บทที่ 357 อันดับหนึ่งใต้ฟ้า น่าปวดใจเกินไปแล้ว

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 357 อันดับหนึ่งใต้ฟ้า น่าปวดใจเกินไปแล้ว

ตอนนี้ ผู้อริยะทุกคนมองมาที่เสิ่นเทียน

พวกเขารู้สึกได้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีระดับพลังไม่ธรรมดา และได้ประจักษ์แล้วว่าดวงชะตาเขาเหนือธรรมดา

ทว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็ยังเป็นเพียงหนุ่มน้อยระดับกายทอง ยังไม่ก้าวข้ามระดับผู้สูงศักดิ์ด้วยซ้ำ

ชนรุ่นหลังเช่นนี้จะให้ไปตระหนักมรรคกับพวกเขาหรือ

ข้ามเรื่องที่ว่าเขามีคุณสมบัติและฐานะนี้หรือไม่ ลำพังแค่อำนาจคุกคามที่แผ่มาโดยธรรมชาติตอนผู้อริยะตระหนักมรรค ก็เกรงว่าเขาคงจะรับไม่ไหวแล้วกระมัง!

เขา กล้าจริงๆ หรือ

ท่ามกลางสายตาของผู้อริยะทุกคน เสิ่นเทียนเผยรอยยิ้มบางๆ “อาจารย์กับผู้อริยะทุกท่านตระหนักมรรค ศิษย์จะไปข้ามหน้าข้ามตาได้อย่างไร”

เมื่อเอ่ยจบ เสิ่นเทียนก็ถอยหลังครึ่งก้าวมานั่งข้างกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ และนำเหยือกชาอาวุธวิญญาณระดับสูงสุดออกมา

เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์ตระหนักมรรคอย่างสบายใจเถอะ ศิษย์จะรินชาให้ท่านเอง”

กล่าวจบแล้ว เสิ่นเทียนก็นำใบชาตระหนักรู้ลักษณะอีกาทองใบหนึ่งออกมาจากแหวนเก็บของ ก่อนจะใส่ไปในเหยือกชา

เมื่อรินน้ำแร่วิญญาณเข้าไปในเหยือกชา เสิ่นเทียนก็ใช้อัคคีอรุณใต้ต้ม พริบตาเดียวเสียงมรรคไร้ที่สิ้นสุดก็ดังมาจากในเหยือกชา ลี้ลับไม่เป็นสองรองใคร

ขณะเดียวกัน กลิ่นหอมชาตระหนักรู้เข้มข้นได้แผ่กระจายตามออกไป

ในมวลอากาศมีปรากฏการณ์เงาเทพอีกาทองลอยขึ้น เหนี่ยวนำให้อักขระบนศิลาโบราณสืบต่อมรรคชัดเจนขึ้นกว่าเดิม

ทันใดนั้นเอง ผู้อริยะทุกคนต่างตื่นตกใจ

“นะ…นี่มันกลิ่นชาตระหนักรู้!”

“ไม่ใช่แค่ชาตระหนักรู้ แต่ยังเป็นใบชาตระหนักรู้สีเงิน อย่างน้อยก็ต้องต้นชาตระหนักรู้ล้านปีถึงจะรวมออกมาได้!”

“สวรรค์! นั่นไม่ใช่สมบัติสูงสุดที่มีอยู่ในตำนานรึ ห้าดินแดนมีชาตระหนักรู้อายุเท่านี้อยู่จริงๆ หรือ”

“ได้ยินว่าในสำนักศึกษาจี้เซี่ยในดินแดนกลางก็มีชาตระหนักรู้ต้นหนึ่ง จักรพรรดิฮวงสือเป็นคนปลูก อายุแค่หมื่นปีเท่านั้น ก็เป็นหนึ่งในไม้วิญญาณที่ล้ำค่าที่สุดในดินแดนกลางแล้ว”

“มูลค่าของใบชาตระหนักรู้นี่ ล้ำค่ากว่าใบชาจากชาตระหนักรู้ต้นนั้นในดินแดนกลางกี่ร้อยเท่ากัน”

“แม้แต่สมบัติสุดยอดเช่นนี้ยังเอาออกมาชงชาให้อาจารย์ได้สบายๆ เจ้าหนูนี่ร่ำรวยเพียงใดกัน!”

“อยู่มหานทีเหมือนกันแท้ๆ แสบจมูกจริงๆ กลับไปข้าต้องไปฆ่าเจ้าศิษย์ชั่วไม่มุมานะนั่น!”

…..

ผู้อริยะฝ่าเคราะห์สวรรค์ ล้วนมีจิตใจมรรคที่ผ่านการขัดเกลามาเป็นร้อยเป็นพันครั้ง

ปกติต่อให้ภูเขาไท่ซานถล่มตรงหน้า ผู้อริยะก็จะยังมีสีหน้าเรียบนิ่งได้ เว้นแต่จะทนไม่ไหวจริงๆ

ทว่าตอนนี้ เสิ่นเทียนแค่ชงชาต้อนรับง่ายๆ เหยือกเดียว กลับทำให้ผู้อริยะที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่งพวกนี้ตกใจจนสงสัยในชีวิต

หลังจากตกใจแล้วสิ่งที่ตามมาคือความอิจฉาและน้ำลายไหลอย่างรุนแรง

เหนือธรรมดาเกินไปแล้ว!

