[ติดตามข่าวสารได้ที่เพจ : จักรพรรดิ์เทพมังกร]

บทที่ 412: ไม่ยอมรับเอกสารกู้ยืมฉบับนี้!

หลิงหยึนมอบกลุ่มไฉเจี๋วยให้ตี้เสี่ยวอู๋เป็นผู้ดูแล ส่วนถังเมิ่งนั้นเมื่อเห็นตี้เสี่ยวอู๋ก็นึกอิจฉา แล้วก็อยากจะมีกลุ่มมีแก๊งของตัวเองบ้าง เขานั่งนึกภาพที่ตัวเองได้เป็น ‘ลูกพี่’ และมีลูกน้องติดตามด้วยความตื่นเต้น

“พี่หยุน.. ฉันจะเปิดบริษัทสร้างหนัง ทำธุรกิจเสื้อผ้า และเปิดคลินิก ฉันจะตั้งเป็นกลุ่มบริษัทดีไม๊..?”

หลิงหยุนหัวเราะหึหึ พร้อมกับตอบยิ้มๆ “คลินิกเป็นของฉัน นายยึดไปไม่ได้ ส่วนเรื่องที่นายจะไปสร้างกลุ่มบริษัทอะไรนั่น ก็แล้วแต่นาย ถ้านายสามารถขยายเครือข่ายได้ใหญ่โตพอ แล้วอยากจะทำก็ตามใจ”

เมื่อถังเมิ่งมองเห็นช่องทาง เขาก็รีบพูดออกมาอย่างตื่นเต้น “พี่หยุน.. ถ้างั้นพี่ช่วยตั้งชื่อให้ฉันหน่อยสิ.. ”

หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า “ชื่อว่ากลุ่มบริษัทเทียนตี้ คอร์ปอเรชั่นดีไม๊? มันมีความหมายครอบคลุมทั้งโลกและสวรรค์ ฟังแล้วยิ่งใหญ่ดี!”

ถังเมิ่งได้ฟังถึงกับยกมือถึงตบต้นขาพร้อมกับยิ้มอย่างพอใจ “ชื่อนี้ดีมากเลย.. ฟังดูยิ่งใหญ่ แล้วก็ใหญ่โตดี – เทียนตี้คอร์ปอเรชั่น!”

เมื่อนึกถึงเงินทองที่จะไหลมาเทมาจากการทำธุรกิจของกลุ่มบริษัทเทียนตี้แล้วนั้น ถังเมิ่งก็ถึงกับเลือดลมสูบฉีดและตื่นเต้นอย่างที่สุด เขาเหยียบคันเร่งรถแลนด์โรเวอร์จนพุ่งเร็วขึ้น!

“พี่ใหญ่คะ.. เมื่อครู่พี่ทำอะไรกับใบหน้าของเตาฉี? ทำไมจู่ๆแผลเป็นบนใบหน้าของเขาถึงได้หายไปได้ล่ะ? มันเหลือเชื่อแล้วก็มหัศจรรย์มากเลย!”

หนิงหลิงยู่กอดแขนหลิงหยุนพร้อมกับถามออกมาด้วยความอยากรู้อยากเห็น..

หลิงหยุนมองผมยาวดำขลับที่สะบัดไปมาราวกับน้ำตกของหนิงหลิงยู่ เขาเรียกยันต์บำบัดออกมาจากแหวนพื้นที่พร้อมกับพูดขึ้นว่า

“นี่คือยันต์บำบัด บาดแผลต่างๆไม่ว่าจะเป็นบาดแผลจากของมีคม หรืออาการบาดเจ็บภายนอกที่สาหัส ยันต์นี่จะสามารถรักษาให้หายได้ในทันที!”

“โอ้โหพี่ใหญ่! ของวิเศษแบบนี้พี่ไปได้มาจากที่ใหน?!” หนิงหลิงยู่หยิบยันต์บำบัดขึ้นมาถือไว้ และรู้สึกว่าน้ำหนักของมันเบาราวกับไม่ได้ถืออะไร จึงได้แต่ถามขึ้นด้วยความสงสัย

หลิงหยุนตอบกลับยิ้มๆ “พี่ใหญ่ของเธอเป็นคนปลุกเสกขึ้นเอง! ต่อไปในวันข้างหน้า เธอก็จะได้เห็นพี่ปลุกเสกด้วยตาตัวเอง!”

