ตอนที่ 146 วงจรสมองของชายแท้ / ตอนที่ 147 คนเตี้ยวาสนาดี

[นิยายวาย] เมื่อบุหรี่ตกหลุมรักไม้ขีดไฟ

ตอนที่ 146 วงจรสมองของชายแท้

 

 

“งั้นทำไมพวกนายสองคนไม่ไป” ชุยหังถาม

 

 

“ร้อนเกินไปขี้เกียจขยับ” ถังเฉิงว่า

 

 

“แล้วพวกนายไม่หิวหรอ”

 

 

“หิวสิ นี่ก็กำลังจะลงตึกไม่ใช่หรือไง เดี๋ยวไปโรงอาหารห้าหาของกินง่ายๆ อะไรก็ได้กินก็พอแล้ว ยังไงซะก็ไม่มีของที่พวกเราอยากกิน” ถังเฉิงกล่าว

 

 

พูดจบเขาก็บอกให้จ้าวหลินรีบจัดเก็บทำความสะอาด จากนั้นทั้งสองคนก็เดินออกไป

 

 

ชุยหังนอนฟุบตากพัดลมอยู่ในห้องแค่คนเดียว จากนั้นก็ส่งข้อความวีแชทไปหาหลูจื้อ

 

 

[พวกเขาออกไปหมดแล้ว โยนฉันทิ้งไว้ในห้อง]

 

 

คิดไม่ถึงว่าหลูจื้อจะโทรมาหาเขาจริงๆ

 

 

เขากดรับสายแล้วพูดขึ้นว่า: “ฮัลโหล นายไม่ยุ่งหรอ”

 

 

หลูจื้อพูด: “ตอนนี้ไม่ยุ่ง พวกเขาทำไมถึงได้โยนนายทิ้งไว้ที่ห้องคนเดียวล่ะ”

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “เมื่อกี้ฉันออกไปกินเกี๊ยวตงเป่ยกับเพื่อนบ้านเดียวกันมา พวกเขาเลยไปกินอย่างอื่น”

 

 

“นายยังกล้าว่าพวกเขาโยนนายทิ้งไว้ในห้องคนเดียวอีก ฉันก็นึกว่านายถูกทิ้งโดดเดี่ยวคนเดียวซะอีก” หลูจื้อว่า

 

 

“นี่เรียกว่าความแตกต่าง ฉันน่ารักขนาดนี้ใครจะกล้าทิ้งลง?” ชุยหังกล่าว

 

 

“พอเลยรีบเปลี่ยนคำด่วนๆ เลย ยังจะเรียกน่ารัก อายุตั้งเท่าไหร่แล้วยังจะมาทำแอ๊บแบ๊ว” หลูจื้อพูดออกมาตรงๆ

 

 

แน่นอนว่าสำหรับชายแท้ การแอ๊บแบ๊วเป็นเรื่องน่าอับอาย

 

 

“ก็ได้ ต่อไปฉันจะพยายามสำรวม” ชุยหังว่า

 

 

หลูจื้อพูดขึ้น: “เรื่องเมื่อกี้ที่ฉันพูดกับนาย นายเก็บไปใส่ใจด้วย”

 

 

“เรื่องอะไร” ชุยหังถาม

 

 

“ยังจะมาเสแสร้ง แน่นอนว่าต้องเป็นเรื่อง…ที่ให้นายไปเรียนรู้มาไง” หลูจื้อยังจงใจหยุดไปชั่วขณะ ทำให้ชุยหังยิ่งทำตัวไม่ถูก

 

 

ชุยหังรีบพูดว่า: “เรื่องนี้ฉันคิดว่าเป็นนายน่าจะเหมาะมากกว่า”

 

 

“ฉันเหมาะสม? ถ้านายไม่กลัวบาดเจ็บ นายให้ฉันไปเรียนรู้เองก็ได้ ในเมื่อฉันก็ทำได้แค่แบบง่ายๆ และหยาบคาย” หลูจื้อกล่าว

 

 

เส้นสีดำปรากฏขึ้นบนหน้าของชุยหัง: “กับใครก็เป็นแบบนี้หรอ”

 

 

“กับคนอื่นก็ไม่ แต่กับนายใช่ ประเด็นสำคัญคือนายมันน่าจัดการซะ แค่ฉันเห็นนายก็อยากรังแกนายแล้ว” หลูจื้อว่า

