ณ มุมหนึ่งของเมืองฮวายหนิง

กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังก็ได้เห็นเหตุการณ์ความวุ่นวายของเมืองฮวายหนิงเช่นกัน ทว่าตอนนี้พวกเขานั้นกลับรู้สึกหดหู่อย่างมาก เพราะว่าเฝ้ารอมาเป็นระยะเวลาถึงหนึ่งเดือน เจ้าบัดซบเซี่ยปิงก็ไม่ได้ออกมาจากสำนักวิญญาณ ไม่สามารถที่จะมองหาโอกาสในการลงมือได้

“บัดซบ เป็นไปได้อย่างไรที่เจ้าบัดซบนั่นอยู่ภายในสำนักวิญญาณเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือนโดยที่ไม่ก้าวเท้าออกมาแม้แต่ก้าวเดียว แม้แต่โอตาคุที่เก็บตัวก็ไม่ได้มีพฤติกรรมเช่นนี้ นี่เขาไม่คิดที่จะออกมาสูดอากาศหายใจข้างนอกเลยหรือ?!” ฟางกุ่ยพูดออกมาอย่างหดหู่ ต่อให้เขาจะเป็นนักฆ่าที่มีความอดทนสูง ทว่าสำหรับสถานการณ์เช่นนี้ เขาก็ยังคงวิตกกังวล

เพราะทุกครั้งที่พวกเขาอดทนเฝ้ารอนั้น พวกเขาจะต้องมีหลักฐานรับประกัน ล่วงรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามจะปรากฏตัวออกมาที่นี่อย่างแน่นอน ล่วงรู้ว่าตนเองจะสังหารเป้าหมายได้อย่างแน่นอน

ทว่าเมื่อเผชิญกับเซี่ยปิงซึ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่ได้ปฏิบัติตามสามัญสำนึกของมนุษย์ปกติทั่วไปนั้น พวกเขาก็ไม่มีความแน่ใจ

สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ ชีวิตสุนัขของพวกเขานั้นอยู่ในกำมือของเซนต์เพชฌฆาตบ้าคลั่ง อยู่ในสภาวะที่ตายได้ทุกเมื่อ หากไม่ได้กำจัดเซี่ยปิง พวกเขาก็จะต้องตาย ไม่มีใครที่สามารถช่วยเหลือพวกเขาได้

หากจู่ๆเจ้าเด็กนี่เปลี่ยนใจและตัดสินใจที่จะเดินทางออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณอย่างกะทันหันล่ะก็ จากนั้นชีวิตของพวกเขาก็คงจะจบสิ้น

เพราะว่าสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ต่อให้พวกเขาจะได้ยินถึงเรื่องสถานที่ปิดผนึกของเซนต์โลหิตวิญญาณ พวกเขาก็ยังคงนิ่งเฉยและไม่ได้สนใจ สมบัตินั่นก็เป็นสิ่งที่ดี ทว่าชีวิตของตนเองสำคัญยิ่งกว่า

ดังนั้นในสถานการณ์เช่นนี้ ยิ่งเวลาผ่านไปมากเท่าไหร่ พวกเขาก็ยิ่งวิตกกังวลมากขึ้นเท่านั้น สำหรับพวกเขามันยิ่งเป็นสถานการณ์ที่ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ มีความเป็นไปได้สูงขึ้นว่าเจ้าเซี่ยปิงจะเดินทางออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณอย่างกะทันหัน

“ออกมาหายใจตูดข้าสิ ไม่ใช่ว่าก่อนที่เขาจะเข้าไปในสำนักวิญญาณนั้นเขาได้นำหญิงสาวที่งดงามไปด้วยหรือ? คาดการณ์ได้ว่าภายในสำนักวิญญาณนั้น เจ้าเด็กนั่นคงจะร้องเพลงทั้งวันทั้งคืน มีความสุขกับการเก็บตัว กลายเป็นเจ้าบ่าวในทุกๆวัน”

“ยิ่งไปกว่านั้นข้าก็ได้ยินข่าวมา ผู้ที่เจ้าเด็กนี่ได้ใช้สถานะในการปลอมตัวนั้นก็คือจ้าวสำนักวิญญาณของเมืองฮวายหนิง สถานะเช่นนี้มีพลังอำนาจและอิทธิพลที่น่าสะพรึงกลัวในเมืองฮวายหนิง ได้ในทุกสิ่งที่ต้องการ ทว่าไม่รู้ว่าเขาทำเรื่องเช่นนี้ไปทำไมกัน การที่คิดปลอมตัวเป็นจ้าวสำนักวิญญาณนั้น ไม่เกรงกลัวว่าสถานะของตนเองจะถูกเปิดเผยและตายไปโดยที่ไร้หลุมฝังศพอย่างนั้นหรือ?”

