การอาบน้ำในวันปกติ ใช้เวลามากที่สุดก็คือเวลาดื่มชาหนึ่งถ้วย วันนี้เป็นโอกาสหายาก นางเสียเวลาไปกว่าครึ่งชั่วยาม
หลังจากทำความสะอาดร่างกาย อวิ๋นหว่านชิ่นดึงประตูเล็ก ๆ ที่อยู่ใต้ถังน้ำออกมา ใส่น้ำและผสมอีกถังอีกครั้ง จากนั้นก็เอนตัวพิงถังอาบน้ำ ยกเท้าที่ล้างอย่างหอมหวลแล้วขึ้น ก่อนจะพิงผนังถังไม้ตรงหน้า แล้วตะโกนขึ้น
ด้านนอกห้องเล็ก ซย่าโหวซื่อถิงนั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะในห้องหนังสือ กางเอกสารราชการออก สายตาจดจ่อ ทว่าหูกลับฟังเสียงการอาบน้ำอันครึกโครมของนาง จนกระทั่งนางตะโกนออกมา ถึงได้รู้สึกตัวว่าอ่านไม่เข้าหัวเลยแม้แต่ตัวเดียว
เขาเดินไปตรงเข้า พยายามปรับให้น้ำเสียงของตัวเองให้นิ่งที่สุด “มีอะไร”
ได้ยินแต่เพียงเสียงคนด้านในเอ่ย “รบกวนคุณชายสามสั่งให้คนไปเอาผงชาด ผงกำยาน ไข่ขาวแล้วก็…”
เขารู้ว่านางต้องการมันไปทำไม จึงคอยฟัง พอฟังจบ ก็ขานรับไปทีหนึ่ง ก่อนจะออกจากห้องไป เปิดประตูไปตรงทางเดิน เรียกสาวใช้ให้เข้ามา แล้วสั่งให้ไปเตรียมตามที่นางสั่ง
สาวใช้ฟังแล้วรู้สึกประหลาดใจ เนื่องจากนางอายุยังน้อย ปากเลยไว อดที่จะพูดไม่ได้ “ท่านอ๋องต้องการของใช้ผู้หญิงไปทำไมกันหรือ…” เห็นสายตาอันเย็นชาของท่านอ๋องมองมา จึงกลืนความสงสัยเมื่อครู่ไป ก่อนจะวิ่งไปตระเตรียม
รอให้สาวใช้คนนั้นนำตลับเครื่องสำอางกลับมา ซย่าโหวซื่อถิงก็กลัวว่านางจะรอจนร้อนใจ จึงเอาไปส่งถึงประตูทันที
สาวใช้ลูบหัว รู้สึกสงสัย ก่อนจะหันหลังกลับเดินได้สองสามก้าว ก็เจอกับสาวใช้อีกสองคน
สาวใช้สองคนนั้นเห็นนางพึมพำอะไรอยู่คนเดียว ก็ตบหัวนาง ก่อนจะเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “ท่านอ๋องเรียกเจ้าไปทำงานไม่ใช่หรือ ทำไมท่าทางแปลกๆ เหมือนกับไปเป็นโจรมาอย่างนั้นแหละ!”
สาวใช้ตีน้องสาวที่คุนเคยทั้งสองคนไปหนึ่งที ก่อนจะเข้าไปใกล้ “พวกเจ้าทายซิว่าท่านอ๋องเรียกให้ข้าไปทำอะไร เขาให้ข้าไปเอาผงชาด แป้งน้ำ ผงกำยาน…ส่วนใหญ่เป็นของใช้ของผู้หญิงทั้งนั้น พวกเจ้าว่าแปลกไหม…”
“ท่านอ๋องจะเอาของพวกนั้นไปทำอะไร”
เสียงของสาวใช้คนนั้นต่ำลงเข้าไปอีก “ดูท่าแล้ว ต้องใช้ทันทีด้วย รีบเอาเข้าไปเลย”
“ถุย ท่านอ๋องมาที่เยี่ยนหยาง ไม่ได้พาพระชายามาด้วย ทั้งยังไม่ได้เรียกหญิงสาวเข้าไปนอนด้วยอีก จะเอาของพวกนั้นไปทำอะไร ท่านอ๋องคงไม่ได้ใช้เองกระมัง”
เมื่อคำพูดนี้แพร่งพรายออกมา สาวใช้ทั้งสามก็หัวเราะคิกคัก พอหัวเราะจบ กลับเงียบอีกครั้ง มองหน้ากัน นัยน์ตาฉายแววสงสัยมากกว่าเดิม
เรียกหญิงสาวเข้าไปนอนด้วยหรือ
หรือว่าเรียกเข้าไปแล้วจริง ๆ