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “เหตุผลนี้ไม่สมเหตุสมผล ขอปฏิเสธ”

 

 

“นายปฏิเสธแล้วมันมีประโยชน์กะผีอะไร นายอย่าบอกฉันนะว่านายไม่เคยดูมาก่อน”

 

 

ชุยหังพูดขึ้น: “พูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาฉันจะเล่าเรื่องหนึ่งในนายฟัง นายอย่าตกใจล่ะ”

 

 

“เรื่องอะไร” ดูเหมือนว่าหลูจื้อจะไม่ยุ่งจริงๆ

 

 

ชุยหังเล่าเรื่องเมื่อตอนม.6ให้เขาฟัง ว่าพวกเขาไปเล่นที่ร้านอินเทอร์เน็ตตลอดทั้งคืน และเพราะเป็นการเล่นเกมออนไลน์แบบทีมดังนั้นเลยต่างก็เล่นอยู่ในห้องโถงใหญ่ แต่ช่วงกลางดึกก็ได้ยินเสียงที่ยากเกินบรรยายดังมาจากที่นั่งชั้นพิเศษ ปรากฏว่ามีคนกำลังดูหนังอย่างว่าอยู่ แถมยังเปิดเสียงดังมากด้วย น่าจะเป็นเพราะไม่ทันระวังไปโดนอะไรเข้าโดยบังเอิญ ใช้เวลาสักพักหนึ่งก็มีผู้หญิงสองคนหน้าแดงกร่ำลุกออกจากที่ตรงนั้นไปหาเจ้าของร้านอินเทอร์เน็ต

 

 

ในตอนนั้นชุยหังถึงได้รู้ว่าที่แท้ไม่ได้มีแต่ผู้ชายที่ดูของพวกนั้น

 

 

หลังจากหลูจื้อฟังจบกลับไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ เลย

 

 

ชุยหังถามขึ้นว่า: “นายยังฟังอยู่ไหม”

 

 

“อืม ฉันฟังอยู่”

 

 

“แล้วทำไมนายไม่หัวเราะล่ะ” ชุยหังถาม

 

 

หลูจื้อกลับถามมาในทางกลับกันว่า: “มันมีอะไรน่าตลกล่ะ ผู้หญิงยังดูได้ นายเองก็ดูได้ รีบๆ ไปเรียนรู้ซะ”

 

 

ชุยหังรู้สึกว่าเขาพ่ายแพ้หลูจื้อแบบราบคาบ นี่มันวงจรสมองแบบไหนกัน?

 

 

ที่แท้วงจรสมองของชายแท้ต่างก็แปลกประหลาดแบบนี้หรอ

 

 

“เอาล่ะ ฉันต้องไปยุ่งอีกสักพักแล้ว ไม่คุยกับนายแล้วนะ นายกินข้าวเสร็จแล้วออกกำลังกายก่อนสักหน่อยด้วย อย่านอนหลับไปเลยเหมือนกับหมูขี้เกียจนะ” ขนาดหลูจื้อจะวางสายก็ยังไม่วายที่จะลืมทำร้ายชุยหังอีกนิด

 

 

ชุยหังพูดขึ้นว่า: “อ้อ รู้แล้ว”

 

 

ออกกำลังกาย ไม่มีหรอก

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 147 คนเตี้ยวาสนาดี

 

 

หลังจากตัดสินใจคบกับหลูจื้อแล้ว อยู่ๆ ชุยหังก็รู้สึกว่าวันเวลามันผ่านไปเร็วกว่าเมื่อก่อน

 

 

ทุกวันขอเพียงแค่มีเวลาก็จะส่งข้อความ โทรศัพท์คุยกับหลูจื้อ

 

 

ส่วนเวลาที่เหลือก็จะเป็นเรียนหนังสือกับกิจกรรมชุมนุม

 

 

คนในห้องพักทุกคนต่างก็คิดว่าเหลาอู่ฟื้นคืนชีพแล้ว

 

 

แต่ว่าสำหรับการเปลี่ยนแปลงของเขาทุกคนต่างก็ดีใจมีความสุข ใครอยากจะยอมเห็นเพื่อนของตัวเองวันๆ เอาแต่อยู่อย่างไร้ชีวิตชีวาล่ะ

