เมื่อผู้คนเหล่านี้ได้กลับไปที่เมืองฮวายหนิง พวกเขาแต่ละคนก็ได้เทเลพอร์ตจากเมืองฮวายหนิงกลับไปยังเมืองขนาดใหญ่ต่างๆที่อยู่ตามทวีปโลหิตวิญญาณ ทันใดนั้นข่าวที่ว่าเซนต์โลหิตวิญญาณถูกผนึกอยู่ในหุบเขาจริงๆนั้นก็ถูกแพร่กระจายออกไปทั่วทั้งทวีป ส่งผลให้เกิดความโกลาหลอย่างมาก

“ข่าวด่วน ข่าวด่วน ข่าวลือเป็นเรื่องจริง เซนต์โลหิตวิญญาณถูกผนึกอยู่ในหุบเขาจริงๆ บางคนได้เดินทางไปทำการตรวจสอบที่หุบเขาแห่งนั้นและค้นพบบาเรียที่ลึกลับซึ่งแม้แต่ผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ก็ไม่สามารถที่จะทำลายได้”

บางคนที่ได้ประโคมข่าวออกไปในทันที บ่งบอกว่ามีบางคนที่ได้เดินทางไปสืบสวนที่หุบเขาแห่งนั้นและค้นพบบาเรียห้วงมิติขนาดใหญ่ที่ปิดกั้นอยู่ ซึ่งนี่ไม่ใช่เป็นการกุเรื่องสร้างภาพหลอกลวง

“นี่เป็นความจริงหรือ ไม่ใช่ข่าวลืออีกอย่างหรือ?”

“พูดถูก หากเป็นสถานที่ที่เซนต์โลหิตวิญญาณถูกผนึกไว้จริงๆ มีที่ไหนที่จะตามหาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้”

“การปล่อยข่าวลือนั้นเป็นความผิดทางอาญา ไม่ว่าอย่างไรก็อย่าพูดจาไร้ความรับผิดชอบเช่นนี้”

ต่อให้จะมีบางคนประโคมข่าวออกมาเช่นนี้ ก็ยังคงมีผู้คนจำนวนมากที่รู้สึกสงสัยและไม่เชื่อ คิดว่าเรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผล หากสามารถที่จะตามหาสถานที่ปิดผนึกเซนต์โลหิตวิญญาณได้อย่างง่ายดายเพียงนั้น ถ้าอย่างนั้นเป็นไปได้อย่างไรที่หลายหมื่นปีที่ผ่านมานี้จะไม่ได้มีข่าวอะไรออกมาเลย

“นี่เป็นเรื่องจริง ข้าจะได้ประโยชน์อะไรจากการหลอกลวงพวกเจ้า หากไม่เชื่อก็สามารถที่จะเดินทางไปตรวจสอบที่หุบเขานั่นด้วยตนเอง ถึงอย่างไรซะสถานที่แห่งนั้นก็ตั้งอยู่ที่เดิม คงจะไม่หนีไปไหน”

บางคนที่พูดออกมาอย่างจริงจัง บ่งบอกว่าตนเองนั้นไม่ได้โกหกอย่างแน่นอน “แม้แต่ผู้อาวุโสของสำนักวิญญาณรวมถึงจ้าวสำนักวิญญาณก็ได้เดินทางไปที่นั่น พวกเขาเริ่มที่จะทำการปิดกั้นหุบเขาแห่งนั้นแล้วเช่นกัน”

“หากไปช้าแม้แต่ก้าวเดียว อาจจะไม่ได้มีโอกาสได้เข้าไปใกล้อีก”

เขาได้ตบหน้าอกของตนเอง

“เป็นจริงอย่างที่ว่า นี่เป็นเรื่องจริง ข้าได้รับข่าววงในมา ญาติของญาติของข้านั้นได้เดินทางไปที่สถานที่แห่งนั้นและค้นพบบาเรียที่ลึกลับขนาดใหญ่ คาดการณ์ได้ว่าอาจจะเป็นซากปรักหักพังโบราณที่ไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน”

