กู้ชูหน่วนสตรีอัปลักษณ์ บทที่ 455
เผ่าหยกอยู่อย่างสันโดษมานานหลายปีแล้ว จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะหลบซ่อน

“หัวหน้าเผ่า ท่านดูสิ เช่นนั้นท่าน……”

“เอาเถอะ ข้าเข้าใจความหมายของท่าน เดิมทีวันนี้ข้าต้องการจะลาพวกท่าน อีกเดี๋ยวข้าจะออกไปจากเผ่าหยก”

เหล่าผู้อาวุโสทั้งหลายต่างโล่งใจ

“อาหน่วน หากเจ้าไม่ชินกับการอยู่ข้างนอก เจ้าก็กลับมาอยู่ที่เผ่าหยกอีกสักหลาย ๆ วัน พวกเราต่างรอคอยให้เจ้ากลับมา แต่เจ้าอยู่เพียงแค่ไม่กี่วันก็จะจากไปแล้ว พวกเรายังไม่อยากให้เจ้าจากไป เจ้าไม่อยู่ก็ไม่มีใครมาดื่มเป็นเพื่อนข้า” ผู้อาวุโสหกทำหน้าตาบูดบึ้ง

“เจ้าคิดว่าท่านหัวหน้าเผ่าเป็นเหมือนเจ้าหรือ ที่วัน ๆ เอาแต่เอ้อระเหยลอยชาย และทำแต่เรื่องของตัวเอง” ผู้อาวุโสสูงจ้องมองไปที่ผู้อาวุโสหกอย่างไม่สบอารมณ์

บอกพวกเขาว่าไม่ต้องตามมา พวกเขาก็ต้องตาม

ดูจากท่าทางของพวกเขาแล้ว ไม่น่าแปลก หากหัวหน้าเผ่าจะสงสัย

“ข้ายังต้องไปตามหาไข่มุกมังกร ไปเสียตอนนี้เลยจะดีกว่า ต้องรบกวนให้พวกท่านช่วยดูแลท่านพี่เฉินเฟยแล้ว”

ผู้อาวุโสเจ็ดตกใจ “จะไปเดี๋ยวนี้เลยหรือ?”

“ใช่”

“เจ้าค่อยไปตอนกลางคืนดีหรือไม่”

“ไปตอนกลางคืน?”

“ไปตอนกลางคืนจะปลอดภัยกว่า หากเจ้ากลัว ข้าจะไปเป็นเพื่อนเจ้า แล้วส่งเจ้าจากไป”

บ้างก็ไล่ให้นางจากไป บ้างก็อยากให้นางอยู่ต่อ?

ผู้อาวุโสเหล่านี้เล่นสนุกอะไรกัน?

กู้ชูหน่วนเป็นห่วงอาการบาดเจ็บของอี้เฉินเฟย และแทบอยากจะเจอไข่มุกมังกรในตอนนี้เลย นางปฏิเสธความหวังดีของพวกเขาอย่างสุภาพ จากนั้นก็หิ้วห่อผ้าและพาเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ออกไปจากเผ่าหยก

ไม่รู้ว่าเป็นการจัดเตรียมของผู้อาวุโสสูงหรือไม่ ตอนที่นางจากไป ไม่มีชาวบ้านรู้แม้แต่คนเดียว มีผู้อาวุโสเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มาส่งนาง

“ผู้อาวุโสทุกท่าน ข้ามีเสี่ยวจิ่วเอ๋อร์พาไป และพวกท่านก็บอกวิธีที่จะเข้าออกเขตอาคมกับข้าหลายรอบแล้ว ข้าสามารถออกไปเองได้ พวกท่านไม่ต้องไม่ส่งข้าหรอก”

“ได้อย่างไรกัน ท่านเป็นหัวหน้าเผ่า ท่านจะออกไปจากเผ่า พวกเราจะไม่ไปส่งได้อย่างไร?”

“เพื่อที่จะช่วยอี้เฉินเฟย พวกท่านต้องสูญเสียกำลังภายในไปไม่น้อย และสถานการณ์ในเผ่าก็ไม่ค่อยดีนัก ดังนั้นพวกท่านไม่จำเป็นต้องไปส่งข้า นี่เป็นคำสั่ง”

“นี่……เช่นนั้นก็ได้ ขอให้หัวหน้าเผ่าเดินทางปลอดภัย” ผู้อาวุโสสูงลังเลอยู่ครู่หนึ่งและปฏิบัติตามคำสั่ง

ผู้อาวุโสหกกะพริบตา “ครั้งหน้ากลับมา อย่าลืมเอาเหล้าชั้นดีมาด้วย และห้ามกลับมามือเปล่า”

