ตอนที่ 740

Elixir Supplier

740 คงได้แต่ต้องโทษตัวเอง

 

“บางที เราน่าจะเชิญหมอเฉินมาที่นี่ด้วยอีกคน” เธอพูด ทันทีที่คำพูดนี้หลุดออกจากปากของเธอ เธอก็นึกขึ้นได้ว่า คำพูดของเธอนั้นออกจะเสียมารยาทอยู่สักหน่อย “ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

 

เธอไม่ควรพูดออกมาว่า เธอต้องการให้หมอคนอื่นมาดูอาการลูกชายของเธอ เพราะมันแสดงให้เห็นว่า เธอไม่มั่นใจในฝีมือการรักษาของหมอหลี่ มันก็ไม่ต่างกับการที่ผู้ชายพูดถึงผู้หญิงอีกคนต่อหน้าภรรยาของเขาเอง

 

“ช่างมันเถอะ ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงเขา” หมอหลี่โบกมือแสดงให้รู้ว่าเขาไม่ได้ใส่ใจ

 

หลังจากที่เป็นรักษาคนมาเป็นเวลานาน เขาก็เลิกใส่ใจอะไรหลายๆอย่าง รวมไปถึงความคิดที่คนอื่นมีต่อตัวเขาด้วย ถ้าไม่อย่างนั้น เขาก็คงจะไม่มาดูอาการของชายหนุ่มถึงที่โรงพยาบาลแบบนี้

 

“ฉันคิดว่า ฉันคงช่วยอะไรไม่ได้หรอก” หมอหลี่พูด “ลองโทรหาหมอเฉินดูแล้วกัน แต่ฉันคิดว่า เขาก็คงจะช่วยอะไรไม่ได้เหมือนกัน”

 

“ได้ค่ะ” เธอพูด

 

“เดี๋ยวนะ ฉันจะโทรไปหาเขาให้เองแล้วกัน” หมอหลี่กดโทรไปหาหมอเฉิน

 

“ไม่ ไม่ใช่ให้มาเล่นหมากรุกกับฉัน ช่างเถอะๆ เดี๋ยวฉันจะให้คนไปรับนะ” เขากดวางสาย หลังจากที่คุยไปได้สักพัก “ฉันคุยกับเขาแล้ว เธอก็ให้คนขับรถไปรับเขาได้เลย”

 

“ขอบคุณค่ะ” เธอพูด

 

เธอรีบจัดการสั่งคนให้ขับรถไปรับหมอเฉินทันที หนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น หมอเฉินที่ร่างกายผอมบางและแก่ชราก็มาถึงที่โรงพยาบาล

 

“นี่ แกแพ้เกมส์หมากรุกอีกแล้วใช่ไหม?” หมอหลี่พูดขึ้นมาทันทีที่เห็นหน้าหมอเฉิน

 

“ฮึ่ม!” หมอเฉินไม่ได้ตอบอะไร “เขาอยู่ที่ไหน”

 

“เขาอยู่ในห้องของโรงพยาบาลค่ะ” แม่ของโฮ่วชื่อต๋าตอบ พร้อมกับเดินนำเขาไปที่ห้องพิเศษของทางโรงพยาบาล “ทั้งสองช่วยหยุดเถียงกันก่อนจะได้ไหมคะ?”

 

โฮ่วชื่อต๋าเพิ่งจะหลับไป เขาแทบจะไม่ได้นอนหลับเลย เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่อาการเจ็บจะกำเริบขึ้นมา และเมื่อมันกลับมา เขาก็จะต้องทรมานอย่างแสนสาหัส และอยากจะตายให้พ้นๆไป

 

หมอเฉินเดินเข้าไปที่เตียงเพื่อจับดูชีพจรของเขา

 

“หืมม ชีพจรของเขาดูแปลกๆนะ” เขาขมวดคิ้วและพูดออกมา “เส้นเลือดที่ท้องกับหัวของเขามีการอุดตัน ทั้งที่อายุของเขาไม่น่าจะมีอาการแบบนี้เลยด้วยซ้ำ”

 

“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว” หมอหลี่พูด “แกช่วยเขาได้ไหม?”