ถ้าบอกว่าชาตระหนักรู้ธรรมดาได้แค่เรียกว่าล้ำค่า มีผลกับผู้ฝึกบำเพ็ญระดับต่ำกว่าผู้อริยะไม่น้อย แต่สำหรับผู้ฝึกบำเพ็ญเหนือกว่าอริยะขึ้นไปไม่ได้มีผลชัดเจนนักละก็

เช่นนั้นชาตระหนักรู้สีเงินนี้ก็จะมีประสิทธิผลต่อการคงอยู่เหนือกว่าผู้อริยะขึ้นไปอย่างมาก

และที่ล้ำค่ากว่านั้นคือใบชาตระหนักรู้ที่เสิ่นเทียนนำออกมานี้มีลักษณะอีกาทอง สอดคล้องกับคัมภีร์จักรพรรดิสุริยันในศิลาจักรพรรดิสืบต่อมรรคอย่างยิ่ง!

หากได้ดื่มชาตระหนักรู้ชนิดนี้ก่อนตระหนักศิลาจักรพรรดิสืบต่อมรรค ก็จะได้ประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นหลายเท่ากระทั่งหลายสิบเท่า!

เพราะเหตุใด เพราะเหตุใดข้าถึงไม่มีศิษย์เช่นนี้กัน

น่าโมโหชะมัด!

ประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อมเบาๆ “เทียนเอ๋อร์ จะเสียมารยาทไม่ได้ ผู้อริยะทุกคนที่นี่ มีใครบ้างที่ไม่ใช่รุ่นอาวุโสของเจ้า มีท่านใดบ้างไม่คู่ควรกับชาของเจ้า

ในเมื่อชาตระหนักรู้นี้สอดคล้องกับวิชาในศิลาจักรพรรดิสืบต่อมรรค เช่นนั้นก็มีวาสนากับผู้อริยะทุกท่าน ผู้อริยะทุกท่านควรได้ดื่มชานี้

ตั้งใจต้มเถอะ เดี๋ยวค่อยรินชาให้ผู้อาวุโสทุกท่าน ผู้อาวุโสทุกท่านเป็นมหาอริยะที่มีคุณธรรมและบารมีสูงส่ง จะไม่เอาเปรียบเจ้าแน่ ถึงตอนนั้นหากพวกเขาตระหนักมรรคสำเร็จ จะถ่ายทอดยอดวิชาให้เจ้า หรือมอบอาวุธอริยะสองสามชิ้นเป็นของขวัญพบหน้าให้เจ้า ก็มากพอจะให้เจ้าได้สุขสบายแล้ว

กับอีแค่ใบชาตระหนักรู้ใบเดียวอย่าขี้เหนียวเลย ต้มมาเยอะๆ หากชามีจำกัดแบ่งไปไม่ครบทุกคน ผู้อาวุโสเหล่านี้คงไม่พาลใส่เจ้าหรอก

เทียนเอ๋อร์ รินชาเถอะ!”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เอ่ยเสียงเฉยชา แต่กลับทำให้ผู้อริยะพวกนั้นตาเปล่งประกายแสงเฝ้ารอคอย

ไม่นานก็มีผู้อริยะหยัดกายขึ้นด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน นัยน์ตาเขามีความปวดใจเสี้ยวหนึ่ง ก่อนจะนำกระจกอันหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ

ผู้อริยะคนนี้ส่งกระจกมาตรงหน้าเสิ่นเทียน “ได้ยินมานานแล้วว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มีบุคลิกทรงเสน่ห์ที่สุดแห่งยุค มีพรสวรรค์เลิศล้ำ และยังเป็นบุตรแห่งโชคที่มีสวรรค์ดูแล วันนี้ได้พบช่างสมคำร่ำลือจริงๆ

อาวุธอริยะชิ้นนี้คือ ‘กระจกแสงทมิฬ’ ภายในแฝงไว้ด้วยแสงม่วงลับบริสุทธิ์ไท่อี่ ใช้ป้องกันกาย ขอมอบให้บุตรศักดิ์สิทธิ์เป็นของขวัญพบหน้ากัน!”

