ตอนนี้ก็ใกล้เวลาอาหารค่ำแล้ว หลินจือได้บอกคุณท่านแล้วว่าจะลงมือเข้าครัวทำอาหารสักสองสามอย่างแล้วกินข้าวด้วยกันสักมื้อ เพราะนี่คงจะเป็นมื้อสุดท้ายที่พวกเขาจะได้นั่งทานร่วมโต๊ะกันแล้ว
ดวงตาของเทาเท่ดำขลับ บนอกเสื้อสูทของเขาก็มีใบชาอยู่สองสามใบ ราวกับถูกคุณท่านสาดน้ำชาใส่
หลังจากที่เข้ามาได้ก็ลากตัวหลินจือไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ หลินจือตกใจมาก ดิ้นรนขัดขืน“ คุณจะทำอะไร?”
เทาเท่กำข้อมือเธอแน่น กัดฟันและพูดว่า“หลินจือ คุณนี่มันแน่จริงๆ กล้าเอาเรื่องหย่ามาพูดกับคุณปู่ คุณไม่รู้หรือไงว่าท่านสุขภาพไม่ดี?”
หลินจือพยายามดึงมือตัวเองออก“ ฉันแค่คิดว่าในเมื่อเราจะหย่ากันแล้ว ก็ควรจะแจ้งให้คุณปู่ทราบ หากคุณคิดว่าฉันกำลังสร้างปัญหาอยู่ งั้นก็แล้วแต่คุณจะคิด ”
คนใช้ได้ออกไปก่อนแล้วตั้งแต่ที่เทาเท่เดินเข้ามา ห้องครัวขนาดใหญ่ก็จึงมีเพียงคนสองคนเท่านั้นที่กำลังประจันหน้ากันอยู่
เทาเท่มองไปยังใบหน้าที่ดื้อรั้นและเหินห่างของเธอเปลวไฟในอกก็ลุกโชนขึ้น
เขาอยากจะลากตัวหลินจือออกไป แต่หลินจือก็ขัดขืนอย่างสุดกำลัง“ คุณจะทำอะไร?”
เทาเท่ระงับความกรุ่นโกรธแล้วเหลือบมองเธอ ทันใดนั้นมุมปากก็ยกยิ้มอย่างชั่วร้าย“ คุณชอบตรงนี้ ?”
“ได้ งั้นตามใจคุณ”เขาพูดพลางยกมือขึ้นถอดเข็มขัดของตัวเอง
สีหน้าของหลินจือซีดเผือด จ้องเขม็งมองเขาอย่างไม่เชื่อสายตา “เทาเท่ คุณบ้าไปแล้วหรือไง ?”
เมื่อก่อนก็อาจจะมีบ้างบางครั้งที่เธอมีปากเสียงกับเขา ใบหน้าของเขาก็เหมือนจะไม่มีอะไร แต่สุดท้ายก็จะเอามันมาระบายกับเธอบอกเตียงอย่างรุนแรง
ท่าทีของเขาในตอนนี้ ช่างเหมือนกับตอนที่กำลังจะลงโทษเธอทุกครั้งบนเตียงเลย
เทาเท่กดร่างเธอแนบติดไปกับประตูหลินจือขัดขืนอย่างสุดกำลัง“ ปล่อยฉันนะ!”