ดวงตากลมโตของหนิงหลิงยู่ฉายแววเฉลียวฉลาด เธอพยักหน้ารับรู้ แล้วก็ไม่ได้ถามอะไรต่ออีก

………..

เวลาเก้าโมงครึ่ง หลิงหยุนและทุกคนก็มาถึงหน้าอาคารใหญ่โตซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัท ชิงหยุน โปรดักชั่น

หลิงหยุนจูงมือหนิงหลิงยู่ลงจากรถพร้อมกับเอ่ยถามถังเมิ่ง “เอกสารกู้ยืมเงินจำนวนสิบเอ็ดล้านอยู่ที่นายใช่ไม๊? วันนี้ฉันพาหลิงยู่มาเปิดหูเปิดตา ฉันจะไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่ง นายเข้าใจใช่ไม๊?”

ถังเมิ่งถือเอกสารกู้ยืมไว้ในมือพร้อมกับมองไปทางตี้เสี่ยวอู๋กับลูกน้องของเขาอีกห้าคน ทั้งหกคนดูเหมือนเครื่องยนต์ที่เริ่มจะสตาร์ทติด

“พี่หยุน.. ไว้ใจพวกเราเถอะ!”

ตี้เสี่ยวอู๋ร้องบบอกหลิงหยุนทันทีที่ลงมาจากรถ สีหน้าของเขาดูโกรธเกรี้ยวมาก เพราะที่เขาถูกหลัวจ้งจับตัวไปขังไว้ที่สำนักงานนั้น ข้อมูลทั้งหมดล้วนมาจากหวงเฟยหยางที่เป็นผู้จัดการทั่วไปของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นนี้

ตี้เสี่ยวอู๋จึงดูขุ่นเคืองมากกว่าถังเมิ่ง หลังจากที่เดินมาบอกหลิงหยุนแล้ว ตี้เสี่ยวอู๋ก็เดินตรงไปหาเตาฉีและคนอื่นๆ จากนั้นจึงโบกมือเรียกให้ทุกคนตามเขาขึ้นไปบนตึก

“ตามข้ามา!”

ถังเมิ่งเห็นเช่นนั้น ก็รีบวิ่งตามเข้าไปทันทีพร้อมกับร้องตะโกนว่า “นี่ตี้เสี่ยวอู๋.. ต่อให้นายโมโหแค่ใหน ก็อย่าทำลายบริษัทของฉันนะ!”

หนิงหลิงยู่เห็นท่าทางของถังเมิ่งก็ได้แต่หัวเราะคิกคคัก พร้อมกับรอยยิ้มที่สดใสราวกับดอกไม้บาน

หลิงหยุนจับไหล่ที่บอบบางของหนิงหลิงยู่เบาๆ และพาเดินไปข้างหน้าช้าๆ

“หลิงยู่ เมื่อหลายวันก่อนพวกเราสามคนก็มาที่บริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นครั้งหนึ่งแล้ว บริษัทอยู่ชั้นสิบเก้า พวกเราขึ้นไปดูกันเถอะ..”

หลิงหยุนเล่าให้หนิงหลิงยู่ฟังอย่างละเอียด ว่าเมื่อหลายวันก่อนพวกเขาทั้งสามคนมาที่นี่ทำอะไรไปบ้าง? และผลเป็นอย่างไรบ้าง?

ทั้งเก้าคนกดลิฟท์ขึ้นไปชั้นสิบเก้า ถังเมิ่งเหลือบมองหลิงหยุนก่อนจะเดินเข้าไปในบริษัท..

“พวกคุณมาทำอะไรกันครับ?!”

พนักงานรักษาความปลอดภัยยังเป็นคนเดิมทั้งคู่ แต่ทันทีที่เห็นหน้าถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋เดินเข้ามา พวกเขาก็จำได้และร้องถามขึ้นมาทันที

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคนเดิมยังอยู่ทั้งคู่ ทันทีที่ถามขึ้นทั้งคู่ก็จำถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋ที่เดินตรงเข้ามาได้ทันที พวกเขาต่างก็ร้องอุทานออกมา

“นี่พวกคุณ.. พวกคุณมาอีกแล้วเหรอ?!”