“ไป ๆ ๆ เหล้าชั้นดีอะไรกัน ขอเพียงแค่หัวหน้าเผ่ากลับมาอย่างปลอดภัยก็พอแล้ว ท่านอย่ากดดันตัวเองมากเกินไป สิ่งที่ดีที่สุดคือการเจอไข่มุกมังกร แต่หากไม่เจอก็ไม่เป็นไร ไม่มีใครตำหนิท่าน”

“ข้าขอลาก่อน”

กู้ชูหน่วนคารวะและผิวปาก เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เข้าใจในทันที ร่างเล็ก ๆ ของมันก็กลายเป็นงูยักษ์ จากนั้นก็พากู้ชูหน่วนหายออกไปจากหุบเขา

ผู้อาวุโสสูงถอนหายใจ นัยน์ตาของเขาเต็มไปด้วยความกังวล

ผู้อาวุโสเจ็ดเป็นกังวลอย่างมาก เขาตบมือของตัวเองและกล่าวว่า “หัวหน้าเผ่าจากไปแล้ว ท่านผู้อาวุโสสูง ท่านคิดว่าเราจะไม่ส่งคนไปคุ้มกันหัวหน้าเผ่าจริง ๆ หรือ?ตอนนี้วรยุทธของนางต่ำต้อย หาก……”

“วันนี้ครบสิบห้าแล้ว คำสาปโลหิตของทุกคนในเผ่าจะสำแดงฤทธิ์ แล้วจะคุ้มกันได้อย่างไร?”

“ยังมีคนต่างเผ่าอีกไม่ใช่หรือ?พวกเขาสามารถ……”

“เหลวไหล เหตุใดพวกเราต้องช่วยหัวหน้าเผ่ารักษาอาการบาดเจ็บให้อี้เฉินเฟยด้วย พวกเราสูญเสียพลังลมปราณไปไม่น้อย และเกรงว่าคืนนี้จะไม่สามารถควบคุมคนเหล่านั้นได้ ส่วนเด็กต่างเผ่าคนอื่น ๆ พวกเขายังต้องดูแลคนในเผ่าอีกมากมาย

คนในเผ่ามีไม่เพียงพอ จะไปคุ้มกันหัวหน้าเผ่าได้อย่างไร ยิ่งไปกว่านั้น……หัวหน้าเผาก็บอกแล้วว่าไม่ต้องส่งคนไปคอยตามคุ้มกันนาง มิฉะนั้นจะถูกค้นพบสถานะที่แท้จริงได้อย่างง่ายดาย และคำสั่งของหัวหน้าเผาก็มิอาจฝ่าฝืนได้”

“ในตอนนั้นวรยุทธของหัวหน้าเผาสูงส่ง แต่ตอนนี้……”

“ข้าเชื่อในตัวหัวหน้าเผา หากนางไม่มีแม้แต่ความสามารถที่จะปกป้องตัวเอง นางจะเป็นหัวหน้าเผาของพวกเราได้อย่างไร”

ที่ชายขอบเขตอาคม กู้ชูหน่วนนั่งบนหินและเอามือเท้าคาง นางจ้องมองไปที่เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ที่กำลังมองหาทางออก และถอนหายใจ

เจ้างูโง่ตัวนี้บอกว่าจำสิ่งที่ผู้อาวุโสสูงบอกได้ และยังตบหน้าอกเพื่อเป็นการรับรองว่าจะพานางออกไปได้อย่างแน่นอน

ผลสุดท้าย……

ผลสุดท้ายกลายเป็นว่านางไม่ควรจะเชื่อคำพูดของเจ้างูตัวนี้

เจ้างูตัวนี้พานางวนไปรอบ ๆ หุบเขาหลายรอบ จนนางรู้สึกเวียนหัวตาลาย แต่ก็ยังไม่สามารถออกไปจากอาเขตอาคมได้

ในท้ายที่สุดก็วนจนนางไม่สามารถแยกแยะทิศทางได้ ดังนั้นนางจึงทำได้เพียงนั่งอยู่ที่นี่และรอให้มันหาทางออกให้เจอ

“ฟ่อ ๆ……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์เอาหัวดันไปทางซ้าย

กู้ชูหน่วนกลอกตาให้มันเป็นรางวัล “หาต่อไป ข้าจะไม่ตามเจ้าไปวนรอบหุบเขาแล้ว”

“ฟ่อ ๆ……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ส่งเสียงด้วยความคับข้องใจ

