข้ามาใกล้ตัวนั้นก็สายเกินไปเสียแล้ว
— ฟึ่บ! —
คนที่มีปฏิกิริยาตอบสนองช้าที่สุดถูกเข็มยาของมู่เฉียนซีปักเข้าไปในทันที ส่วนอีกสองคนสีหน้าพลันแปรเปลี่ยนไป พลังวิญญาณราชาแห่งภูตระเบิดแผ่ซ่านออกมา พุ่งไปที่ต้นไม้ในบริเวณรอบ ๆ
— ตูม! ตูม! ตูม! —
“มู่ซี มัวแต่ทำลับ ๆ ล่อ ๆ เจ้ามันหน้าเนื้อใจเสือเกินไปแล้ว”
ร่างบางกระโดดลอยออกมาพร้อมกับกระบวนท่าที่หนึ่ง “โล่มังกรวารี!”
“บุปผาหลั่งสายฝน!”
“วารีสะท้านสวรรค์!”
นางโจมตีสามกระบวนท่าติดต่อกัน ทว่าสำหรับราชาแห่งภูตแล้วนั้น ไม่ได้สร้างความบาดเจ็บใด ๆ เลย พวกเขาหัวเราะเย้ยหยัน “มู่ซี เจ้าต้องยอมรับความเป็นจริงว่าเจ้าก็เป็นเพียงแค่ปรมาจารย์ภูตกระจอก ๆ เท่านั้น”
“การโจมตีเหล่านี้ของเจ้า สำหรับพลังวิญญาณระดับราชาอย่างพวกข้า มันก็ไม่ต่างอะไรกับเม็ดฝนเล็ก ๆ ช่างน่าขายหน้านัก!”
“จริงรึ ?” มู่เฉียนซียกยิ้มมุมปาก พลันปล่อยเข็มยาหลายสิบเล่มพุ่งออกไปราวกับห่าลูกธนูขนาดจิ๋ว
“ชะช้า! อาวุธลับเหล่านี้ทำอะไรพวกข้าไม่ได้หรอกจะบอกให้” หนึ่งในพวกเขากล่าวอย่างยโส ทันใดนั้นพลังวิญญาณระดับราชาระเบิดแผ่ซ่านออกมาเพื่อปกป้องร่างของตัวเอง
ถึงแม้ว่าสหายร่วมกลุ่มของทั้งสองจะตายไปแล้วคนหนึ่ง แต่มู่เฉียนซีผู้เป็นปรมาจารย์ภูตก็ไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเขาเลย บริเวณรอบ ๆ พลันเปลี่ยนกลาย มีกลิ่นอายเย็นยะเยือกแผ่เป็นวงกว้างแทบจะทั่วบริเวณ
เสียงตะโกนอย่างเย็นชาดังขึ้น “มังกรวารีพิฆาต!”
ความหนาวเหน็บพัดเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เพียงแค่นี้ยังหนาวไม่พออีกรึ ?!
กระบี่มังกรเพลิงตกลงมาตัดผ่านอากาศ “เหยียนหลงพิฆาต!”
ความร้อนของกระบี่ตัดผ่านอากาศ ความหนาวเหน็บโจมตีราชาแห่งภูตทั้งสองจนกระเด็นลอยออกไป
“เจ้า…” ใบหน้าของพวกเขาเต็มไปด้วยความหวาดผวา ร่างมู่เฉียนซีกระโจนเข้าใส่คนหนึ่ง กระบี่มังกรเพลิงแทงทะลุหัวใจและได้กลืนกินวิญญาณของเขาไปในทันที
ส่วนอีกคนที่เหลืออยู่สีหน้าซีดเผือดด้วยความตกใจ
“พรวด!”
เขากระอักเลือดออกมา จากนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “อย่าข้าฆ่าเลย ไว้ชีวิตข้าด้วย จะให้ข้าทำสิ่งใดข้าก็ยอม”
ผู้นำกลุ่มของพวกเขาทำผิดไปแล้ว พวกเขาก็ทำผิดไปแล้ว… เจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้ไม่ง่ายที่จะรับมือ
พลังวิญญาณอย่างปรมาจารย์ภูต ถึงอย่างไรก็ไม่มีทางที่จะต่อสู้ชนะราชาแห่งภูตได้ แต่วันนี้พวกเขาได้เจอเรื่องที่วิปริตอย่างมาก ปรมาจารย์ภูตรับมือกับราชาแห่งภูตได้ อีกทั้งยังเอาชนะได้
มู่เฉียนซีกระซิบเบา ๆ ว่า “เจ้าไม่อยากตายงั้นรึ ? ต่อให้ข้ายอม เหยียนหลงคงไม่ยอมแน่”
ในที่สุดเหยียนลงก็ลงมือพุ่งเข้าหาเขาเองเพื่อตอบสนองความละโมบของตัวมันเอง
เสียงอู้อี้ดังออกมา เขาไม่กล้าล้มลงไปกับพื้น ครั้นแล้วกระบี่มังกรเพลิงก็พุ่งกลับมาอยู่ในมือของมู่เฉียนซีราวกับว่าคนผู้นี้ไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะเป็นอาหารของมัน
มู่เฉียนซีรู้สึกว่ายิ่งกระบี่มังกรเพลิงกลืนกินวิญญาณมากเท่าไหร่ มันก็มีสติปัญญาและไหวพริบที่ดีมากขึ้นเท่านั้น เพียงแต่กระบี่เล่มนี้ไม่ใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ และไม่มีวิญญาณอาวุธแต่อย่างใด
นางเอากระบี่มังกรเพลิงแกะสลักหินที่อยู่ข้าง ๆ ทิ้งประโยคเอาไว้ว่า “หลางเทียน อย่ารีบไปเลย เจ้าต้องเป็นคนสุดท้ายอย่างแน่นอน”
จากนั้นร่างนางกะพริบและอันตรธานไปทันที
“อ๊าก!”
