Chapter 22:พูดคุยด้วยเหตุผล!
บนดาดฟ้าของอาคาร ก้อนเมฆบนบังแสงของดวงอาทิตย์สายลมพัดปลิวไสว
ตอนนี้ตัวของเสี่ยวหลัว ถูกล้อมรอบไปด้วยชายหนุ่มหกคนที่มีแท่งเหล็กถืออยู่ในมือ
“ฉันจะบอกพวกนาย พวกเราก็ล้วนแต่เป็นนักศึกษามหาลัยเดียวกัน พวกนายอย่าทําตัวเป็นพวกอันธพาล และนักเลงหัวไม้เลย สังคมที่เราอยู่ในตอนนี้ถูกปกครองโดยกฎหมาย การกระทําของพวกนายกําลังท้าทายกฎหมายอยู่ ดังนั้นฉันจึงมีสิทธิ์ที่จะห้ามไม่ให้พวกนายทําเช่นนั้น ” เสี่ยวหลัวกล่าวแนะนํา
มันเป็นเพียงแค่เกมและเขาก็ไม่ต้องการที่จะสั่งสอนคนพวกนี้ด้วยกำลัง
“นายกําลังจะทําให้พวกฉันหัวเราะจนตายใช่ไหม นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมาบอกเราเกี่ยวกับกฎหมายไอโง่!” ผู้ชายที่มีสิวหัวเราะเสียงดัง
เสียงหัวเราะของคนอื่นๆก็ดังตามขึ้นมา พวกเขามองเสี่ยวหลัวเหมือนพวกเขามองคนบ้าที่มีสติปัญญา
เสี่ยวหลัวก้มศีรษะลงครุ่นคิดและพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ดูเหมือนว่าจะไม่มีทางเลือกแล้ว”
ผู้ชายที่เป็นสิวะตะโกนเสียงดัง : “ไปอัดมัน เอาสมองควายๆ ออกจากหัวของมัน!”
ทั้งห้าคนกระโจนพุ่งเข้าใส่เสี่ยวหลัว
เมื่อเห็นพวกเขาวิ่งเข้ามา การแสดงออกบนใบหน้าของเสี่ยวหลัวก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นอย่างช้าๆ เมื่อชายหนุ่มที่อยู่แถวหน้าเหวี่ยงแท่งเหล็กเข้ามาใส่เขา ร่างกายของเสี่ยวหลัวก็ก้าวถอยหลังโดยสัญชาตญาณเพื่อหลีกเลี่ยงจากการโจมตี เขาหลีกเลี่ยงแท่งเหล็กที่ถูกเหวียงมาอย่างใจเย็น เขาหลบการโจมตีได้ทุกครั้งด้ว ยการเคลื่อนไหวที่เรียบง่าย แต่มีประสิทธิภาพ
ทั้งห้าคนตกอยู่ในความประหลาดใจ พวกเขาไม่คิดเลยว่าเสี่ยวหลัวจะคล่องแคล่วว่องไวเช่นนี้
หลังจากทําการป้องกันการโจมตีของพวกเขา เสี่ยวหลัวก็เริ่มตอบโต้กลับบ้าง ในสายตาของเขาการเคลื่อนไหวของคนกลุ่มนี้มันเชื่องช้เป็นอย่างมาก จนเขาสามารถมองเห็นเส้นเลือดที่ปูดออกมาจากหลังมือและเส้นผมที่กําลังร่วงหล่น
มือของเขาว่องไวราวกับงูพิษ เสี่ยวหลัวโจมตีออกไปความเร็วที่รวดเร็วมาก ทันทีที่เขาจับข้อมือของชายสองคนได้ เขาก็ดึงมันอย่างแรง แรงแขนที่แข็งแกร่งของเขาทําให้ชายทั้งสองบินลอยออกไป
ชายทั้งสองรู้สึกราวกับพวกเขาถูกพุ่งชนด้วยรถบรรทุก พวกเขาลอยไถลไปกับพื้น เมื่อหยุดลงพวกเขานอนแบนราบอยู่กับพื้น ฟันหน้าของพวกหักและก็มีเลือดไหลออกมาจากปากของพวกเขา เสียงกรีดร้องดังหวยหวนอยู่บนดาดฟ้า