หุบเขาหยกขาวใหญ่มากขนาดนี้ และภูเขาแต่ละลูกก็คล้าย ๆ กัน นี่เป็นการรังแกงูชัด ๆ

นายท่านควรบอกให้พวกเขาเอาภูเขาออกไปให้หมด

กู้ชูหน่วนกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “แต่ที่นี่มีภูเขากว่าหนึ่งแสนลูก และแต่ละลูกก็เชื่อมต่อกัน หากเจ้ามีความสามารถ เจ้าก็เอาออกไปเองสิ และเจ้าก็ไม่ต้องมาเรียกข้าว่านายท่าน เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นสัตว์เดรัจฉานหรืออย่างไร”

“ฟ่อ ๆ……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กะพริบตาอย่างไร้เดียงสา

มันไม่ได้กินอาหาร จึงไม่มีเรี่ยวแรง และกลัวว่าจะทำลายตัวเอง

กู้ชูหน่วนถอนหายใจอีกครั้ง

ใครจะสามารถนำทางนางออกไปได้?

แม้หากไม่ได้ พานางกลับไปที่หมู่บ้านได้ก็ยังดี

กู้ชูหน่วนลุกขึ้นและจัดกระโปรงที่มีรอยยับให้ดี ในขณะที่นางกำลังจะเสี่ยงดวงหาทิศทาง ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงแว่วดังเข้ามาในหู

“ข้าบอกเจ้าแล้วว่าต่อไปอย่าวิ่งออกมาไกลเช่นนี้ แต่เจ้าก็ไม่ฟัง พวกเราคงกลับไปไม่ถึงบ้านก่อนคืนที่สิบห้าแน่ ๆ”

“หากพวกเรากลับไปไม่ทันจริง ๆ ก็หาสถานที่ที่ห่างไกล และรอให้ผ่านคืนที่สิบห้าไปก่อน เพื่อที่จะได้ไม่ทำร้ายผู้อื่น”

“นอกจากทำเช่นนั้นแล้ว ยังจะทำอย่างไรได้อีก หวังว่าพวกเราจะผ่านคืนนี้ไปไห้อย่างราบรื่น และไม่รู้ว่าพี่สาวของข้าจะเป็นอย่างไรบ้าง พี่สาวของข้าตั้งครรภ์ได้เก้าเดือนกว่าแล้ว และทารกในท้องของนางก็พร้อมที่จะคลอดออกมาได้ทุกเมื่อ ข้ากลัวจริง ๆ ว่าลูกของพี่สาวข้าจะคลอดออกมาในคืนที่สิบห้า”

“เฮ้ย ๆ ๆ เจ้าปากเสีย พูดอะไรไร้สาระ พี่สาวของเจ้าเป็นคนจิตใจดี สวรรค์ย่อมไม่ปล่อยให้นางคลอดเด็กผู้หญิงออกมาในคืนที่สิบห้าหรอก”

“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น”

“บอกตามตรงว่าข้านับถือในความกล้าหาญของพี่สาวเจ้าจริง ๆ นางกล้าที่จะให้กำเนิดเด็กผู้หญิง แต่ข้าไม่กล้าแม้แต่จะแต่งงาน บรรดาพี่ชายและพี่สาวของข้ามีจิตใจที่กล้าหาญกว่าข้ามากนัก อย่างน้อยพวกเขาก็กล้าแต่งงาน แต่ไม่กล้าที่จะให้กำเนิดลูก”

“พี่ชายและพี่สะใภ้ของเจ้าชอบเด็กมากไม่ใช่หรือ?”

“ชอบก็ชอบ แต่มีใครบ้างไม่กลัว หากให้กำเนิดเด็กผู้หญิงในคืนที่สิบห้าจะทำอย่างไร อีกอย่าง……ทุกคนในหมู่บ้านของพวกเราต้องคำสาปโลหิต และจะสำแดงฤทธิ์

ทุกคืนที่สิบห้า ทุกคนต้องเจ็บปวดทรมานจนไม่อยากมีชีวิตอยู่ เจ้าว่าหากให้กำเนิดเด็กผู้หญิงออกมา จะไม่เป็นการมีชีวิตอยู่อย่างทุกข์ยากหรือ?พวกเราได้ลิ้มรสชาติของการมีชีวิตอยู่ก็ไม่ได้ ตายก็ไม่ได้ หรือว่ามันยังไม่มากพอ?”