โดนจัดการไปอีกสามคน ในตอนที่หลางเทียนมาถึงนั้น เขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ อีกทั้งเมื่อเหลือบไปเห็นข้อความบนหินนั้นก็แทบจะบ้าคลั่งต้องการจะทำลายล้างรอบ ๆ ไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น
ในตอนนี้เจ้าบ้า หรือเจ้าหนุ่มชุดเทาผู้ที่เงียบมาตลอดก็ปริปากเปล่งเสียงขึ้น “กลับไปเถอะ เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมัน”
— ผัวะ! —
หลางเทียนต่อยเขาด้วยหมัดอย่างแรงก่อนจะกล่าวด้วยความโกรธเคือง “บัดซบ! เจ้ามันไร้ประโยชน์นัก บังอาจบอกว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าเด็กบ้านั่นรึ ? ข้านี่แหละคู่ต่อสู้ของมันรู้ไว้เสียด้วย!”
“เจ้ามันสมควรตาย จะไปตายที่ไหนก็ไป!”
พลังวิญญาณราชาแห่งภูตแผ่ซ่านพุ่งตรงไปที่เจ้าหนุ่มชุดเทาอย่างบ้าคลั่ง เขาไม่หลบ ปล่อยให้หลางเทียนทุบตีอยู่อย่างนั้นจนร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด สุดท้ายล้มลงไปกับพื้น
ในที่สุดหลางเทียนก็สงบสติอารมณ์ลง เขาเตะเจ้าหนุ่มชุดเทาที่นอนอยู่บนพื้นอย่างแรง
“สมควรตาย ตายไปเสียก็ดี! ข้าเอาเจ้ามาก็เพื่อทำประโยชน์ให้ข้า แต่ยังไม่ทันได้ทำประโยชน์ให้ข้าก็ตายเสียแล้ว”
การฆ่ามู่ซี เขาไม่เคยคิดว่าจะได้ใช้ประโยชน์จากเจ้าหนุ่มชุดเทาผู้เป็นปรมาจารย์ภูตผู้นี้เลย ดังนั้นจะตายไปก็ช่างปะไร เขาไม่สนใจและออกไปจากตรงนี้ทันที
หลังจากที่หลางเทียนออกไปไม่นานนัก เจ้าหนุ่มชุดเทาที่นอนจมอยู่บนกองเลือดก็ขยับนิ้วเล็กน้อย กลุ่มนักผจญภัยหลางเทียนต้องการตามฆ่าคนเพื่อแย่งชิงสมบัติของล้ำค่า แต่คนที่ต้องกลายเป็นเหยื่อกลับเป็นพวกเขาเหล่าลูกน้อง
— ฟึ่บ! —
เข็มยาเข็มหนึ่งพุ่งตรงไปที่ขมับของราชายอดยุทธ์ผู้หนึ่ง และนี่ก็เป็นกลุ่มต่อมาที่นางจะจัดการ
พลังจิตของมู่เฉียนซีแผ่ซ่านออกไป นางพึมพำเบา ๆ “หลางเทียนกำลังไล่ตามมาทางนี้ กองกำลังของเขาเหลือเพียงกลุ่มนี้กลุ่มสุดท้ายแล้ว การไล่ล่าน่าเบื่อหน่ายกำลังจะจบลงแล้ว”
— วิ๊ง! —
กระบี่มังกรเพลิงกำลังต่อต้าน ดูเหมือนว่ามันยังไม่ต้องการให้จบเร็ว ๆ
มันยังกินไม่อิ่มเลย!
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกเล็กน้อย นางมองกระบี่มังกรเพลิงและกล่าวอย่างจนปัญญา “เจ้าตะกละ ข้ากลัวว่าจะเลี้ยงเจ้าไม่ไหวจริง ๆ เจ้าช่วยกินเหมือนปกติธรรมดาหน่อยได้หรือไม่ เหมือนชิงอิ่งอย่างไรเล่า กินแค่ยาวิญญาณ ไม่ว่าจะกินมากแค่ไหนข้าก็จะให้กินจนกว่าจะพอใจ”
ดูเหมือนว่าคงจะมีเพียงแค่มู่เฉียนซีเท่านั้นที่คิดเช่นนี้ เอายาวิญญาณมากินแทนข้าวนั้นคือเรื่องปกติของนาง
ทว่าแท้ที่จริงแล้วในสายตาของคนอื่นนั้น เหยียนหลงน่าจะเป็นปกติกว่าชิงอิ่ง ยาวิญญาณยากที่จะหลอมออกมาได้ในแต่ละครั้ง นักหลอมยาก็หาได้ยากมาก แต่การบังคับขู่เข็ญและการฆ่านั้นนับว่าเป็นเรื่องปกติสำหรับโลกใบนี้
หลังจากที่โดนมู่เฉียนซีต่อว่า เหยียนหลงก็สงบสติอารมณ์ลงไปไม่น้อย แต่ความรู้สึกปรารถนาของมันนั้น มู่เฉียนซีผู้เป็นเจ้านายของมันสามารถรับรู้ได้เป็นอย่างดี คิดว่ากระบี่มังกรเพลิงหากกินไม่อิ่มแล้วจะไม่หิวตายหรืออย่างไร
อีกอย่าง นางจะทำเฉกเช่นเดียวกันที่ทำกับชิงอิ่งก็ไม่ได้ เหตุใดถึงได้ชอบกินถึงเพียงนั้น ?
มู่เฉียนซีจนปัญญา
.