ชายคนหนึ่งยกแท่งเหล็กสูงเหนือหัวของเขาและกําลังจะทุบหัวของเสี่ยวหลัว แต่เขาก็รู้สึกว่าเขาไม่สามารถเหวี่ยงแท่งเหล็กลงมาได้ ดูเหมือนว่ากําลังติดอะไรบางอย่าง เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมองเขาก็เห็นมือใหญ่ที่กําลังกําแท่งเหล็กราวกับคีม มือนั้นเป็นของเสี่ยวหลัว
ไม่ว่าชายคนนั้นจะพยายามออกแรงมากเพียงใดแท่งเหล็กก็ไม่แม้แต่จะขยับ
“ปล่อย….ปล่อยสิ!” ชายคนนั้น กรีดร้องออกมาด้วยความกลัว
เสี่ยวหลัวออกแรงเพียงเล็กน้อยก็ยึดเอาแท่งเหล็กมาครอบครองได้อย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็ก้าวไปข้างหน้าและฟาดแท่งเหล็กลงบนไหล่ของเขาและกระแทกใส่หน้าอกอีกข้างอย่างรุนแรง
ปัง
ชายคนนั้นรู้สึกราวกับว่ามีวัวป่าตัวหนึ่งพุ่งเข้าชนเขาเข้าอย่างจัง อวัยวะภายในของเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในขณะนี้ ร่างกายของเขาสูญเสียการควบคุมขณะที่ร่างถูกส่งลอยออกไป เขาล้มลงบนพื้นแข็งที่ห่างออกไปสามหรือสี่เมตร เขาส่งเสียงหอนที่น่าสังเวชออกมา
เมื่อเห็นว่าพักพวกทั้งสามคนของเขาพ่ายแพ้ลงในพริบตาเดียว ดวงตาของชายที่เป็นสิวก็เบิกกว้าง และอีกสองคนที่เหลือก็ยืนนิ่งแข็งเป็นหินและเต็มไปด้วยความหวาดกลัว มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าพวกเขาไม่รู้สึกกลัว พวกเขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าเสี่ยวหลัวจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้
เสี่ยวหลัวถอนหายใจออกมาและพูดออกมาอย่างสงบ”ฉันพยายามที่จะพูดคุยด้วยเหตุผลกับพวกนายแล้ว แต่พวกนายกลับใช้ความรุนแรงด้วยแท่งเหล็ก เพื่อทําให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว และพยายามแสดงให้ฉันเห็นว่า พวกนายเป็นคนที่โหดเหี้ยมแค่ไหน ใครกันที่บอกวิธีนี้กับพวกนายว่ามันได้ผล? แต่พวกนายก็ทําให้ฉันรู้สึกสนุกขึ้นมานิดหน่อย!”
เสี่ยวหลัวยิ้มออกมาและพูดด้วยน้ําเสียงที่ทรงพลัง
เสี่ยวหลัวคิดว่าเขาเป็นเทวดาตอนที่ยิ้มให้กับพวกเขา แต่ในสายตาของคนเหล่านี้นั้นเขาราวกับเป็นปีศาจร้ายที่กระหายเลือด ชายหนุ่มทั้งสามคนรู้สึกหวาดกลัวมาก หัวใจของพวกเขาเต้นระรัวที่หน้าผากมีเหงื่อออกไหลออกมาราวกับสายน้ําเนื่องจากความกลัว
“เฉินเจีย ไปอัดมัน … อัดมัน!”
เสียงของชายชายที่มีสิวสั่นคลอนในขณะที่เขาหันไปสั่งชายหนุ่มหน้าตาดีที่ยืนอยู่ข้างเขา
เฉินเจีย ผลักคนอื่นที่อยู่ข้างเขาให้ออกไป: “เซียปิน แกไปสิ!”
