ตอนที่ 1656 การมาถึงของอวิ๋นลั่วเฟิง (2) / ตอนที่ 1657 การมาถึงของอวิ๋นลั่วเฟิง (3)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 1656 การมาถึงของอวิ๋นลั่วเฟิง (2)

ทันใดนั้นสตรีทั้งสองที่ยืนอยู่กลางอากาศก็ก้มลงมองกลุ่มโจรพยัคฆ์ดุร้ายและคนที่พูดคำเหล่านี้ก็เปลี่ยนสีหน้าเป็นสิ้นหวัง

ทันใดนั้นเสียงกรีดร้องก็ดังขึ้นจากกระท่อมที่อยู่ไม่ไกล

“อ้า!”

สีหน้าของหนิงซินเปลี่ยนเป็นมืดครึ้มทันที “จับตาดูอย่าให้พวกโรคจิตพวกนี้หนีไปได้!”

เมื่อนางสั่งเสร็จ สัตว์วิญญาณอสูรบนท้องฟ้าก็ร่อนลงมาล้อมกลุ่มโจรพยัคฆ์ดุร้ายเอาไว้

ถึงแม้ว่าจะไม่มีสัตว์วิญญาณอสูรพวกนี้ล้อมไว้ คนของกลุ่มโจรก็ไม่กล้าคิดที่จะหนี ตระกูลเยี่ยมีอิทธิพลมากและถ้าพวกเขาหนี สุดท้ายก็จะต้องโดนตระกูลไล่ล่าแน่นอน ถึงตอนนั้นพวกเขาก็คงต้องยิ่งทรมานกับการลงโทษที่รุนแรงขึ้น

อวิ๋นลั่วฟิงไม่ลังเลที่จะเปลี่ยนร่างเป็นแสงแล้วพุ่งไปที่กระท่อมหลังนั้น

ด้านนอกกระท่อม ผู้คุ้มกันสองคนถูกหรูอี้สั่งให้เฝ้าเอาไว้ก็รีบผลักประตูเข้าไปหลังจากได้ยินเสียงร้อง ทันทีที่พวกเขาเห็นฉากนอกกระท่อม พวกเขาก็กรีดร้องออกมาทันที…

เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ กำลังนั่งกอดเข่าแล้วพลังฌานสีดำก็พุ่งออกมาจากร่างของนาง ชายคนหนึ่งถูกพลังฌานมัดไว้อย่างแน่นหนาขณะที่เขาปล่อยเสียงร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด พริบตาเดียวร่างทั้งหมดของเขาก็ถูกดูดจนกลายเป็นเถ้าถ่านแล้วปลิวไปทั่วกระท่อม

เด็กๆ ในกระท่อมตะลึงแล้วมองใบหน้าอ่อนเยาว์ของอวิ๋นรั่วสุ่ยอย่างแปลกใจขณะที่กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงที่เคยหัวเราะเยาะนางก็ตกใจจนเงียบไป

“ข้าบอกเจ้าแล้วว่า ข้าเป็นคนทำให้หลินซีตาย เหตุใดพวกเจ้าถึงไม่เชื่อข้า” อวิ๋นรั่วสุ่ยเงยใบหน้าอ่อนเยาว์ของนางขึ้นแล้วดวงตากลมโตเป็นประกายของนางก็เต็มไปด้วยความโศกเศร้า “ถ้าเจ้าเชื่อที่ข้าพูด เจ้าก็คงไม่ยั่วยุข้าอีก”

ผู้คุ้มกันสองคนของกลุ่มโจรพยัคฆ์ดุร้ายยังคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่พวกเขารู้ว่าเด็กผู้หญิงตรงหน้าเขาเป็นปีศาจ

หนี! ทั้งคู่สบตากันแล้วกันหลังเพื่อหนี

แต่ว่าทันทีที่พวกเขาหันหลังร่างร่างหนึ่งก็ปรากฏตรงหน้าพวกกเขา เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะปะทะเข้ากับร่างนั้น พลังฌานก็พุ่งออกจากร่างของอีกฝ่ายแล้วส่งพวกเขากระเด็นออกไปกระแทกจนเกิดเสียงดัง

อวิ๋นรั่วสุ่ยชะงักแล้วเมื่อนางเงยหน้าขึ้น นางก็มองเห็นใบหน้าสวยสง่าและน้ำตาก็ไหลเป็นสาย ทันใดนั้นนางก็บินขึ้นแล้วกระโจนเข้าหาสตรีผู้นี้พร้อมร้องไห้เสียงดัง

