มู่เฉียนซี “พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดสัตว์วิญญาณถึงได้ออกอาละวาด แล้วเหตุใดสัตว์วิญญาณระดับสูงถึงได้วิ่งไปทางฝั่งพวกเจ้า ? พวกเจ้าคิดไม่ออกกันใช่ไหมเล่า ? พวกเจ้าคงคิดว่าน่าจะเป็นความโชคร้ายกระมัง”
นี่เป็นเรื่องที่หลางเทียนคิดอย่างไรก็คิดไม่ออก เขาจ้องมองใบหน้าเจ้าหนุ่มมู่ซีที่เขาแสนจะเกลียด
“เจ้า… เป็นฝีมือของเจ้ารึ ?”
มู่เฉียนซีพยักหน้า “ใช่ เป็นเพราะข้านำเอาผงพิษที่สามารถดึงดูดสัตว์วิญญาณให้บ้าคลั่งโรยไว้ที่กำแพงเมืองทางฝั่งพวกเจ้าอย่างไรเล่า ฮ่า ๆ ๆ”
ดวงตาของหลางเทียนแดงก่ำด้วยโทสะ “เจ้ารนหาที่ตายแล้ว!”
เขาเงื้อมือขึ้นจะโจมตีมู่เฉียนซีด้วยฝ่ามือ ทว่ามู่เฉียนซีรู้อยู่แล้วว่าเขาจะลงมือ นางหลบหลีกได้ทัน
— ตูม! —
หลังจากที่เสียงการโจมตีดังขึ้น เข็มยานับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาฮุยหลางที่ยืนอยู่ข้าง ๆ หลางเทียน
ความแข็งแกร่งของฮุยหลางนั้นไม่อาจเทียบกับพี่ใหญ่ของเขาได้ ฮุยหลางจึงไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีนี้ของมู่เฉียนซีได้
หลางเทียนละความสนใจที่จะฆ่ามู่เฉียนซี เขารีบโบกมือเพื่อปัดเข็มยาเหล่านั้นออกไปให้พ้นทาง “น้องรอง ระวัง!”
ถึงแม้ว่าเข็มยาเหล่านั้นจะถูกหลางเทียนสกัดกั้นออกไปได้ แต่มู่เฉียนซีก็โจมตีด้วยเข็มยาขนาดเล็กบาง ๆ ระลอกที่สองอย่างกะทันหัน เข็มยาเหล่านั้นพุ่งตรงไปที่ร่างของฮุยหลาง
“อ๊าก!”
เข็มยาขนาดเล็กนั้นปักเข้าร่างของฮุยหลางอย่างไม่ปรานี
หลางเทียนจะลงมือต่อสู้กับนาง เช่นนั้นนางไม่เกรงใจต่อน้องรองของเขาเป็นแน่ เข็มยาที่ปักเข้าร่างของฮุยหลางล้วนแต่มีพิษทั้งหมด เพียงแค่แฉลบโดนผิวหนังเพียงเล็กน้อย ฮุยหลางก็จะต้องตายด้วยพิษอย่างไม่ต้องสงสัย
— ตุบ! —
ร่างของฮุยหลางล้มลงไปกับพื้น ใบหน้าของเขาซีดเผือด และลมหายใจก็ค่อย ๆ อ่อนลงจนจางหายไป
“อ๊ากกกก! เจ้า ข้าจะฆ่าเจ้า!” ดวงตาหลางเทียนแดงก่ำ ทว่าเวลานี้มู่เฉียนซีได้ฝ่าวงล้อมของเขาและหลบหนีไปแล้ว
หลางเทียนกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว “พวกเจ้ามันเป็นพวกขยะ ช่างไร้ประโยชน์นัก คนคนเดียวกลับขวางเอาไว้ไม่ได้ รีบตามมันไป อย่าให้มันมีชีวิตรอดไปได้”
โดนแย่งชิงคุณงามความดีไป โดนตลบหลังอย่างน่าสังเวช น้องรองโดนเขาฆ่าสังหาร อีกทั้งบนตัวเขายังมีของล้ำค่าติดตัวอยู่ ไม่ว่าจะอยู่หนแห่งใด หลางเทียนก็ไม่มีวันปล่อยเจ้าหนุ่มบัดซบมู่ซีไปแน่นอน