“บัดซบ มีพลังอำนาจและอิทธิพลที่น่าสะพรึงกลัว? หากเป็นนั้น ไม่ได้หมายความว่าหากเขาต้องการผู้หญิงคนใด เขาก็จะได้มาอย่างนั้นหรือ? นี่มันช่างเป็นการพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินจริงๆ”

“ข้าได้ยินมาอีกเรื่องหนึ่งเช่นกัน ว่ากันว่าจั่วฮาวจ้าวสำนักวิญญาณของเมืองฮวายหนิงนั้นมีนางสนมที่งดงามเป็นจำนวนนับสิบคน ตอนนี้การที่เจ้าบัดซบนั่นปลอมตัวเป็นจั่วฮาวนั้น คาดการณ์ได้ว่าคงจะต้องการเสพสุขกับผู้หญิงเหล่านี้เช่นกัน หนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ไม่รู้ว่านางสนมของจั่วฮาวจำนวนกี่คนที่ได้ดูแลปรนนิบัติเขา ถึงอย่างไรซะนางสนมเหล่านี้ก็คงจะไม่ล่วงรู้ถึงสถานะที่แท้จริงของเขา”

“บัดซบ นี่มันยังมีความเป็นมนุษย์อีกหรือไม่? สังหารคนอื่นไม่พอ ยึดครองสถานะของเขาและใช้สถานะนั้นในการเสพสุขกับภรรยาและนางสนมของเขาอย่างนั้นหรือ? ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นนักฆ่า ทว่าข้าก็ไม่กล้าที่จะทำเรื่องที่ชั่วร้ายเช่นนี้ ข้ารู้สึกรังเกียจไอ้ลูกหมาที่ตีท้ายครัวคนอื่นเช่นนี้มาก!”

“บัดซบ นี่คือการเข้ามาทำภารกิจอย่างนั้นหรือ? เห็นได้ชัดว่าเป็นการใช้พลังอำนาจของตนเองในการข่มเหงผู้อื่น การเป็นลูกศิษย์ของเซนต์นี่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ”

“ลูกศิษย์ของนิกายที่ยิ่งใหญ่ต่างก็มีพฤติกรรมเช่นนี้ อย่าพูดถึงว่าเจ้าเด็กหนุ่มนี่ประสบความสำเร็จยิ่งกว่าคนอื่นๆ ทะยานขึ้นฟ้าภายในก้าวเดียว กลายเป็นลูกศิษย์ของเซนต์ นี่เป็นสิทธิพิเศษที่เหนือยิ่งกว่า ต่อให้มีฮาเร็มจำนวนสามพันคนก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติ”

“คาดการณ์ได้ว่าการที่เขาปลอมตัวเป็นจั่วฮาวนั้นไม่ใช่เพียงแค่ต้องการครอบครองหินวิญญาณเท่านั้น ทว่าต้องการที่จะใช้โอกาสนี้ในการเสพสุขกับนางสนมเหล่านี้เช่นกัน เพราะว่าถึงอย่างไร นางสนมที่มีประสบการณ์เหล่านี้ก็ย่อมที่จะดีกว่าเหล่าหญิงสาวตัวเล็กๆ”

กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังต่างก็รู้สึกอิจฉาจนเกลียดชัง อิจฉาอย่างถึงที่สุด คิดว่าเจ้าบัดซบเซี่ยปิงนี่ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาในสำนักวิญญาณ ทุกคืนต่างก็เป่าขลุ่ย มีความสุขกับผู้หญิงจำนวนมาก นี่ทำให้พวกเขานั้นรู้สึกไม่สบอารมณ์อย่างถึงที่สุด