ถังเมิ่งยิ้มและตอบไปว่า “ใช่สิ.. นี่ก็ครึ่งเดือนแล้ว ฉันให้เวลาบริษัทของพวกแกไปตั้งนานแล้ว เป็นหนี้ก็ต้องใช้คืนสิ.. และนี่ก็ถึงเวลาแล้ว!”

ตอนนี้หัวของถังเมิ่งกลมล้านเหมือนลูกชิ้น หน้าตาท่าทางของเขาจึงดูดุร้าย อีกทั้งด้านหลังของเขาก็เป็นตี้เสี่ยวอู๋และเตาฉี พร้อมด้วยลูกน้องตัวใหญ่อีกสี่คน

หนึ่งในพนักงานรักษาความปลอดภัยจึงเริ่มหวาดกลัว ส่วนอีกคนก็ได้แต่พึมพำว่า “นี่.. พวกคุณมาเก็บเงินงั้นเหรอ?”

ถังเมิ่งเอามือลูบหัวโล้นใสของตัวเอง ริมฝีปากแดฉีกยิ้มจนเห็นฟันขาวพร้อมกับชูเอกสารกู้เงินที่อยู่ในมือขึ้น

“พวกแกเห็นไม๊ว่านี่คืออะไร?”

“นายเลิกพูดไร้สาระได้แล้ว.. เร็วๆเข้า!”

ตี้เสี่ยวอู๋ที่ใจร้อนและรอที่จะจัดการกับหวงเฟยหยางอยู่นั้น เมื่อเห็นถังเมิ่งโยกโย้อยู่กับพนักงานรักษาความปลอดภัย จึงรู้สึกหงุดหงิดและอดที่จะขัดขึ้นมาไม่ได้

“นายอย่าปากดีนักเลย ไม่งั้นต่อไปถ้าบริษัทนี้ตกเป็นของฉัน ระวังตัวไว้ล่ะ ฉันจะไม่ให้นายเข้ามาที่นี่อีก!”

ถังเมิ่งหันไปพูดกับตี้เสี่ยวอู๋ ก่อนจะเดินส่ายอาดๆเข้าไป

ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋เดินเข้าไปในบริษัท ทั้งสองคนมองหน้ากันพร้อมกับคิดในใจว่า ไม่เลวเลยทีเดียว วันนี้พนักงานอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา

“แย่แล้ว.. พวกมันกลับมาที่นี่อีกได้ยังไง?”

พนักงานหลายคนต่างก็ร้องถามกัน เพราะยังคงจดจำวีรกรรมของทั้งสามคนเมื่อหลายวันก่อนได้ โดยเฉพาะตี้เสี่ยวอู๋ที่ร่างใหญ่ราวกับตึก คนที่เคยอยู่ในเหตุการณ์ต่างก็พากันหวาดกลัว และรีบหาที่หลบซ่อน

ถังเมิ่งเดินเข้าไปถามพนักงานว่า “นี่.. ผู้จัดการทั่วไปอยู่ไม๊?”

พนักงานคนหนึ่งรีบส่ายหน้า “วันนี้ผู้จัการหวังไม่ได้เข้าบริษัทค่ะ.”

ความจริงหลิงหยุนก็เดาไว้ตั้งแต่แรกแล้วว่าวันนี้หวงเฟยหยางต้องไม่เข้าบริษัท เพราะตอนนี้ข่าวคราวเรื่องที่หลิงหยุนไปอาละวาดเมื่อวานนี้ ก็ได้แพร่สะพัดไปทั่วทั้งเมืองจิงฉูแล้ว ในเมื่อคนทั้งเมืองรู้ มีหรือคนอย่างหวงเฟยหยางจะไม่รู้!

เมื่อวาน.. หลังจากที่หวงเฟยหยางได้ข่าวเรื่องที่หลิงหยุนไปจัดการกับหัวหน้าสำนักงานรักษาความมั่นคงคนใหม่จนได้รับความอับอาย เขาเองก็หวาดกลัวอย่างมากว่าหลิงหยุนจะกลับมาแก้แค้น จึงได้แต่หลบซ่อนตัวไม่ยอมออกมา

ตี้เสี่ยวอู๋ฟังอยู่ครู่หนึ่งจึงถามเสียงห้วนว่า “หวงเฟยหยางไม่ได้อยู่ที่นี่? แล้วตอนนี้ใครดูแลบริษัทแทน?”