 

 

เพียงแค่ชุยหังมีชีวิตชีวาขึ้นมา ทั่วทั้งห้องต่างก็มีชีวิตชีวาตามไปด้วยเช่นกัน

 

 

ชุยหังก็ไม่มีอะไรต้องปิดบัง ทุกคนต่างก็คิดไม่ถึงว่าเขาที่พึ่งอกหัก จะกลายเป็นคู่รักกับคนที่พึ่งหักอกเขาคนนั้นไปเสียแล้ว

 

 

แม้ว่าจะไม่สามารถอยู่ด้วยกันทุกวันเหมือนคู่รักคนอื่น ๆ ในมหาวิทยาลัย แต่ชุยหังกลับไม่ได้รู้สึกว่าระหว่างตนกับหลูจื้อจะไม่มีความรู้สึกอะไรแล้ว

 

 

เรื่องของความรู้สึกไม่ใช่ว่าอยู่ด้วยกันทุกวันแล้วจะยืนยาว แล้วคู่ที่ไม่ค่อยได้ติดต่อกันจะต้องหลงลืมกันไป

 

 

อีกอย่างการสื่อสารระหว่างทั้งสองคน อันที่จริงก็ถือว่าดีมากด้วย

 

 

แม้ว่าในแง่ของอำนาจ หลูจื้อจะเป็นฝ่ายที่กดทับชุยหังอยู่ตลอด

 

 

อันที่จริงชุยหังก็คิดอยากจะต่อต้าน แต่ว่าหลังจากที่เขาพบว่าทำอะไรไปก็ไม่มีประโยชน์จึงยอมแพ้ไปแล้ว

 

 

[ทำอะไรอยู่] เพียงชั่วพริบตาก็เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์อีกแล้ว วีแชทของหลูจื้อไม่เคยขาดหายไปในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์เลย

 

 

ตอนนี้ชุยหังกำลังซ้อมเต้นอยู่ในห้องซ้อมเต้น ดังนั้นจึงไม่ทันได้ตอบกลับข้อความ

 

 

ตอนที่เขามีเวลาตอบกลับ ทางด้านหลูจื้อกลับไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ เลย

 

 

[ฉันพึ่งจะซ้อมเต้นเสร็จ คณะของเรากับคณะคมนาคมร่วมกันเข้าร่วมการแข่งขันการเต้นบอลรูม คณะพวกเราใช้เด็กผู้ชาย คณะคมนาคมใช้เป็นผู้หญิงแล้วฉันก็ถูกเลือก]

 

 

วอลซ์แห่งหอคอยงาช้าง [1] เป็นการแข่งขันที่มหาวิทยาลัยโพลีเทคนิคจัดขึ้นเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างคณะ

 

 

เนื่องจากเดิมทีคณะการขนส่งทางทะเลจะมีผู้หญิงแค่ไม่กี่คนเท่านั้น ยิ่งจะเลือกคนที่สามารถเต้นได้จากจำนวนคนที่มียิ่งไม่ต้องพูดถึง

 

 

ส่วนของผู้หญิงก็ได้ประสานงานกัน บังเอิญได้ร่วมมือกับผู้หญิงจากคณะการคมนาคมด้วยพอดี ทั้งสองคณะจึงร่วมกันลงแข่งขัน

 

 

ตอนที่คัดเลือกคน อันที่จริงชุยหังไม่ได้ถูกมองเลย

 

 

ทุกคนต่างก็บอกว่าขนาดร้อยเจ็ดสิบเขายังสูงไม่ถึงเลย ไม่มีทางที่จะเต้นบอลรูมได้อยู่แล้ว ในเมื่อการแข่งขันประเภทนี้ต้องอาศัยภาพลักษณ์เป็นพิเศษ

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นนักเต้นบอลรูมโดยส่วนใหญ่ต่างก็มีแค่พวกที่ทั้งหล่อทั้งสูง รูปร่างโดดเด่น

 

 

อย่างไรก็ตามชุยหังพูดว่า ไม่ว่ายังไงก็ต้องลองดู ความฝันยังไงก็ต้องมีเสมอ เผื่อว่าได้เจอผีช่วยขึ้นมา