ทำไมพวกเขาจะต้องใช้ชีวิตรออยู่ข้างนอกเช่นนี้ ในระหว่างที่ฝ่ายตรงข้ามใช้ชีวิตอย่างมีความสุข นี่มันช่างไม่ยุติธรรมจริงๆ

“ไม่สามารถที่จะรอต่อไปได้ จะต้องริเริ่มการจู่โจม ไม่อย่างนั้นไม่รู้ว่าพวกเราจะต้องรอจนถึงเมื่อไหร่” ขงนั่วพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม

“ริเริ่มการจู่โจม? จะริเริ่มการจู่โจมอย่างไร? นั่นคือสำนักวิญญาณ มีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา หากพวกเราเข้าไป จะต้องถูกฝ่ายตรงข้ามห้อมล้อมและอัดอย่างป่าเถื่อนอย่างแน่นอน เป็นการรนหาที่ตายอย่างเห็นได้ชัด”

“ใช่ รออยู่ที่นี่เถอะ อย่าทำเรื่องที่ไม่จำเป็น ไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการแจ้งเตือนศัตรู ทำให้เจ้าเด็กนี่ไหวตัวขึ้นมา หากฝ่ายตรงข้ามหลบหนีออกไปจากทวีปโลหิตวิญญาณอย่างกะทันหันนั้น พวกเราจะต้องเผชิญกับความตาย”

คนอื่นๆส่ายหัว คิดว่าไม่ควรกระทำอะไรที่บุ่มบ่าม บางครั้งการทำอะไรโดยที่ไม่ไตร่ตรองให้ดีนั้น จะเป็นจุดเริ่มต้นของการทำลายล้าง ถึงแม้ว่าพวกเขานั้นจะเริ่มอดทนรอไม่ไหว ทว่าพวกเขาก็ไม่ใช่คนโง่เขลา

“ม่ายยย พวกเราไม่จำเป็นที่จะต้องเข้าไปด้วยตนเอง” ขงนั่วยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย “ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินข่าวบางอย่างมา เหมือนกับว่าเจ้าเด็กนั่นจะมีความขัดแย้งกับฉางฉือลูกชายของจ้าวสำนักวิญญาณและได้ทำร้ายฉางฉือเช่นกัน ทั้งสองฝ่ายมีความบาดหมางกันจนอยู่ในจุดที่ไม่สามารถคลี่คลายได้ ต่อให้ใช้แม่น้ำทั้งห้าสายก็ไม่สามารถที่จะลบล้างได้”

“พวกเราควรที่จะใช้ประโยชน์จากฉางฉือ บีบบังคับให้เจ้าเด็กนั่นออกมาจากสำนักวิญญาณ”

สายตาของเขาเปล่งประกายด้วยแสงที่หนาวเหน็บ

“เจ้าต้องการที่จะทำอย่างไร?”

คนอื่นๆของกลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังต่างก็มองไปที่ขงนั่ว

“ง่ายมาก รายงานเขา!”

ขงนั่วยิ้มออกมาเล็กน้อย “พวกเราส่งคนออกไปยังสถานที่อยู่อาศัยของฉางฉือ รายงานว่าแท้ที่จริงแล้วเจ้าจั่วฮาวนั่นเป็นปีศาจต่างถิ่นที่แอบแฝงตัวเข้ามา เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉางฉือจะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างแน่นอน”

“เมื่อถึงเวลานั้น พวกเราก็จะราดน้ำมันลงสู่กองไฟอีกครั้ง แอบใส่ร้าย จากนั้นก็เป็นไปได้ยากที่เจ้าเด็กนั่นจะหลบหนีไปจากสำนักวิญญาณได้”

เขาบ่งบอกกลยุทธ์ของตนเองออกมา

“เยี่ยม เป็นกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม”

“กลยุทธ์ยืมดาบฆ่าคน นี่เป็นแผนการที่ดี ดำเนินทันที ข้าไม่ต้องการที่จะรออีกต่อไป”