มันธรรมดาเกินไปหากจะบอกว่าโอรสคนโตหรือเครือญาติของฮ่องเต้เรียกหญิงงามให้ไปพักด้วย แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ตั้งใจ แต่ขุนนางและผู้ใต้บังคับบัญชาในบริเวณใกล้เคียงก็จะเสนอให้ เพราะคนประจบสอพลอมีอยู่ทุกที่
เหมือนกับตอนที่ฉินอ๋องมาที่เยี่ยนหยาง ข้าหลวงสวีและผู้ตรวจราชการเหลียงเคยเสนอ และให้หญิงบริสุทธ์ผู้ฉลาดและอ่อนโยนเข้าค่ายบัญชาการ คอยดูแลองค์ชาย เพียงแต่ถูกฉินอ๋องผลักออกมาเสียก่อน
เรื่องนี้ทำให้คนในค่ายบัญชาการประหลาดใจไปช่วงหนึ่ง อายุของฉินอ๋อง กำลังอยู่ในวัยกลัดมัน อยู่ในเยี่ยนหยางไม่ใช่แค่เวลาวันสองวัน เหตุใดถึงอดทนได้นะ
พอเห็นว่ามีเรื่องราวเช่นนี้ สาวใช้ทั้งสามรู้สึกราวกับพบแผ่นดินใหม่ อดกลั้นไม่อยู่แล้ว
คนหนึ่งเอ่ยปาก “ไม่อย่างนั้น เราไปดูที่นอกห้องท่านอ๋องไหม”
“รนหาที่ตายหรือ กล้าไปแอบฟังท่านอ๋องที่ผนังหรือ”
“แหม ไม่ได้เข้าไปเสียหน่อย! เพียงดูอยู่นอกเรือนเท่านั้น แอบมองเฉยๆ หากด้านในมีคนจริงๆ ออกมาก็เจอแล้วไม่ใช่หรือ ไม่ได้เปิดเผย กลัวอะไร”
ทั้งสามคนใจเต้นแรงขึ้นมา ไหนๆ งานของวันนี้ก็เสร็จแล้ว มองหน้าแล้วพากันยิ้ม ก่อนจะจูงมือกันไปจริงๆ
ทว่าด้านในห้องหนังสือ ซย่าโหวซื่อถิงนำตลับเครื่องสำอางเข้าไป ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าห้องเล็ก เคาะประตูสองที เอ่ยถาม “เอามาให้แล้ว”
อวิ๋นหว่านชิ่นยังอยากแช่น้ำอีกหน่อย คร้านจะลุกไปใส่เสื้อผ้าออกไปเอา จึงขานรับ “รบกวนองค์ชายสามนำเข้ามาให้หน่อยเจ้าค่ะ วางไว้บนโต๊ะวางกำยานที่หน้าประตูได้เลย”
สามีภรรยายังจะใช้คำว่ารบกวนอะไรอีก เกรงใจกันขนาดนี้เชียว ชายหนุ่มนอกประตูขมวดคิ้ว ไม่พอใจมาก ได้ยินที่นางเอ่ยว่าให้ตนนำเข้าไป ในใจก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะบิดกลอนประตู เดินเข้าไป
ภายในห้องด้านข้าง ปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายจากการอาบน้ำของนาง ไอขาวกระจายไปทั่ว ราวกับอยู่ในแดนเทพเซียน
เขานำตลับเครื่องสำอางวางไว้บนโต๊ะวางกำยาน สุดท้ายก็หยุดสายตาไว้ไม่อยู่ มองไปทางม่านบังลมขาว
บนม่านเผยเงาข้างลำตัวอันสวยสดและมีส่วนเว้าโค้งที่โดดเด่น
คนคนนั้นอิงอยู่ในอ่างอาบน้ำ ลำพังแค่ครึ่งลำตัวก็งดงามราวกับภาพวาดแล้ว สองแขนขาวเรียววางอยู่สองฝั่งถังอาบน้ำ ขาขาวดุจหิมะแรก ยกขึ้นเล็กน้อย วางอยู่บนขอบถัง
ผมยาวดกดำราวสาหร่ายทะเล เพราะนางหันหลังนั่งตัวตรง จึงผมมีสองสามเส้นตกลงบนพรมขนสัตว์สีแดงเลือด และปลิวลอยออกจากมาจากหลังม่านบังลมอย่างซุกซน
เพียงแค่เงา กลับทำให้เขาต้องกลืนน้ำลาย ฝีเท้าหยุดชะงัก นัยน์ตาสั่นเล็กน้อย
ราวกับมีมดนับหมื่นพันกำลังกัดกินอยู่ในกระดูก ปฏิกริยาในเวลานี้ ไม่ต่างอะไรกับการเข้าใกล้นางเลย