ชายหนุ่มที่ชื่อเซียปิน ที่ถูกผลักออกมาสัญชาตญาณของเขาบอกว่าให้ถอยกลับไป แต่เขาก็ต้องกัดฟันและวิ่งเข้าไปหาเสี่ยวหลัว
เสี่ยวหลัวไม่รอช้า เขาเหวี่ยงแท่งเหล็กที่อยู่ในมือฟาดเข้าใส่ต้นคอของคนที่วิ่งเข้ามาอย่างแรง
“ปัง “
ชายคนนั้นรู้สึกราวกับคอของเขาถูกตัดขาดแยกออกจากกัน เขาถอยกลับไปได้ไม่กี่ก้าวแล้วก็ล้มลงไปกองกับพื้น
ป่าเถื่อนแม่นย่าและไร้ความปราณีไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย
ในดวงตาของเสี่ยวหลัวนั้นมีแต่ความเยือกเย็น
“อึก ” เสียงกลืนน้ําลาย
ชายหนุ่มที่มีสิวและเฉินเจีย อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ําลายลงอย่างแรง เหงื่อเย็นของพวกเขาไหลดั่งสายน้ํา พวกเขามองไปที่เสี่ยวหลัวอย่างหวาดกลัว
ในเวลานี้พวกเขารู้สึกหวาดกลัว “จริงๆ” อีกฝ่ายเป็นเพียงมนุษย์ และพวกเขาทั้งหกคนก็มีความสามารถในด้านกีฬาเป็นพิเศษ แต่เสี่ยวหลัวก็ทําราวกับพวกเขาราวกับว่าพวกเขาไม่มีความสามารถอะไรเลย
เสี่ยวหลัวก้าวเดินไปข้างหน้าพวกเขา
ชายทั้งสองคนกลัวจนไม่สามารถที่จะถือแท่งเหล็กเอาไว้ในมือของพวกเขาได้อีกต่อไป และมันก็ถูกปล่อยให้ตกลงพื้นด้วยเสียงอันดังก้อง
“ทําไม ตอนนี้พวกนายกลัวงั้นเหรอ?”
เสี่ยวหลัวเดินเข้าใกล้พวกเขาทีละก้าวด้วยรอยยิ้มที่เย้ยหยันอยู่บนใบหน้าของเขา
“อย่า…อย่าเข้ามา การทุบตีคนด้วยแท่งเหล็กมันเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย นายไม่กลัวตํารวจจะจับกุมนายหรือไง?” ชายที่เป็นสิวพูดด้วยน้ําเสียงที่สั่นคลอน
เสี่ยวหลัวดวงตาของเขาหดแคบลงและพูดเยาะเย้ย“ตอนนี้นายกําลังบอกฉันว่ามันผิดกฎหมายงั้นเหรอแล้ว ก่อนหน้านี้พวกนายทำอะไร หากพวกนายพูดคุยด้วยเหตุผลกับฉัน ฉันก็จะพูดด้วยเหตุผลกับพวกนาย หากพวกนายต้องการที่จะเล่นบทเหี้ยม ฉันก็จะเล่นบทเหี้ยมกับพวกนายด้วยเช่นกัน เช่นนั้นพวกเราถึงได้มาถึงในจุดๆนี้”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ชายทั้งสองก็รู้สึกอยากจะร้องไห้ พวกเขามีความสามารถในด้านกีฬาและพวกเขาก็เชื่อว่า พวกเขาสามารถเดินไปที่ใดก็ได้ในมหาวิทยาลัยนี้ตราบเท่าที่พวกเขาต้องการ แต่พวกเขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าจะมาเตะเจอตอที่แข็งแบบนี้ ตอแข็งนี้คืออะไร? เห็นได้ชัดว่ามันเป็นตอที่เป็นอันตรายอย่างมาก!
“เราต้องขอโทษคุณด้วย … คุณไม่จําเป็นที่จะต้องทําแบบนี้!” เฉินเจีย ร้องไห้ออกมาด้วยความกลัว
“ขอโทษ?”
เสี่ยวหลัวส่ายหัวและพูดออกมาอย่างเย็นชา “สายเกินไปแล้ว!”