“หลิวเจี้ยน.. รองผู้อำนวยการหลิวค่ะ.” พนักงานตอบเสียงสั่น

ทันทีที่ถังเมิ่งได้ยิน เขาก็ไม่รอช้า เดินตรงเข้าไปที่ห้องผู้จัดการทั่วไป และผลักประตูเปิดเข้าไปทันที

“แกชื่อหลิวเจี้ยนใช่ไม๊?” ถังเมิ่งถามขึ้นทันทีที่เห็นหน้าหลิวเจี้ยน

หลิวเจี้ยนเป็นชายวัยสามสิบห้าปี สวมแว่นตา ใส่เสื้อสูทผูกไทค์อย่างเรียบร้อย

“เอ่อ.. ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไรหรือครับ?!”

หลิงเจี้ยนมองถังเมิ่งที่ถือวิสาสะเปิดประตูห้องเข้ามาด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจนัก แต่ยังคงลุกขึ้นยืนพูดจาอย่างสุภาพ

ทันทีที่เอ่ยถามออกไป ถังเมิ่งก็พุ่งตัวไปยืนอยู่ที่หน้าโต๊ะของหลิวเจี้ยนเรียบร้อยแล้ว ถังเมิ่งวางเอกสารกู้ยืมลงตรงหน้าหลิวเจี้ยน แล้วพูดกับเขาว่า

“ฉันไม่สนว่าแกจะเป็นใคร.. พวกฉันมาที่นี่เพื่อทวงเงินตามเอกสารกู้ยืมฉบับนี้! แกอ่านดูเองก็แล้วกัน!”

หลิงเจี้ยนหยิบเอกสารกู้ยืมที่ถังเมิ่งวางตรงหน้าขึ้นมาอ่านดู แต่แล้วก็เพียงแค่ยิ้ม และตอบถังเมิ่งไปว่า

“นึกว่าเรื่องอะไร? ถ้าเป็นเรื่องเอกสารกู้ยืมฉบับนี้ ผมเสียใจด้วย เพราะทางบริษัทของเราไม่ยอมรับหนังสือกู้ยืมนี่!”

หน้าของถังเมิ่งแดงก่ำขึ้นมาทันที เขาหันไปมองตี้เสี่ยวอู๋ด้วยความโมโหพร้อมกับบพูดขึ้นว่า

“คงต้องยกให้เป็นหน้าที่นายแล้วล่!”

ตี้เสี่ยวอู๋เดินเข้าไปหาหลิวเจี้ยน เขาฉีกยิ้มให้ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ผู้จัดการหลิว.. ผมแนะนำว่าอย่าให้พวกเราต้องใช้กำลัง ไม่เช่นนั้นคุณเองจะรับไม่ไหว!”

หลิวเจี้ยนมองตี้เสี่ยวอู๋ที่ทั้งตัวโตและแข็งแกร่ง แม้ในใจจะรู้สึกหวาดกลัว แต่เขาก็ต้องทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายมาอย่างสุดความสามารถ

“คุณคงจะเป็นตี้เสี่ยวอู๋สินะ? ตอนที่ผู้จัดการหวังโอนเรื่องนี้มาให้ผมรับผิดชอบ เขาได้เล่ารายละเอียดทั้งหมดให้ผมฟังหมดแล้ว ผมเสียใจด้วยที่จะต้องบอกพวกคุณอีกครั้งว่า ทางสำนักงานใหญ่ของเราที่ปักกิ่ง มีมติเป็นเอกฉันท์ว่า ไม่สามารถยอมอรับหนังสือกู้ยืมฉบับนี้ได้!”

ความจริงแล้ว.. ทางสำนักงานใหญ่ของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นนั้น ไม่เพียงไม่ยอมรับหนังสือกู้ยืมฉบับนี้ แต่ยังได้แจ้งความดำเนินคดีกับหลิงหยุนและเพื่อนๆ ในเรื่องที่ร่วมกันขูดรีดทรัพย์จากบริษัทไปเมื่อครั้งที่แล้วด้วย และทางบริษัทจะใช้กฏหมายทวงถามเงินจำนวนนั้นคืนจากหลิงหยุนกับพวกอีกด้วย!