บางคนที่ได้พูดเสริมขึ้นมาทันที เขาก็ยอมรับว่าตนเองได้รับข่าวนี้มาเช่นกัน ไม่สามารถที่จะปกปิดได้ เพราะว่าข้อเท็จจริงนี้ยิ่งใหญ่เกินไป ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถที่จะเก็บเป็นความลับไว้แต่เพียงผู้เดียวได้ เพียงพอที่จะทำให้ทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณสั่นสะเทือน

วันต่อมา ผู้คนต่างก็ทยอยกันเข้ามาในเมืองฮวายหนิง

บางคนก็ได้เห็นว่าสิบตระกูลที่ทรงอำนาจที่สุดของทวีปโลหิตวิญญาณได้ส่งกองกำลังทั้งหมดออกมา ผู้อาวุโสจำนวนมาก รวมถึงยอดฝีมือจำนวนมหาศาลของตระกูลต่างก็ถูกส่งออกมาที่นี่ หลั่งไหลเข้ามาในเมืองฮวายหนิงแห่งนี้จากทุกทิศทาง

แม้แต่บรรพบุรุษเก่าแก่รวมถึงชายชราจำนวนมากที่ได้หายตัวเป็นระยะเวลานานนั้นก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาที่นี่เช่นกัน ต้องการไปที่หุบเขาแห่งนั้นเพื่อสืบหาความจริงให้ได้ ว่ากันว่าชายชราเหล่านี้ต่างก็หวังว่าจะได้พบเจอวิธีที่จะยืดอายุขัยของตนเอง

นอกจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่เหล่านี้แล้วนั้น ก็มียอดฝีมือจำนวนมากที่ปฏิเสธที่จะดูด้อยกว่า พวกเขาต่างก็รู้สึกสงสัยในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก แต่ละคนต่างก็ส่งกองกำลังของตนเองออกไป

แน่นอนว่ากลุ่มอิทธิพลที่มีจำนวนผู้คนมากที่สุดและมีพลังอำนาจมากที่สุดนั้น ก็คือสำนักวิญญาณ

ผู้อาวุโส ผู้อาวุโสสูงสุดหรือแม้แต่จ้าวสำนักวิญญาณเองก็ไม่สามารถที่จะทนอยู่เฉยๆได้ พวกเขาต่างก็เดินทางมาจากสำนักวิญญาณสาขาหลักและมาถึงที่เมืองฮวายหนิงโดยตรง พวกเขานั้นเป็นกลุ่มคนที่เคยอวดอ้างว่าตนเองเป็นทายาทของเซนต์โลหิตวิญญาณและเป็นผู้สืบทอดของเขา

หากแม้แต่การที่ได้ยินเรื่องนี้ก็ไม่ส่งกองกำลังออกมานั้น หลังจากนี้พวกเขาจะกล้าอ้างสิทธิ์ได้อย่างไรว่าตนเองเป็นทายาทของเซนต์โลหิตวิญญาณ

อีกทั้งหากเซนต์โลหิตวิญาณสามารถหลุดพ้นออกมาปัญหานี้ได้จริงๆโดยที่พวกเขาไม่ได้เข้าไปช่วยเหลือนั้น หลังจากนั้นพวกเขาอาจจะถูกคิดบัญชีโดยเซนต์โลหิตวิญญาณ ตายไปโดยที่ไร้หลุมฝังศพ

ดังนั้น ไม่ว่าบาเรียนี้จะเป็นสถานที่ที่ปิดผนึกเซนต์โลหิตวิญญาณไว้หรือไม่ พวกเขาก็จะต้องเดินทางไปตรวจสอบ ไม่สามารถให้ใครตัดหน้าพวกเขาไปก่อนอย่างแน่นอน

ในช่วงเวลานี้ เมืองฮวายหนิงกลายเป็นศูนย์กลางความวุ่นวายของทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณ กองทัพจำนวนนับไม่ถ้วนต่างก็เดินทางมาจากทุกซอกทุกมุมของทวีป รวมตัวกันอยู่ในสถานที่แห่งนี้ จำนวนของผู้คนนั้นมหาศาล มียอดฝีมือมากมายดั่งก้อนเมฆบนฟากฟ้า

เรียกได้ว่าเพียงแค่หลับตาและโยนก้อนหินออกไปนั้น ก็สามารถที่จะปาถูกผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ได้