สำหรับมู่เฉียนซีแล้ว หลางเทียนและพวกไม่อยู่ในสายตานาง พวกเขาไม่ถือว่าเป็นอันตรายต่อนางเลย นางเพียงแค่ให้อู๋ตี้และเสี่ยวหงออกมาจัดการก็สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
เพียงแต่เป้าหมายของนางที่มาเทือกเขาชีชงนี้ก็เพื่อจะฝึกฝนหาประสบการณ์ หากยังไม่ถึงที่สุด นางก็ไม่ต้องการที่จะสู้รบปรบมือกับศัตรู อีกอย่าง นางไม่ต้องการจะพึ่งพาสัตว์พันธสัญญาไปตลอดชีวิต
นางพยายามยั่วโมโหหลางเทียน ทำให้หลางเทียนตามไล่ล่านาง ให้นางกลายเป็นคนที่แข็งแกร่งขึ้นภายใต้การไล่ล่า เพื่อที่จะเริ่มต้นการต่อสู้ครั้งแรกในเทือกเขาชีชงแห่งนี้
มู่เฉียนซีกำลังหนี ส่วนทางด้านหลางเทียนก็ตามไล่ล่านางอย่างสุดชีวิต
หลางเทียนสาปแช่งด้วยความเคียดแค้น “เจ้าเด็กบัดซบ เร็วนัก เจ้าไปมุดหัวอยู่ที่ไหนออกมาเดี๋ยวนี้!”
“ท่านผู้นำกลุ่ม ในเมื่อเราไม่แน่ใจว่าเจ้าหนุ่มนั่นหนีไปทางไหน เช่นนั้นเราแยกกันตามหามันดีหรือไม่ ?”
“ใช่! อย่างไรมันก็เป็นเพียงแค่ปรมาจารย์ภูตระดับสอง ต่อให้มันมียาพิษ พวกเราก็ระวังตัวกันสักหน่อยก็น่าจะไม่เป็นอะไรแล้ว ราชาแห่งภูตของพวกเราฆ่ามันได้สบายอยู่แล้ว”
หลางเทียนรู้สึกเช่นกันว่าสิ่งที่พวกเขากล่าวนั้นก็มีเหตุผล หากรวมตัวกันเพื่อตามหาคนเพียงหนึ่งเดียว ไม่เพียงแต่จะหาไม่เจอ อีกทั้งยังดูไร้ประสิทธิภาพอย่างสิ้นเชิง
เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมาย ดังนั้นเขาจึงแบ่งกลุ่มแต่ละกลุ่มออกเป็นสามคนแยกให้ออกไปตามหา ส่วนตัวเองไปกับเจ้าบ้าชุดเทาสองคนเพื่อที่จะตามหา ‘มู่ซี’ ในเทือกเขาชีชงอันกว้างใหญ่แห่งนี้
ถึงอย่างไรนั้น พลังวิญญาณในการรับรู้ของมู่เฉียนซีก็แข็งแกร่งกว่าพวกเขามาก สิ่งที่พวกเขาไม่สามารถรู้สึกได้ นางรู้สึกได้
มู่เฉียนซีรับรู้ได้ว่าพลังอำนาจกระจัดกระจายอยู่ เกิดแสงประกายแห่งความยินดีวาบผ่านดวงตาของนาง สิ่งที่นางรอคอยอยู่พอดีนั่นก็คือการที่พวกเขาแยกกัน
ต่อให้นางมีพิษมากมายอยู่ในมือ ทว่าพลังวิญญาณของนางนั้นยังอ่อนด้อยกว่าพวกเขามาก การที่ต้องรับมือกับพลังระดับราชาแห่งภูตนับสิบกว่าคนพร้อมกันนั้นไม่ง่ายเลย
ทว่าตอนนี้… หึ ๆ ๆ พวกโง่งมกลุ่มนั้นแยกกันแล้ว การที่นางจะรับมือครั้งละสามคน มันช่างง่ายดายยิ่งนัก
ร่างบางพุ่งผ่านไปรวดเร็วราวกะพริบ มู่เฉียนซีเริ่มเข้าหาสามคนแรกที่อยู่ใกล้ตัวนางมากที่สุด
ทันทีที่เข้าไปใกล้ พวกเขาก็เห็นนาง หนึ่งคนในนั้นตะโกนขึ้นมา “นั่น มันอยู่ทางนั้น ตามมันไป!”