เทาเท่โอบกอดเธอจากข้างหลัง น้ำเสียงที่เย็นเยือกราวกับปีศาจที่มาจากขุมนรก“ หากคุณอยากให้คนทั้งบ้านได้ยินว่าเรากำลังทำอะไรกัน คุณก็ส่งเสียงร้องได้เลย แต่ผมคิดว่าคงไม่มีใครกล้าเข้ามาห้ามหรอกนะ เพราะยังไงตอนนี้เราก็ยังเป็นสามีภรรยากัน”
น้ำตาของหลินจือไหลออกมาอย่างไม่รักดี วันนี้เธอสวมกระโปรงมา ซึ่งมันสะดวกต่อการรุกรานอย่างป่าเถื่อนของเขา
ไม่รู้ว่าเรื่องน่าอัปยศอดสูนี้สิ้นสุดลงไปตอนไหน เธอรู้เพียงว่าร่างทั้งร่างของเธอนั้นราวกับได้ตายไปแล้วยังไงอย่างนั้น
ตอนนี้พวกเขาอยู่กันที่คฤหาสน์ และอยู่ในห้องครัว เทาเท่ทำแบบนี้กับเธอโดยไม่สนใจอะไรเลย เหยียบย่ำศักดิ์ศรีเธอลงแทบเท้า ทำให้เธอมองหน้าใครไม่ติด
“เทาเท่ ฉันเกลียดคุณ!”หลินจือจัดเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิง ตวาดใส่เขาด้วยดวงตาที่แดงก่ำ หันหลังแล้ววิ่งออกไป เทาเท่ขบกรามแน่นยืนอยู่ในครัวและมองดูร่างของเธอหายลับไป
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ระหว่างพวกเขาเธอกลายเป็นคนขีดเขียนตอนจบ ?
เธอสมควรโดน
และสุดท้ายเทาเท่ก็ไม่ได้ไล่ตามไป
หลินจือแบกความอับอายไปหานานิ หัวสมองของเธอตอนนี้ไม่มีความคิดเรื่องอื่น รู้เพียงจะเป็นแบบนี้ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว การหย่าของเธอกับเทาเท่ยังไงก็ต้องเกิดขึ้น ไม่อย่างนั้นแล้วหากเขาคิดอยากจะล่วงเกินเธอตอนไหนก็จะทำมันตอนนั้น
เทาเท่เพิกเฉยต่อการขอหย่าของเธอ แต่เธอก็ใช่ว่าจะอับจนหมดหนทาง
คืนวันเสาร์ งานเลี้ยงประจำปีของฟอเรนากรุ๊ป
ภายในงานเต็มไปด้วยศิลปินดารามากมาย บรรดานักธุรกิจและมหาเศรษฐีก็ปรากฏตัวขึ้นด้วยเช่นกัน
ซูซีก็อยู่ที่นั่นด้วย นั่งเคียงข้างอยู่กับเทาเท่
ทุกคนในวงการต่างรู้กันดี ว่าฟอเรนากรุ๊ปก็มีแผนกละครและภาพยนตร์ด้วย ว่ากันว่าในตอนนั้นเทาเท่ก่อตั้งมันขึ้นมาเพื่อดูแลและสนับสนุนซูซี สามปีมานี้ซูซีก็ประสบความสำเร็จจนกลายเป็นนักแสดงหญิงแถวหน้าของวงการ
เพราะเทาเท่กับหลินจือแต่งงานกันอย่างเงียบๆบุคคลภายนอกก็จึงคิดว่าเทาเท่นั้นโสด ดังนั้นระหว่างซูซีกับเทาเท่ก็มักจะมีข่าวที่ชวนให้ต้องสงสัยกันอยู่ตลอด ระหว่างนักแสดงชื่อดังกับนักธุรกิจผู้ลึกลับร่ำรวยและเย็นชา ลองขบคิดกันเล่นๆก็มีเรื่องราวมากมายที่ลึกซึ้งให้นึกถึง
ในช่วงที่งานเลี้ยงดำเนินมาได้ครึ่งทาง เทาเท่กับซูซีและผู้บริหารระดับสูงของฟอเรนากรุ๊ปขึ้นบนเวที เพื่อร่วมพิธีเปิดโปรเจกต์ภาพยนตร์และละครด้วยกัน
พิธีเปิดเสร็จสิ้น และในจังหวะที่เทาเท่กำลังจะหันหลังกลับ เสียงที่นุ่มนวลและไพเราะก็ดังขึ้น“ประธานเทาเท่ กรุณารอสักครู่”