ด้วยประวัติศาสตร์อันยาวนานกว่าหลายหมื่นปีของทวีปโลหิตวิญญาณและด้วยพรสวรรค์ของชนเผ่าวิญญาณนั้น ที่นี่จึงมีผู้บ่มเพาะในระดับกายาศักดิ์สิทธิ์ในจำนวนที่นับไม่ถ้วนที่มารวมตัวกันอยู่ เป็นภาพที่น่าอัศจรรย์อย่างมาก

เหล่าอาชญากร โจร อันธพาลหรือว่ากลุ่มอิทธิพลมืดต่างๆของเมืองฮวายหนิงนั้น พวกเขาแต่ละคนต่างก็หดตัวเหมือนเป็นไข่ ไม่กล้าที่จะเงยหัวขึ้นมา พวกเขาเกรงกลัวว่าหากมียอดฝีมือคนใดที่รู้สึกว่าพวกเขาเกะกะลูกตาและใช้ฝ่ามือตบเข้าไปนั้น เมื่อถึงเวลานั้นการตายของพวกเขาจะไม่เป็นธรรมอย่างมาก

ดังนั้นในช่วงเวลานี้นั้นความปลอดภัยของเมืองฮวายหนิงจึงอยู่ในจุดที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่มีการลักเล็กขโมยน้อยใดๆเกิดขึ้น แต่ละคนต่างก็ไม่กล้าที่จะปรากฏตัวออกมา อพยพออกไปจากเมืองฮวายหนิงทั้งหมด

“ช่างน่าอัศจรรย์เกินไป ผู้นำตระกูลของสิบตระกูลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทวีปโลหิตวิญญาณและผู้อาวุโสจำนวนมากต่างก็เดินทางมาที่นี่ นี่มันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เป็นเหตุการณ์ที่ในชีวิตนี้คงจะได้เห็นเพียงแค่ครั้งเดียว”

“นี่มันเรื่องอะไรกัน ก่อนหน้านี้จ้าวสำนักวิญญาณฉางซื่อเซิงและผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักวิญญาณจำนวนมากก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาที่เมืองแห่งนี้ การที่ได้เห็นกองทัพเช่นนี้นั้น ข้าคงจะจดจำไปตลอดชีวิต คนเหล่านี้ล้วนเป็นผู้มีอิทธิพลที่ยิ่งใหญ่”

“ใช่ไหม? ตอนนี้ร้านน้ำชาและโรงแรมต่างๆในเมืองคงจะมีความสุขกันอย่างมาก รับเงินรับทองไปอย่างมหาศาล คาดการณ์ได้ว่าบุคคลที่มีอิทธิพลและยอดฝีมือของทั่วทั้งทวีปโลหิตวิญญาณต่างก็มารวมตัวกันอยู่ที่นี่”

“สถานการณ์ในอดีตที่ทำให้ผู้มีอิทธิพลจำนวนมากขนาดนี้มารวมตัวกันได้นั้น คาดการณ์ได้ว่าคงจะมีเพียงแค่ช่วงเวลาการทำสงครามกับปีศาจต่างถิ่น”

“ดูเหมือนว่าข่าวนี้จะมีโอกาส99%เป็นจริง ไม่อย่างนั้นเป็นไปได้อย่างไรที่จะดึงดูดผู้มีอิทธิพลจำนวนมากเช่นนี้ให้เข้ามาที่นี่ได้”

พลเรือนจำนวนมากของเมืองฮวายหนิงต่างก็พูดคุยกันด้วยอารมณ์ที่ล้นหลาม พวกเขาต่างก็ถอนหายใจออกมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งชีวิตนี้พวกเขาไม่เคยเห็นบุคคลผู้ยิ่งใหญ่มารวมตัวกันมากขนาดนี้มาก่อน ทว่าตอนนี้กลับได้พบเห็นทั้งหมด

เรียกได้ว่าเหตุการณ์ครั้งนี้เป็นเหตุการณ์ที่พวกเขาจะสามารถพูดโอ้อวดคนอื่นๆได้ตลอดชีวิต