สตรีผู้นั้นก็อ้าแขนรับเด็กหญิงตัวน้อยเข้ามากอดแล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน “สุ่ยเอ๋อร์ แม่มาช้า แม่ขอโทษนะ…”

“ท่านแม่ เหตุใดคนอื่นถึงทำร้ายข้าทั้งๆ ที่ข้าไม่ได้ทำอะไรเลย ข้าบอกพวกเขาแล้วว่าพวกเขาจะต้องตายแน่ถ้าพวกเขาทำร้ายข้าแต่พวกเขาก็ไม่เชื่อคำพูดข้าเลยสักคน” อวิ๋นรั่วสุ่ยรู้สึกไม่ดี นางไม่เคยโกหกแต่กลับไม่มีใครเชื่อที่นางพูด

หนิงซินรู้สึกผิดแล้วกอดบุตรสาวตัวเอง นิ้วเรียวยาวของนางลูบผมเงางามของอวิ๋นรั่วสุ่ยเบาๆ ด้วยสีหน้าอ่อนโยน

“สุ่ยเอ๋อร์ ในอนาคตแม่จะไม่มีวันยอมให้ใครทำร้ายลูกแน่”

นิ้วของนางสัมผัสใบหน้าของอวิ๋นรั่วสุ่ยอย่างอ่อนโยนแล้วกลิ่นอายสีดำระหว่างคิ้วของนางก็ทำให้หัวใจของหนิงซินเต้นแรงก่อนจะถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

ยิ่งอวิ๋นรั่วสุ่ยสังหารมากเท่าไร ชีวิตของนางก็ยิ่งตกอยู่ในอันตรายมากเท่านั้น จึงเป็นเหตุผลที่หนิงซินห้ามไม่ให้นางสั่งการใคร…

ภายในกระท่อมยังมีหญิงสาวในชุดขาดรุ่งริ่งอีกคนเทียบกับคนอื่นแล้วนางอายุมากกว่า นางดูอายุราวสิบเอ็ดสิบสองปี คอเสื้อของนางดูเหมือนจะถูกฉีกกระชากทำให้ดูไม่ได้

…………………………………..

ตอนที่ 1657 การมาถึงของอวิ๋นลั่วเฟิง (3)

เด็กสาวเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะรวบรวมความกล้าแล้วเดินไปหาอวิ๋นรั่วสุ่ยก่อนจะพูดอย่างขลาดกลัวว่า “ขอบคุณที่เจ้าทำเรื่องเมื่อครู่…” ถ้าไม่ใช่เพราะอวิ๋นรั่วสุ่ยช่วยไว้ นางก็คงต้องเสียความบริสุทธิ์ให้ไอ้ชั่วนั่นไปแล้ว

หนิงซินเลิกคิ้วแล้วหันไปหาอวิ๋นรั่วสุ่ยเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“ท่านแม่ ก่อนหน้านี้คนคนนั้นก็มีส่วนในการลักพาตัวลูก เขาต้องการทำร้ายพี่สาวคนนี้และสุ่ยเอ๋อร์ก็ทนไม่ได้ดังนั้นลูกเลยทะเลาะกับเขา หลังจากนั้นลูกข้าไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แล้วสังหารเขา…”

อวิ๋นรั่วสุ่ยยู่ปากและดวงตาก็มีน้ำตาคลอ “สุ่ยเอ๋อร์ไม่ได้ตั้งใจ เขาเป็นคนผิด”

หนิงซินถอนหายใจ นางไม่คิดจะโทษหลินรั่วสุ่ยแต่กอดร่างบอบบางของนางแน่นขึ้น

“สุ่ยเอ๋อร์ เชื่อในตัวแม่ ต้องมีสักวันที่แม่จะทำให้ร่างกายลูกเหมือนคนอื่นๆ”

อวิ๋นรั่วสุ่ยรีบพยักหน้าแล้วเหมือนว่านางจะนึกอะไรบางอย่างออก ทันใดนั้นนางก็รีบหันไปหาเด็กสาวที่อยู่ในกระท่อมแล้วยิ้มไร้เดียงสา “ข้าบอกเจ้าแล้วว่าครอบครัวของข้าต้องมาช่วยข้าแน่ ถ้าพวกเขาอยู่ที่นี่ กลุ่มโจรพยัคฆ์ดุร้ายก็นับเป็นอะไรได้!”