 

 

ผู้คัดเลือกคนเป็นหัวหน้าทีมเต้นจากคณะของพวกเขา โดยปกติแล้วปฏิสัมพันธ์ของเขากับชุยหังก็ถือว่าโอเค ตอนที่เห็นชุยหังมาเข้าร่วมการคัดเลือกยังล้อเล่นกับเขาอยู่เลยว่าเขามาทำอะไร ชุยหังบอกเธอว่าตนก็ต้องมาเข้าร่วมคัดเลือกอยู่แล้ว อีกอย่างตนเต้นมาถึงขั้นสามแล้ว เมื่อเทียบกับพวกมือใหม่ย่อมง่ายกว่ามาก

 

 

หัวหน้าทีมให้เขาไปรออยู่อีกด้าน พวกเพื่อนๆ รูมเมทต่างก็บอกให้เขารีบกลับ อย่าไปทำขายหน้าคนอื่น แต่ว่าชุยหังคิดว่าในเมื่อมายืนอยู่ตรงนี้แล้ว จากไปตอนครึ่งทางแบบนี้ ยิ่งน่าขายหน้ามากกว่า

 

 

ดังนั้นจึงเหมือนกับต้มหอมต้นหนึ่งที่ยืนหยัดอย่างเข้มแข็งอยู่ตรงนั้น

 

 

ตอนที่เหล่าตัวแทนฝ่ายหญิงจากคณะการคมนาคมปรากฏตัว ชุยหังดีใจขึ้นมาทันที เพราะผู้หญิงคณะพวกเขาโดยทั่วไปไม่ค่อยสูงมาก

 

 

เลือกไปเลือกมาคนตัวสูงที่อยู่ด้านหน้าสามสี่คนต่างก็ถูกเลือกไปหมดแล้ว

 

 

แต่เมื่อถึงตอนที่ผู้หญิงคนสุดท้ายต้องเลือกเห็นได้ชัดว่าผู้ชายตรงหน้าไม่ค่อยเหมาะกันเลย

 

 

ส่วนสูงของผู้หญิงคนนั้นประเมินจากสายตาน่าจะประมาณแค่ร้อยห้าสิบกว่าๆ ต่อให้สวมรองเท้าส้นสูงแต่ต้องคู่กับผู้ชายที่สูงระหว่างร้อยเจ็ดสิบถึงร้อยแปดสิบแล้ว ก็ประสานกันไม่ได้อย่างแน่นอน

 

 

ดังนั้นหัวหน้าทีมจึงนึกถึงชุยหังขึ้นมาในทันที แล้วเรียกให้เขาเข้าไป

 

 

ปรากฏว่าเมื่อทั้งสองคนยืนอยู่ด้วยกันแล้วส่วนสูงเข้ากันได้ดีแบบสุดๆ เลย

 

 

ผู้คนที่มุงดูอยู่ต่างกำลังหัวเราะ ดูเหมือนว่าพระเจ้าจะกำลังช่วยชุยหังอยู่สินะ

 

 

เพราะผู้หญิงคณะการขนส่งทางทะเลมีน้อย จึงมักจะถูกขนานนามว่าคณะคนโสด ตอนนี้มีสาวๆ มาตั้งหลายคน ปรากฏว่าเสียเปรียบให้ชุยหังแล้ว พวกเขาได้แต่อิจฉาริษยาเกลียดชังชุยหัง

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นคู่เต้นรำของชุยหังยังเป็นถึงดอกไม้ประจำคณะการคมนาคมอีกด้วย

 

 

 

 

——

 

 

[1] วอลซ์แห่งหอคอยงาช้าง 象牙塔的华尔兹 (Waltz of the Ivory Tower) โดยวอลซ์คือการเต้นรำประเภทหนึ่ง หอคอยงาช้าง เป็นสำนวนที่แปลมาจากภาษาอังกฤษว่า Ivory Tower สำนวน หอคอยงาช้าง มักจะใช้เมื่อพูดถึงผู้ที่ไม่สนใจสภาพปัญหาหรือความต้องการของคนทั่วไป ไม่รับรู้หรือไม่ได้นึกถึงสภาพที่แท้จริงของสังคม ในเนื้อหานิยายนี้เป็นชื่องานการแข่งขันเต้นรำ