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
พวกเขาไล่ตามมู่เฉียนซีไปพักหนึ่ง ระยะทางก็ห่างจากกลุ่มอื่น ๆ มาพอสมควร ถึงแม้ว่าจะเกิดเสียงระเบิดดังขึ้น กลุ่มอื่น ๆ ก็คงจะไม่ได้ยิน
มู่เฉียนซีชะลอฝีเท้าลง และในที่สุดคนกลุ่มนี้ก็ตามนางทัน พวกเขากล่าวอย่างโหดร้ายในทันใด “เอ้า หนีซี่! เหตุใดจึงหยุดหนีเอาเสียแล้วเล่า ?”
“ฆ่าคนของหลางเทียนแล้วยังกล้าคิดหนีงั้นรึ ? หึ! คิดผิดแล้ว”
มู่เฉียนซีมองไปที่พวกเขา “พวกเจ้าจะตามข้าไปถึงกลางเทือกเขาชีชงเลยหรือไม่ล่ะ ? ต่อให้ข้าต้องตายก็ขอให้ข้าตายเป็นผีที่รู้ในสิ่งที่ข้าอยากรู้เถอะ”
“ท่านเจ้าเมืองมอบของล้ำค่าให้กับเจ้า ข้าไม่ยอมปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ แน่ ของสิ่งนั้นเดิมทีต้องเป็นของกลุ่มหลางเทียน ผู้ชนะการแข่งขันล่าสัตว์วิญญาณในครานี้เป็นกลุ่มนักผจญภัยหลางเทียน ไม่ใช่เจ้า!”
ท่านเจ้าเมืองมอบแผนที่ให้กับนางเป็นการส่วนตัว แต่ก็ไม่ได้หยุดความอยากได้ของกลุ่มนักผจญภัยหลางเทียนกลุ่มนี้เลย แต่จะว่าไป… การมาในครั้งนี้ของพวกเขาก็สามารถทำให้นางสนุกไปกับการเข้ามาในเทือกเขาชีชงนี้ได้ไม่น้อยเลย
“โล่มังกรวารี!”
หลังจากที่ได้ทักทายกันเสร็จ มู่เฉียนซีก็ลงมือทันที
มังกรวารีพุ่งออกไป ทว่าน่าเสียดายที่เมื่อมันต้องเผชิญกับระดับราชาผู้ทรงพลังสามคนเช่นนี้ จึงไม่ค่อยได้ผลสักเท่าไหร่นัก พวกเขากล่าวอย่างเหยียดหยามว่า “เป็นเพียงแค่ปรมาจารย์ภูตระดับสอง กล้าคิดลงมือกับพวกข้ารึ ?!”
กระบี่มังกรเพลิงถูกชักออกจากฝัก ขณะที่มู่เฉียนซีกล่าว “เหยียนหลงกระหายมากแล้ว ข้าต้องขอบใจพวกเจ้ามากที่มาเป็นอาหารให้กับเหยียนหลงของข้า”
มู่เฉียนซีรู้สึกว่ารอบตัวนางมีแต่คนตะกละ อู๋ตี้ก็ชอบที่จะแทะผลึกวิญญาณทุกวัน จวินโม่ซีก็ชอบกินของอร่อย ๆ ทุกวัน ส่วนกระบี่มังกรเพลิงก็ชอบและต้องการที่จะกลืนกินวิญญาณของผู้บำเพ็ญตบะอยู่ทุกเวลา
สำหรับกระบี่มังกรเพลิง ความแข็งแกร่งระดับราชาแห่งภูตนั้นไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่นัก วิญญาณระดับนี้มันน่ากลืนกินเป็นอย่างมากต่างหาก!