กลุ่มคนเงียบไปนาน แล้วเด็กคนหนึ่งก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงขี้ขลาดว่า

“เบื้องหลังของกลุ่มโจรพยัคฆ์ร้ายทรงอำนาจมากแล้วก็มีพรรคจำนวนมากในดินแดนนี้ที่เกี่ยวข้องกับพวกเขา หลังจากที่ต่อต้านนาง จุดจบของพวกเราจะต้องแย่กว่าเดิมแน่…”

“อิทธิพลเบื้องหลังกลุ่มโจรพยัคฆ์ร้ายงั้นหรือ” ทันใดนั้นก็มีเสียงมีเสน่ห์และร้ายกาจดังขึ้นจากข้างนอกกระท่อม วินาทีต่อมาสตรีในชุดสีขาวก็เดินเข้ามาช้าๆ แล้วรอยยิ้มน่าขนลุกก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้างดงามไร้ที่ติของนาง

“ข้าอยากรู้ว่าพรรคที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มโจรพยัคฆ์ร้ายเป็นใคร”

เด็กหญิงจ้องนางด้วยสายตาว่างเปล่า นางรู้แค่ว่าพรรคที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มโจรแข็งแกร่งมากแต่แข็งแกร่งแค่ไหนนางก็ไม่รู้

อู๋เหยียนมองเด็กหญิงแวบเดียวก่อนจะมาหาอวิ๋นลั่วเฟิงและเปิดเผยข้อมูลที่เขารู้ “จวนเฟิงอวิ๋นในจักรวรรดิอู๋ซวง ตระกูลหลิ่วที่เป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของจักรวรรดิเทียนหุย พรรคเทียนอินของจักรวรรดิหลิวเยว่และ…”

“อีกอย่าง ข้าได้ยินมาว่ากลุ่มโจรพยัคฆ์ร้ายเกี่ยวข้องกับตระกูลชวีที่นครอนันต์ด้วย”

อวิ๋นลั่วเฟิงหรี่ตาแล้วยิ้ม “ท่านป้ารอง ท่านได้ยินที่เขาพูดหรือไม่ ข้าทำลายตระกูลชวีแล้วส่วนพรรคอื่นๆ ท่านควรนำทัพไปทำลายพวกเขา กลุ่มโจรพยัคฆ์ร้ายไม่มีทางหนีรอดจากความผิดไหนไปได้ พวกเขาต้องลงมือทำเรื่องเลวร้ายลงไปมาพอที่จะทำให้สวรรค์เต็มเพื่อที่จะสร้างความสัมพันธ์กับพรรคใหญ่ๆ มากมายพวกนี้ ข้าควรทำให้แดนลับแลกลับไปสงบสุขและเป็นระเบียบเหมือนเดิมเสียแล้ว”

ทุกคนตะลึง น้ำเสียงของนางโอหังมากแล้วนางก็พูดเหมือนการทำลายล้างพรรคทรงอำนาจทั้งหลายในแดนลับแลเป็นเรื่องธรรมดา เบื้องหลังนางคือใครกันนี่ ยิ่งไปกว่านั้นนางทำลายตระกูลชวีไปแล้วงั้นหรือ

เด็กหนุ่มที่ชื่ออู๋เหยียนมองอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยดวงตาเป็นประกายและก็ไม่มีใครรู้ว่เขากำลังคิดอะไรอยู่…

“ท่านแม่เจ้าคะ” อวิ๋นรั่วสุ่ยกะพริบตาปริบๆ ขณะมองอวิ๋นลั่วเฟิง “พี่สาวคนนี้คือใครเจ้าคะ”

เหตุใดนางถึงได้ให้ความรู้สึกคุ้นเคยขนาดนี้

หนิงซินยิ้มแล้วลูบศีรษะของอวิ๋นรั่วสุ่ย “นางเป็นลูกพี่ลูกน้องที่ก่อนหน้านี้พวกเราเคยพูดให้เจ้าฟัง”

ดวงตาของอวิ๋นรั่วสุ่ยเป็นประกายทันที สวรรค์รู้ดีว่านางอยากเจอลูกพี่ลูกน้องที่มีชื่อเสียงไปทั่วแผ่นดินคนนี้มานานแค่ไหน ไม่คิดว่านางจะได้เจอในสถานการณ์แบบนี้ อวิ๋นรั่วสุ่ยกระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้น

“ญาติผู้พี่” นางดิ้นออกจากอ้อมกอดของหนิงซินแล้วเดินมายืนข้างอวิ๋นลั่วเฟิงด้วยท่าทางซื่อๆ และไร้เดียงสา “สุ่ยเอ๋อร์มักได้ยินท่านพ่อกับท่านแม่พูดถึงความกล้าหาญและการกระทำของท่านบ่อยๆ ดังนั้น…ท่านจึงเป็นต้นแบบของสุ่ยเอ๋อร์มาตลอดแล้วเป็นเป้าหมายที่สุ่ยเอ๋อร์ต้องไปให้ถึง!”