ครั้งเยาว์วัยอู้เต๋อไต้ซือได้มีโอกาสสอนชี่กงการควบคุมจิตใจให้กับเขา ทุกครั้งที่มีลางบอกเหตุเกี่ยวกับการเจ็บป่วย เขาต่างใช้ชี่กงหยุดยั้งมันไว้ ทว่าคราวนี้จะใช้ชี่กงใด ต่อให้เป็นพระไวโรจนพุทธะมาสวดก็ยากจะสกัดกลั้น
“องค์ชายสามมีอะไรอีกหรือไม่” คิดว่านางตาบอดหรืออย่างไร จ้องอยู่ได้
ลำพังทิวทัศน์เดิมก็งดงามอยู่แล้ว บวกกับเสียงแหบของสาวน้อยหลังม่าน พลันทำให้ซย่าโหวซื่อถิงรู้สึกว่ามีคนผลักเขาหนึ่งที จมูกร้อนฉ่า กำมือแน่นจนฝ่ามือแดงก่ำ
ขายหน้าแล้ว
เขาหันกลับไปเงียบ ๆ
อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นเขากุมหน้าออกไป ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก ก่อนจะไปหยิบตลับเครื่องสำอาง เมื่อแต่งหน้าอยู่ตรงหน้ากระจกเสร็จ จึงเช็ดผมให้แห้ง แล้วมวยผมขึ้นไปอีกครั้ง สุดท้ายถึงได้เช็ดตัวให้แห้งแล้วสวมเสื้อผ้า ก่อนจะออกไป
เขานั่งอยู่บนตั่ง หันหลังให้นาง “ไปเถิด”
นานๆ ทีจะบอกให้นางออกไปก่อนเลยนะเนี่ย อวิ๋นหว่านชิ่นแปลกใจ พอมองไป เห็นเขาถือผ้าขนสัตว์สีขาวในมือ บนนั้นยังมือรอยเลือดอย่างชัดเจน
มองแค่แวบเดียวก็เป็นเช่นนี้แล้ว แย่จริงๆ อวิ๋นหว่านชิ่นนั่งลง แย่งผ้าเอาไว้ในคราวเดียว ก่อนจะเช็ดให้เขา เช็ดไปเช็ดมา ก็กลั้นยิ้มไม่อยู่
ซย่าโหวซื่อถิงเห็นนางยกมุมปาก หน้าแดงก่ำ ทว่ายังตรึงคิ้วให้ตึงไว้ได้อยู่ ก่อนจะจับข้อมือนางให้หยุด “พอแล้ว”
อวิ๋นหว่านชิ่นเห็นเขาเป็นเช่นนี้ ก็กลัวว่าเขาจะป่วย จึงเตือนก่อนออกไป “หากไม่สบาย ก็อย่าลืมกินยา” ทำความสะอาดประตูศาลาว่าการของข้าหลวงสวีที่เคยถูกโจรโพกผ้าเหลืองครอบครองเสร็จ นางก็ไม่ลืมที่จะกำชับซือเหยาอัน ให้เอายาที่แอบนำมาจากเมืองหลวงออกมา ว่าให้เอาไปให้เขา
ครั้นออกมาจากห้องหนังสือ ฟ้ามืดและอากาศก็หนาวแล้ว
อวิ๋นหว่านชิ่นกระชับคอเสื้อ นำเสื้อผ้าตัวเก่าที่ใส่มาตอนแรกห่อไว้ในเสื้อคลุมกันหนาวแล้วออกจากประตูไป รู้สึกเพียงทั้งร่างกายสบายขึ้นมาก ถือโคมไฟ เพิ่งจะออกจากเรือนได้ไม่นาน กลับไปได้ยินเสียงสาวใช้สองสามคนลอยออกมาจากหน้าประตู
“แม่นางชิ่งเอ๋อร์นี่นา!”
“เมื่อกี้เป็นแม่นางชิ่งเอ๋อร์อยู่ในห้องท่านอ๋องเองหรอกหรือ”
“ท่านอ๋องสั่งให้คนไปเอาผงชาด แป้งร่ำน้ำปรุง เพื่อนำมาให้แม่นางชิ่งเอ๋อร์ใช้หรือ”
“แม่นางชิ่งเอ๋อร์กับท่านอ๋องไม่ได้……”
สาวใช้คนหนึ่งเข้าไปในห้องท่านอ๋องกลางดึก อยู่ตั้งนานแถมยังเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกด้วย หลังจากนั้นคนเป็นนายก็สั่งให้คนนำเครื่องเครื่องสำอางเข้าไป…จะไม่คิดไปทางครุมเครือได้อย่างไร
แม้สองสามคนนั้นจะกำลังถามไถ่กันอยู่ ทว่าก็แน่ใจแล้ว