เปลวไฟสีแดงเข้มที่แผดเผาปรากฏขึ้น มู่เฉียนซีตะโกนอย่างเย็นชาว่า “เหยียนหลงพิฆาต!”
กระบี่มังกรเพลิงโจมตีรุนแรงอย่างยากที่ผู้ใดจะต้านทานเอาไว้ได้ พวกเขาเป็นเพียงราชาแห่งภูตระดับต่ำเท่านั้น เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกระบี่เล่มนี้ พวกเขาไร้ซึ่งทางเลือก ต้องรีบหลบเท่านั้นจึงจะพ้น
— ตูม! ตูม! ตูม! —
“การใช้กระบี่โจมตีเช่นนี้ต้องสูญเสียพลังวิญญาณไปไม่น้อย รีบฉวยโอกาสนี้จัดการมันซะ! เจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้แปลกประหลาดเกินไปแล้ว!”
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
ร่างหลายร่างพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี แต่มู่เฉียนซีใช่จะยอมแพ้พ่าย นางส่งเข็มยาจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปโจมตีศัตรูตรงหน้า
ก่อนหน้านี้พวกเขาเห็นฮุยหลางโดนเข็มยาเช่นนี้แทงเข้าอย่างจังและตายไปภายในชั่วพริบตา เมื่อเห็นเข็มยาเช่นนี้อีกครั้ง พวกเขาก็รู้สึกหวาดกลัวเสียววาบไปทั่วทั้งร่าง
รีบหลบทันทีคือคำตอบ!
มู่เฉียนซีฉวยโอกาสนี้เร่งฟื้นฟูพลังวิญญาณกลับมา จากนั้นก็โจมตีอีกกระบวนท่าอย่างรวดเร็วไม่ลังเล
“บุปผาหลั่งสายฝน!”
— ตูม! —
สายฝนตกลงมาเป็นเม็ดเล็ก ๆ มันมาพร้อมพิษที่ร้ายกาจยิ่งนัก
— ปัง! ปัง! ปัง! —
หมอกพิษจำนวนมากปกคลุมอยู่ทั่วบริเวณ ป่าแห่งนี้เป็นพื้นที่ล่าสัตว์ที่ดีที่สุดของมู่เฉียนซี สถานที่แห่งนี้นั้น นางสามารถใช้พิษได้อย่างไร้ซึ่งความกังวลใด ๆ แน่นอนว่าต่อให้เป็นระดับราชาแห่งภูตก็โดนพิษนางเล่นงานได้เช่นกัน
“บัดซบ! พิษ มันมีพิษ”
“ระวัง!”
กระบี่มังกรเพลิงแทงทะลุหัวใจใครคนหนึ่ง ทันใดนั้นกระบี่มังกรเพลิงส่งเสียงโหยหวนราวกับมันยังฟันไม่เพียงพอ ยังมีความกระหายวิญญาณหลงเหลืออยู่
“มังกรวารีพิฆาต!”
กระบวนท่าที่น่ากลัวที่สุดได้ระเบิดออกมาแล้ว ภายใต้การโจมตีของมังกรวารีที่เย็นยะเยือกนี้ สองคนที่เหลือถูกโจมตีอย่างรุนแรง
พวกเขามองกระบี่สนิมที่เปล่งประกายด้วยเพลิง และมองไปยังเด็กหนุ่มที่ดูสงบในขณะที่ต้องเผชิญหน้ากับผู้มีพลังมากกว่า พวกเขาตกใจระคนหวาดกลัวขนานหนัก
“ไป! เราต้องรีบไปบอกท่านผู้นำกลุ่มของเรา”
พวกเขาจะอยู่ต่อไม่ได้แล้ว หากอยู่ต่อต้องตายเป็นแน่แท้ พิษและกระบี่ของเจ้าเด็กหนุ่มบ้าคลั่งผู้นี้ อีกทั้งทักษะการต่อสู้และจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งที่เขามี สามารถทำลายความแข็งแกร่งระดับราชาของพวกเขาได้อย่างไร้ความปรานี
ช่างน่าหวาดหวั่นอย่างแท้จริง
.