 

“ฉันสามารถลองรักษาปัญหาที่ท้องของเขาได้ แต่ปัญหาที่หัวของเขา ฉันก็หมดปัญญา” หมอเฉินพูด “ฉันว่า ตั้งแต่นี้ไปเธอน่าจะคอยจับตาดูเขาหน่อยนะ เขาทำเรื่องไม่ดีมามากพอแล้ว”

 

“ค่ะ” แม่ของโฮ่วชื่อต๋าพูด

 

เธอต้องการให้หมอทั้งสองช่วยรักษาลูกชายของเธอ ถึงจะไม่ใช่ในเวลาที่เธอต้องการความช่วยเหลือจากพวกเขา เธอก็ยังต้องแสดงความเคารพต่อชายชราทั้งสองอยู่ดี

 

“พอเขาตื่นขึ้นมา ฉันจะฝังเข็มให้เขา” หมอเฉินพูด

 

เมื่อเขาเห็นว่าโฮ่วชื่อต๋าไม่น่าจะตื่นขึ้นในเร็วๆนี้ เขาจึงกลับออกไปพร้อมกับหมอหลี่

 

“นี่ ช้าๆหน่อยสิ” หมอหลี่พูด

 

“อะไร?” หมอเฉินถามด้วยท่าทีไม่พอใจ “อย่ามาขอให้ฉันทำเรื่องแบบนี้อีกนะ แกก็รู้ ว่าโฮ่วชื่อต๋าเป็นคนยังไง”

 

โฮ่วชื่อต๋ามีชื่อเสียงไม่ดีอยู่ในปักกิ่ง เขาต่างไปจากกั๋วเจิ้งเหอ และไม่สามารถเทียบได้กับซูเสี่ยวซวีที่เป็นที่รักของผู้คนเลย หมอเฉินไม่ได้รู้สึกอยากจะช่วยเด็กที่ถูกตามใจคนเสียคนแบบโฮ่วชื่อต๋าเลยสักนิด

 

“เอาน่า แกก็รู้เรื่องความสัมพันธ์ของฉันกับพวกเขาดี ฉันขอแค่ให้แกช่วยครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น ครั้งนี้ครั้งเดียวนะ” หมอหลี่พูดขอโทษเขา “แต่อาการของเด็กนั่นก็แปลกมากเลยนะ”

 

“สมควรแล้วล่ะ” หมอเฉินพูด

 

“นี่ รู้สึกว่าแกจะขี้โมโหขึ้นกว่าเดิมนะ” หมอหลี่พูด “หรือจะทะเลาะกับเมียมา?”

 

“ไม่ใช่” หมอเฉินพูด

 

“ฉันเพิ่งจะได้ชาดีมา” หมอหลี่พูด “จะไปดื่มด้วยกันที่บ้านฉันไหม?”

 

“ไม่ ขอบคุณ” หมอเฉินพูด เขาจากไปโดยไม่อยู่คุยต่อ

 

ตาแก่ดื้อด้าน! หมอหลี่รู้สึกมึนงงที่เพื่อนของเขากลายเป็นคนขี้โมโหง่าย

 

โชคดีที่หมอเฉินยังยอมรับปากว่าจะช่วยรักษาโฮ่วชื่อต๋าให้ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดี หมอหลี่รู้จักเพื่อนของเขาดี เขารู้ว่า หมอเฉินเป็นหมอที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของความรู้เกี่ยวกับเส้นเลือด แน่นอนว่าแค่ดีกว่าเขานิดหน่อยเท่านั้น

 

 

หลังจากที่ฟ้ามืดได้ไม่นาน หวังเย้าก็กลับขึ้นไปบนเนินเขาหนานชาน ซึ่งเร็วกว่าทุกวัน เขาจำเป็นต้องทำยาสองตัวสำหรับใช้รักษาคนไข้ในวันพรุ่งนี้

 