“พูดถูก ในเมื่อเขาไม่ต้องการออกมานั้น จากนั้นพวกเราก็จะบีบบังคับให้เขาออกมา ดูสิว่าเขาจะต้องการเสพสุขกับผู้หญิงอีกหรือไม่”

กลุ่มเจ็ดนักฆ่ามือฉมังต่างก็มีจิตสังหารที่เดือดดาลออกมา ทันใดนั้นก็รีบดำเนินตามแผนการทันที

……………

ในตอนนี้ ณ ห้องที่เงียบสงบแห่งหนึ่งในสำนักวิญญาณสาขาเมืองฮวายหนิง

เซี่ยปิงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนพรม เขาได้หลับตาและไหลเวียนพลังเวทมนตร์ อากาศรอบๆนั้นบิดเบือน มีปรากฏการณ์เกิดขึ้น เหมือนกับว่ากลุ่มเปลวไฟได้ลุกโชนขึ้นมาและเปลี่ยนรูปกลายเป็นนกศักดิ์สิทธิ์

ทั่วทั้งห้องที่เงียบสงบแห่งนี้เต็มไปด้วยอุณหภูมิที่เร่าร้อน ดูเหมือนกับเป็นห้องอบไอน้ำก็ว่าได้ อากาศร้อนระอุ

ตึบ!

ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเปล่งแสงสีทองสองดวงทันที เหมือนกับว่าเจาะทะลวงห้วงมิติก็ว่าได้ ห้องที่เงียบสงบแห่งนี้เต็มไปด้วยเปลวไฟ ในช่วงเวลานี้ดูเหมือนว่าเปลวไฟเหล่านี้จะมีชีวิตเป็นของตนเองก็ว่าได้ พวกมันได้หลั่งไหลเข้าไปในรูขุมขนทั่วทั้งร่างกายของเซี่ยปิง

ภายในไม่กี่ลมหายใจ เปลวไฟของทั่วทั้งห้องก็ได้หายไปจนหมดจด พลังอำนาจในร่างกายของเขาก็ยิ่งใหญ่มากขึ้น เหมือนกับเป็นภูเขาที่ตั้งตระหง่านเป็นระยะเวลานานก็ว่าได้

เพราะว่าการที่ดูดกลืนหินวิญญาณเป็นจำนวนมหาศาลนั้น จิตตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์ของเขาก็ทรงอำนาจจนอยู่ในจุดที่ไม่สามารถคาดฝันได้ ส่วนลึกของความว่างเปล่า เหมือนกับว่ามีคมมีด ดาบ ระฆัง ค้อน ง้าวและอาวุธอื่นๆปรากฏขึ้น นี่คือภาพลวงตาที่เกิดขึ้นจากพลังอำนาจของจิตระหนักรู้ศักดิ์สิทธิ์

จุดสูงสุดของระดับสมปรารถนาขั้นกลาง!

หลังจากการบ่มเพาะเป็นระยะเวลาหนึ่งเดือน เซี่ยปิงก็ได้ดูดกลืนเม็ดยาและหินวิญญาณอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดเขาก็สามารถพัฒนาแกนพลังฉีของตนเองจนอยู่ในจุดสูงสุดของระดับสมปรารถนาขั้นกลาง ทั่วทั้งราชวังสีม่วงเต็มไปด้วยพลังเวทมนตร์ที่อุดมสมบูรณ์

ขาดอีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น เขาก็จะสามารถก้าวเข้าไปในระดับสมปรารถนาขั้นสูงได้ นี่จะทำให้เขาเข้าใกล้ระดับกายาศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเรื่อยๆ

ความเร็วการบ่มเพาะเช่นนี้ ช่างรวดเร็วจนน่าสะพรึงกลัว

หากอยู่ในภายในโลกแห่งเมฆาต่อไป คาดการณ์ได้ว่าอย่างน้อยก็ต้องใช้ระยะเวลานับสิบปีในการที่เขาจะสามารถพัฒนาตนเองมาถึงระดับนี้ได้

อีกทั้งภายในจักรวาลนั้น มีสมบัติลับและเม็ดยาที่ล้ำค่าเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน ดังนั้นจึงสามารถที่จะพัฒนาแกนพลังฉีของตนเองได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้ ทำให้วิ่งได้วันละพันลี้