“ก็จริง เมื่อเจ้าพูดเช่นนี้ ข้าก็ยิ่งไม่กล้าแต่งงาน และไม่กล้าที่จะให้กำเนิดเด็กผู้หญิง เฮ้อ หัวหน้าเผ่าจากไปนานขนาดนี้ ไม่รู้ว่าได้พบไข่มุกมังกรแล้วหรือไม่ หากสามารถรวบรวมไข่มุกมังกรทั้งเจ็ดเม็ดได้ จะดีมากแค่ไหนกัน เช่นนี้แล้วทุกคนจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานจากคำสาปโลหิตอีกไป”

“เพื่อที่จะตามหาไข่มุกมังกร หัวหน้าเผ่าต้องยอมสูญเสียไปเท่าไหร่ และต้องยากลำบากมากแค่ไหน หากให้ข้าพูด ก็คงต้องแล้วแต่ชะตากรรม ข้ายอมตายอย่างทุกข์ทรมาน ดีกว่ายอมให้หัวหน้าเผ่าหัวใจแหลกสลายเพื่อพวกเรา”

ชาวบ้านสองเดินไปพลางพูดคุยกันไปพลาง

กู้ชูหน่วนมองดูพวกเขาเดินจากไป มือของนางสั่นเทา

คนทั้งหมู่บ้านต้องคำสาปโลหิต?

เช่นนั้นสถานการณ์ของทุกคนก็เหมือนกับอี้เฉินเฟย?

กู้ชูหน่วนไม่อยากจะเชื่อเลย หากทุกคนเป็นเหมือนกับอี้เฉินเฟยก็หมายความว่าพวกเขาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

เมื่อนึกถึงท่าทีที่ผิดปกติของอาหนิวและคนอื่น ๆ รวมทั้งผู้อาวุโสทั้งหลายเมื่อตอนกลางวัน

ในที่สุดกู้ชูหน่วนก็เข้าใจ

ผู้อาวุโสทั้งหลายไล่ให้นางออกไป เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้นางรับรู้เรื่องที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน

กู้ชูหน่วนเลือกทิศทางและกล่าวอย่างเยือกเย็น “เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์กลับไปที่หมู่บ้าน”

“ฟ่อ ๆ ……”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ปุ้ยปากไปทางซ้าย

ทางกลับหมู่บ้านน่าจะเป็นทางซ้าย

“ข้าเชื่อเจ้าก็เพี้ยนแล้ว ทางออกไปจากเขตอาคมก็ทางซ้าย ทางกลับหมู่บ้านก็ทางซ้าย?”

ต้องเป็นทางซ้ายอย่างแน่นอน นายท่านจะรังแกงูไม่ได้

“หยุดพูดไร้สาระ ไปทางขวาเดี๋ยวนี้ พาข้ากลับไปที่หมู่บ้าน”

น่าจะเป็นทางซ้าย……

“ปกติแล้วหากเจ้าบอกว่าทางซ้าย ก็ต้องไปทางขวา หากเจ้าบอกว่าทางขวา บางทีก็อาจจะต้องไปทางซ้าย”

เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์อยากจะคัดค้าน แต่กู้ชูหน่วนก็ปีนขึ้นมาบนตัวของมันแล้ว และตักเตือนอย่างเยือกเย็น “หากไม่รีบพาข้าไป ต่อไปเจ้าจะไม่ได้กินเนื้อปลาดี ๆ จากข้าอีก”

ประโยคนี้ทรงพลังมาก เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์โฉบและหายไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อกลับมาถึงหมู่บ้าน ท้องฟ้าก็มืดแล้ว

เดิมที่ในหมู่บ้านจะครึกครื้น แต่ในตอนนี้กลับไม่มีคนแม้แต่คนเดียว

หากไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านนี้มาเป็นเวลาหลายวันแล้ว กู้ชูหน่วนก็คงคิดว่าเป็นหมู่บ้านร้างและไร้ผู้คน

ผู้คนหายไปไหนกันหมด?

หมู่บ้านที่ใหญ่เช่นนี้ ผู้คนจะหายสาบสูญไปภายในวันเดียวได้อย่างไร

กู้ชูหน่วนไปที่หมู่บ้านข้าง ๆ แต่ก็เป็นหมู่บ้านที่ว่างเปล่าเช่นกัน ในหมู่บ้านไร้ซึ่งผู้คน

นางจึงวิ่งไปอีกหลายหมู่บ้าน แต่สุดท้ายก็เป็นเช่นเดียวกัน

ไม่เพียงแค่นั้น แม้กระทั่งอี้เฉินเฟยที่บาดเจ็บสาหัสก็หายตัวไปด้วย

ทันใดนั้นก็มีเสียงที่น่าสยดสยองแว่วมาแต่ไกล

ไม่นานเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดก็ดังก้องอยู่ไม่ขาด แต่ละเสียงชัดเจนในคืนอันเงียบสงัด

“เสี่ยวจิ่วเอ๋อร์ เร็วเข้า พาข้าไปที่หุบเขาข้างหน้า”