หลังจากสิ้นสุดคําพูดแท่งเหล็กที่อยู่ในมือของเขาก็เข้าไปทักทายชายทั้งสองโดยปราศจากความเมตตา พวกเขากรีดร้องออกมาราวกับหมูถูกเชือด
อีกด้านหนึ่งในหอพักจูเสี่ยวเฟยและเติ้งไค ก็กําลังทําการต่อสู้กับทางด้านจิตใจที่อ่อนแอของพวกเขาในที่สุดพวกเขาก็เอาชนะความกลัวของพวกเขาได้
“เรื่องทั้งหมดในครั้งนี้เกิดขึ้นจากฉัน ฉันไม่สามารถให้พี่หลัวมาออกหน้ารับแทนได้ ดังนั้นฉันจะขึ้นไปต่อสู้ด้วยทุกสิ่งที่ฉันมี” จูเสี่ยวเฟย ขบฟันของเขาและตะโกนออกมาด้วยความโกรธ เขายกเก้าอี้และรีบไปวิ่งไปที่ดาดฟ้า
“พี่หลัว ผมมาแล้ว!”
เติ้งไคมีความกล้าหาญน้อยกว่า ดังนั้นเขาจึงตบหน้าตัวเองสองสามครั้งต่อหน้ากระจกบานใหญ่และจินตนาการว่าเขากําลังถูกคนอื่นตบ ด้วยความโกรธนี้เขาจึงเพิ่มความกล้าหาญขึ้น และเขาก็ยังหยิบไม้ถูพื้นที่อยู่ในห้องน้ําขึ้นมาและวิ่งตะโกนไปตลอดทาง
ทั้งคู่ต่างก็ตะลึงเมื่อพวกเขาขึ้นไปถึงบนดาดฟ้า
เสี่ยวหลัวยืนอยู่ตรงกลางเสมือนต้นสนที่หยั่งรากลึก ตรงหน้าของเขา มีคนหกคนที่มาที่นี่เพื่อสร้างความเดือดร้อน แต่ตอนนี้ทุกคนกําลังนอนอยู่บนพื้นและร่ําไห้ออกมาด้วยความเจ็บปวดอย่างทุกข์ทรมาน แท่งเหล็กกระจัดกระจายไปทั่วทั้งพื้นที่
ที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
มันคงไม่ใช่ผลงานชิ้นเอกของพี่หลัวใช่ไหม?
จูเสี่ยวเฟยและเติ้งไค แทบจะไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“ทําไมพวกนายถึงมาที่นี่” เสี่ยวหลัวโยนแท่งเหล็กที่อยู่ในมือทิ้งลงบนพื้นแล้วเดินไปหาพวกเขา
เสี่ยวเฟยจู ยกเก้าอี้ในมือของเขาขึ้นโดยไม่รู้ตัว: “เพื่อมาช่วยพี่!”
เติ้งไคพยักหน้าเห็นด้วยราวกับไก่กําลังจิกข้าวกินบนพื้น
“นั่นไม่จําเป็นหรอก ฉันพูดด้วยเหตุผลกับพวกเขาและพวกเขาทั้งหมดก็ปฏิบัติตามกฎหมาย!”
เสี่ยวหลัวหันกลับมาและมองไปที่คนทั้งหกคน ใบหน้าของเสี่ยวหลัวแสดงออกมาอย่างสดใสร่าเริง มันด้วยมันเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน แต่ในสายตาของชายทั้งหกนั้นมันไม่แตกต่างไปจากรอยยิ้มของซาตาน พวกเขาลดระดับศีรษะของพวกเขาลงทันทีหลังจากที่สบตากับเสี่ยวหลัว พวกเขาไม่กล้ามองตาเสี่ยวหลัวเลยแม้แต่ น้อย
พวกเขาจะไม่มีวันลืมความกลัวที่เกิดจากผู้ชายคนนี้เลยเด็ดขาด!
จูเสี่ยวเฟยและเติ้งไค จะเชื่อได้อย่างไรว่าเสี่ยวหลัวจะพูดกับพวกเขาด้วยเหตุผล” การพูดคุยกันด้วยเหตุผล มันจะส่งผลทําให้ร่างกายของเขาพวกปริแตกได้อย่างไร
“หนึ่งต่อหก? โอ้พระเจ้า, พี่หลัว พี่คือยิบมันที่กลับชาติมาเกิดใช่ไหม?” จูเสี่ยวเฟยพึมพํากับตัวเองด้วยความตกใจ