ใช้อาวุธอริยะมาเป็นของขวัญพบหน้ากันรึ

เมื่อคำพูดของผู้อริยะคนนี้ดังขึ้น ชนรุ่นหลังทั้งหมดโดยรอบต่างสูดลมหายใจเย็นๆ เฮือกหนึ่ง

ต้องรู้ว่านั่นคืออาวุธอริยะ ผู้สูงศักดิ์สวรรค์มากมายยังไม่มีอาวุธอริยะเลย มูลค่าของมันมากพอจะทำให้ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ส่วนใหญ่ตาแดง

มูลค่าของใบชาตระหนักรู้สีเงินในเวลาปกติก็เทียบได้กับอาวุธอริยะหนึ่งชิ้นแล้ว แต่ผู้อริยะคนนี้กลับทำใจนำอาวุธอริยะออกมาเป็นของขวัญพบหน้าให้เสิ่นเทียนได้ นี่น่าตกใจจริงๆ

แม้แต่ตัวเสิ่นเทียนเองยังอึ้งไปเล็กน้อย

ไหนว่าใบไม้หนึ่งใบมีค่าเท่ากับอาวุธอริยะหนึ่งชิ้นไม่ใช่รึ เหตุใดผู้อาวุโสท่านนี้จะดื่มชา ถึงส่งมาให้ชิ้นหนึ่งเลยล่ะ

เพราะใบชานี้สอดคล้องกับศิลาจักรพรรดิสืบต่อมรรครึ นี่จะฟุ้งเฟ้อเกินไปแล้วกระมัง!

“ผู้อาวุโสกล่าวเกินไปแล้ว อาวุธอริยะนี้ล้ำค่าอย่างยิ่ง แซ่เสิ่นละอายใจมิกล้ารับไว้จริงๆ”

“บุตรศักดิ์สิทธิ์ถ่อมตัวแล้ว เจ้ามีใบหน้าที่สุดแห่งยุค กระจกแสงทมิฬนี้มอบให้เจ้า ต่อให้ไม่ใช้จู่โจม ในยามปกติก็ใช้ชมใบหน้าหล่อเหลาของตนได้ดีที่สุด”

“ผู้อาวุโสเกรงใจไปแล้วจริงๆ!”

“บุตรศักดิ์สิทธิ์รับไว้เถอะ!”

“ผู้อาวุโสท่านอย่าทำเช่นนี้เลย!”

“บุตรศักดิ์สิทธิ์ดูถูกกระจกนี้ของข้า หรือว่าดูถูกข้ากัน”

“คือ…เฮ้อ ในเมื่อผู้อาวุโสรักและเมตตาเช่นนี้ ผู้เยาว์จะขอรับไว้แล้วกัน ขอเชิญผู้อาวุโสดื่มชา”

เสิ่นเทียนรีบรินน้ำชาตระหนักรู้สีเงินออกมาจากเหยือกถ้วยหนึ่ง ก่อนจะส่งไปตรงหน้าผู้อริยะคนนั้นอย่างนอบน้อม

ผู้อริยะคนอื่นเห็นภาพนี้แล้ว ถึงกับตะลึงค้างไปเลย!

“บัดซบ ไม่อยากเชื่อว่าจะให้อาวุธอริยะ นี่จะฉวยโอกาสขึ้นราคาชากันรึ!”

“เจ้านี่เริ่มมาก็มอบอาวุธอริยะแล้ว ถ้าข้าไม่ให้อาวุธอริยะ จะไม่ขายหน้าตายรึ”

“ขายหน้าเรื่องเล็ก ปัญหาคือชาตระหนักรู้ใบนี้ต้มน้ำชาได้นิดเดียวเอง ถ้าไม่ให้อาวุธอริยะ แล้วไม่ได้แบ่งน้ำชาล่ะจะทำอย่างไร”

“เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงลูกสุนัข แดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วงไม่ถูกกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาตลอดไม่ใช่รึ เหตุใดเขาถึงกระโดดออกมาให้ความร่วมมือกับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ล่ะ”

“แผนการร้าย นี่เป็นแผนการร้ายชัดๆ!”

……

ผู้อริยะทุกคนตอนนี้กำลังด่ามารดาอย่างบ้าคลั่งในใจ กระทั่งแม้แต่ฉีเซ่าเสวียนข้างกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ตอนนี้ยังสงสัยในชีวิตนิดๆ

อาจารย์ร่ำรวยเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อไร เขาร้องห่มร้องไห้ว่าตัวเองยากจนกับข้ามาตลอดไม่ใช่รึ

เขาบอกว่าแดนศักดิ์สิทธิ์ยากจนไม่มีสมบัติล้ำค่า ให้ข้าว่างก็ออกไปผจญภัยข้างนอกบ่อยๆ

เขาบอกว่าอาจารย์ให้ได้แค่ภูมิหลัง สิ่งที่สร้างด้วยตัวเองนั่นต่างหากคือแม่น้ำภูเขา!

ข้ายังคงเชื่อมั่นไม่สั่นคลอน ทั้งยังท่องสุภาษิตที่อาจารย์ให้กำลังใจตนไว้ทุกวันวันละสองรอบ

หลายปีมานี้ เพื่อตามหาสมบัติมาเสริมความแกร่งให้แดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง ท่านรู้หรือไม่ว่าข้าต้องลำบากเพียงใด

ตอนนี้ล่ะ!

ข้า ฉีเซ่าเสวียน ศิษย์แท้ๆ ของท่านยังไม่ได้อาวุธอริยะเลย

ตอนนี้ท่านกลับนำอาวุธอริยะมาเป็นของขวัญพบหน้าให้สหายเสิ่น นี่หมายความว่าอย่างไรกัน

เป็นอันดับหนึ่งใต้ฟ้านี่ น่าปวดใจเกินไปแล้วกระมัง!

…………………..