ยาตัวแรกเป็นยาที่ช่วยสงบจิตใจ ซึ่งจะช่วยทำให้จิตใจของคนไข้สงบลงและช่วยให้นอนหลับได้ดีขึ้น ยาอีกตัวหนึ่งก็คือ ซุปเป่ยหยวน ซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแรงให้กับร่างกายและเสริมภูมิคุ้มกัน ยาทั้งสองตัวนี้จะช่วยรักษาปัญหาของคนไข้ได้

 

หวังเย้าเคยทำยาสองตัวนี้ออกมาแล้วหลายครั้ง เขาจึงคุ้นเคยกับขั้นตอนวิธีการทำเป็นอย่างดี ดังนั้น มันจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา แต่ไม่ว่าเขาจะเชี่ยวชาญมากแค่ไหน เขาก็ยังใช้เวลาเท่ากับทุกครั้งที่เขาเคยทำให้ครั้งก่อนๆ

 

ในขณะเดียวกัน ที่โรงแรมหนึ่งในตัวเมืองเหลียนชาน คนไข้ผู้เป็นชายสูงวัยกำลังคุยกับลูกชายของเขาอยู่

 

“พ่อรู้สึกเป็นยังไงบ้างครับ?” ลูกชายของชายชราถาม

 

“พ่อรู้สึกดีขึ้นมากเลยล่ะ” ชายชราพูด “อาการปวดหัวไม่ได้มากเท่าแต่ก่อน ดูเหมือนว่าการรักษาจะได้ผล”

 

ตั้งแต่ไปรักษาที่คลินิกของหวังเย้า เขาก็ไม่มีอาการปวดศีรษะอีก ซึ่งมันทำให้เขารู้สึกพอใจกับการรักษาครั้งนี้มาก

 

“ดีครับ ถ้าอย่างนั้นพ่อก็อย่านอนดึกมากนะครับ” ลูกชายของเขาพูด

 

“อืม ลูกก็เหมือนกัน” ชายชราพูด “ลูกคงจะเหนื่อยมาก”

 

ในคืนนั้น ชายชราเข้านอนค่อนข้างเร็ว แต่แล้วอาการปวดศีรษะก็กำเริบขึ้นมาในตอนกลางดึก ที่ต่างออกไปก็คือ มันไม่ได้รุนแรงเหมือนอย่างทุกครั้งที่เคยเป็นมา และมาเป็นพักๆเท่านั้น ถึงเขาจะนอนหลับไม่สนิทไปตลอดทั้งคืน แต่ความเจ็บปวดที่ได้รับก็น้อยกว่าทุกครั้ง

 

ด้านนอกเริ่มสว่างขึ้น

 

“ผ่านไปอีกคืนหนึ่ง!” ชายชรานวดขมับของเขา

 

ถึงเขาจะนอนหลับไม่สนิท แต่เขาก็ถือว่าได้นอนมากกว่าทุกที

 

“เมื่อคืนพ่อนอนหลับไหมครับ?” ลูกชายของเขาถามในระหว่างที่ทานอาหารเช้าด้วยกัน

 

“อืม พ่อหลับไปจนถึงเที่ยงคืนน่ะ” ชายชราพูด

 

“ถ้าอย่างนั้นก็ดีครับ” ลูกชายของเขาพูด “รอที่นี่นะครับ ผมจะไปเอายามาให้”

 

“อืม” ชายชราพูด

 

ไม่นาน ลูกชายของชายชราก็ไปถึงที่หมู่บ้านตอนก่อนแปดโมงเช้า เขารอคอยหวังเย้าอยู่ที่ด้านนอกคลินิก ปกติหวังเย้ามักจะลงมาจากเขาในเวลานี้

 

“อรุณสวัสดิ์ครับ หมอหวัง” ชายวัยกลางคนพูด

 

“อรุณสวัสดิ์ครับ มาเช้าจังเลยนะครับ” หวังเย้าพูด

 

“ผมเพิ่งจะมาถึงเมื่อกี้นี้เอง” ชายวัยกลางคนพูด

 

หวังเย้าเอายาที่เขาทำขึ้นมาเมื่อคืนให้กับชายวัยกลางคน “กินยาสองตัวนี้ให้หมดภายในสามวันนะครับ”

 

“ได้ครับ ผมจะจำเอาไว้” ชายวัยกลางคนพูด

 