“ข้ารู้สึกผิดอย่างมากที่ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่ามันเป็นเพียงแค่ข่าวลือ เป็นเรื่องตลก ใครจะไปคิดกันว่าเรื่องนี้เป็นความจริง หากเข้าไปตรวจสอบด้วยตนเองก่อนหน้านี้ล่ะก็ บางทีข้าอาจจะเป็นผู้ที่สามารถช่วยเหลือเซนต์โลหิตวิญญาณได้สำเร็จ”

บางคนที่กระทืบเท้าอย่างรุนแรง รู้สึกผิดกับการตัดสินใจของตนเองในอดีต

“อย่างเจ้านี่หรือ?”

ผู้คนที่อยู่ใกล้ๆพูดจาเหยียดหยามออกมา “อย่าว่าแต่การที่เจ้าไม่เชื่อตั้งแต่แรก ต่อให้เจ้าจะเชื่อและเดินทางไปยังหุบเขาแห่งนั้น เจ้าก็ไม่สามารถที่จะช่วยเหลือเซนต์โลหิตวิญญาณได้”

“หากมองข้ามเรื่องทั้งหมดไป เพียงแค่ก้อนหินวิญญาณจำนวนหนึ่งร้อยก้อนนั้น เจ้ามีอย่างนั้นหรือ?”

คนๆนั้นหน้าซีดทันที อย่าว่าแต่หินวิญญาณจำนวนหนึ่งร้อยก้อนเลย เพียงแค่ก้อนเดียวก็ไม่มี เพราะว่าถึงอย่างไรภายในทวีปโลหิตวิญญาณนั้นหินวิญญาณก็ถือว่าเป็นสินค้าที่ล้ำค่า มีมูลค่ามากกว่าทองคำเสียอีก

ผู้คนที่สามารถนำหินวิญญาณจำนวนหนึ่งร้อยก้อนออกมาได้นั้น หากไม่ใช่ยอดฝีมือ ก็มักจะเป็นผู้ที่มีต้นกำเนิดมาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่

“เป็นจริงอย่างที่ว่า ต่อให้จะเชื่อตั้งแต่แรก พวกเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้อยู่ดี”

“แต่ว่านี่ก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน ตราบใดที่สามารถช่วยเหลือเซนต์โลหิตวิญญาณได้ จากนั้นทวีปโลหิตวิญญาณของพวกเราก็จะโชคดีไปสิบชาติ”

“พูดถูก ดูสิว่ากลุ่มของปีศาจต่างถิ่นเหล่านั้นจะกล้าแสดงความยโสโอหังออกมาอีกหรือไม่ หลังจากนี้พวกปีศาจต่างถิ่นคงจะไม่กล้าเข้ามาที่นี่อีก”

“เมื่อใดที่เซนต์โลหิตวิญญาณปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง มันจะเป็นฤกษ์ยามงามดีของพวกเรา”

พลเรือนจำนวนมากต่างก็ตั้งหน้าตั้งตารอ

…………………..

ในช่วงเวลานี้ กลุ่มอิทธิพลต่างๆของทวีปโลหิตวิญญาณต่างก็มารวมตัวกันที่หุบเขาแห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็นผู้อาวุโสของตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ผู้นำตระกูลหรือว่ายอดฝีมือของสำนักวิญญาณจำนวนมหาศาล พื้นที่รอบๆในระยะหลายหมื่นกิโลเมตรนั้นก็ถูกระบุให้เป็นพื้นที่หวงห้าม คุ้มกันโดยกองทัพขนาดใหญ่ บุคคลภายนอกไม่สามารถที่จะผ่านเข้าออกได้

เรียกได้ว่าสถานที่แห่งนี้ถูกระบุเป็นพื้นที่หวงห้ามโดยสมบูรณ์ แม้แต่การป้อนกันของสำนักวิญญาณสาขาหลักนั้นก็ไม่ได้มีความเข้มงวดเช่นนี้ ยอดฝีมือเกือบทั่วทั้งทวีปได้มารวมตัวกันอยู่ที่นี่

ไม่ว่าศัตรูใดๆที่กล้าบุกรุกเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ มีเพียงแค่ความตายเท่านั้นที่รออยู่