ถังเมิ่งฟังแล้วก็ได้แต่โกรธ ในใจคิดว่าตี้เสสี่ยวอู๋ทำไมถึงไม่รีบบจัดการ อย่าปล่อยให้เป็นปัญหามาถึงเขา?

ตี้เสี่ยวอู๋ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เริ่มไม่พอใจ “คุณหมายความว่ายังไงที่บอกว่าหนังสือกู้ยืมฉบับนี้ไม่ได้รับการยอมรับ?!”

พูดจบตี้เสี่ยวอู๋ก็กำหมัดแน่น พร้อมกับทุบลงบนโต๊ะเสียงดังปัง!

ในใจของหลิวเจี้ยนทั้งตกใจและหวาดกลัว แต่ก็ยังฝืนยิ้มและพูดต่อว่า “ผมแค่ทำตามหน้าที่เท่านั้น! หวงเฟยหยางไม่ใช่พนักงานของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่นแล้ว และตอนนี้ผมก็เป็นคนที่มาทำหน้าที่แทนเขา ถ้าคุณอยากจะฆ่าจะแกงผม.. ก็เชิญได้เลย!”

ถังเมิ่งยกมือขึ้นคว้าเอกสารกู้ยืมขึ้นมาจากบนโต๊ะ โบกไปมาต่อหน้าหลิวเจี้ยนพร้อมกับพูดเสียงห้วน

“ผู้จัดการหลิว.. แหกตาดูให้ดีซะก่อน! เอกสารกู้ยืมฉบับนี้ทำในนามของบริษัทชิงหยุนโปรดักชั่น ไม่ใช่เอกสารกู้ยืมส่วนตัวของหวงเฟยหยาง!”

หลิวเจี้ยนโบกมือ “ผมได้อ่านหมดาอย่างละเอียดแล้ว แต่ทางสำนักงานใหญ่ไม่ยอมรับหนังสือกู้ยืมฉบับนี้จริงๆ หากพวกคุณอยากได้เงิน ก็ไปดำเนินการฟ้องร้องเอาตามกฎหมายได้!”

ถังเมิ่งกำลังจะพูดต่อ แต่ตี้เสี่ยวอู๋ห้ามเขาไว้ “อย่าไปเสียเวลาพูดอะไรกับมันอีก.. จัดการถล่มบริษัทของมันเลยดีกว่า!”

ระหว่างที่ถังเมิ่งเดือดดาล และกำลังจะตอบตี้เสี่ยวอู๋ไปนั้น เขาก็ได้ยินเสียงของหลิงหยุนดังขึ้นมา

“ดูเหมือนว่าสำนักงานใหญ่จะอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมด เอาล่ะ.. ในเมื่อบริษัทของพวกมันก็ยังอยู่ที่นี่ ไม่ได้ย้ายหนีไปใหน พวกเราก็ลองเล่นกับพวกมันหน่อยจะเป็นไรไป!”

หลิงหยุนที่ยืนอยู่นอกห้องผู้จัดการกับหนิงหลิงยู่นั้น ได้ยินบทสนทนาภายในห้องได้อย่างชัดเจน เขารู้สึกว่าไม่มีประโยชน์หากยืนกรานจะถล่มที่นี่

 “พวกเรากลับกันก่อน แล้วนายก็บอกหลิวเจี้ยนด้วยว่าให้มันรอขึ้นศาลได้เลย!”

หลังจากสั่งการจบ หลิงหยุนก็เพียงแค่ยิ้มและกรอกตาสำรวจไปทั่วทั้งบริษัท จากนั้นจึงพาหนิงหลิงยู่เดินออกไปโดยไม่พูดอะไรอีก

ถังเมิ่งพยักหน้า แล้วจึงหันไปพูดกับหลิวเจี้ยนว่า “เอาล่ะ.. แกรอรับหมายศาลได้เลย!”

“กลับกันได้แล้ว!”

หลังจากที่ถังเมิ่งพูดจบ เขาก็ไม่สนใจหลิวจิ้ยนอีก! จากนั้นจึงหันไปลากมือตี้เสี่ยวอู๋ออกไปจากห้อง..