เขาจ่ายเงินให้กับหวังเย้า ตัวซุปเป่ยหยวนไม่ได้ราคาแพงมากนัก หลายๆครอบครัวสามารถจ่ายไหว แต่ราคาของยาสงบจิตนั้นทำให้ชายวัยกลางคนต้องตกใจเล็กน้อย เพราะมันถือว่าแพงสำหรับเขา

 

“เรายังต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกไหมครับ?” ชายวัยกลางคนถาม

 

“ครับ ให้กลับมาอีกสามวันหลังจากนี้” หวังเย้าพูด

 

ในเมื่อเขากับพ่ออยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว การจะอยู่ต่ออีกสามวันก็ไม่ถือว่ามากมายอะไร แล้วเขาก็อยากให้พ่อของเขาหายดีด้วย

 

หลังจากที่ชายคนนั้นออกไป หวังเย้าก็ตรวจคนไข้อีกสามคน มันเป็นเช้าที่ไม่รีบร้อน

 

 

ในขณะเดียวกัน ที่โรงพยาบาลในปักกิ่ง หมอเฉินกำลังให้การรักษาโฮ่วชื่อต๋าอยู่ เขาเพิ่งจะทำการฝังเข็มให้กับชายหนุ่มเสร็จ

 

“โอ้ พระเจ้า!” โฮ่วชื่อต๋าร้องออกมา เขากลับตัวไปมาด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ย! มันเจ็บมากเลย! ตาเฒ่านี่รู้วิธีฝังเข็มแน่นะ?”

 

เพราะความเจ็บปวดที่ได้รับ ทำให้โฮ่วชื่อต๋าพูดอะไรออกมาโดยไม่คิด แม่ของเขาไม่ได้ห้ามปราม และไม่ได้เอ่ยขอโทษหมอเฉินด้วย

 

“ฮึ่ม” หมอเฉินพูดเสียงเย็น เขาจัดการเก็บข้าวของก่อนจะเดินออกไป “สมแล้วที่ต้องเป็นแบบนี้”

 

“รอเดี๋ยว โจวชวน!” หมอหลี่รีบเข้าไปรั้งเพื่อของเขาเอาไว้ แต่หมอเฉินก็ปัดมือเขาออก

 

“เฮ้อ” หมอหลี่ถอนหายใจ

 

“จะทำยังไงดีล่ะคะ หมอหลี่?” แม่ของโฮ่วชื่อต๋าถาม

 

“ฉันคิดว่า ฉันคงทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ” หมอหลี่พูด

 

“แต่ฉันปล่อยให้ชื่อต๋าเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้หรอกนะคะ” แม่ของโฮ่วชื่อต๋าพูด

 

เธอเป็นกังวลมาก ในฐานะของคนเป็นแม่ เธอไม่ต้องการเห็นลูกชายของเธอต้องทรมานแบบนี้ และอยากรับความเจ็บปวดมาไว้กับตัวเองแทน

 

“ขอโทษด้วยนะ” หมอหลี่พูด

 

“ไม่นะ แล้วฉันจะทำยังไงดี?” เธอพูด

 

“ฉันรักษาเขาไม่ได้ แต่มีคนหนึ่งที่ฉันรู้จักน่าจะรักษาเขาได้” หมอหลี่พูดแล้วหันไปมองโฮ่วชื่อต๋าที่อยู่ในสภาพน่าอดสู

 

“ใครที่รักษาเขาได้เหรอคะ? แล้วคนคนนั้นอยู่ที่ไหน?” แม่ของโฮ่วชื่อต๋าถาม

 

“เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อว่า หวังเย้า แต่เขาไม่ได้อยู่ที่ปักกิ่งหรอกนะ” หมอหลี่พูด

 

“เขาอยู่ที่ไหนเหรอคะ?” แม่ของโฮ่วชื่อต๋าถาม

 

“อยู่ในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่ง” หมอหลี่พูด

 

“อะไรนะ?” เธอรู้สึกประหลาดใจกับคำตอบที่ได้รับ “หมู่บ้านเล็กๆอย่างนั้นเหรอ?”