บทที่ 391 ทุ่งที่เต็มไปด้วยซากศพ
บทที่ 391 ทุ่งที่เต็มไปด้วยซากศพ
นี่มันเป็นโศกนาฏกรรมแห่งการทำลายล้างอย่างแท้จริง มังกรแห่งแสงทั้งสองตนนี้เป็นบอสระดับเทพเจ้า แถมยังมีเลเวลสูงถึง 50 อีกด้วย พวกมันไม่ต่างอะไรกับหายนะสำหรับผู้เล่นในช่วงนี้
มังกรแห่งแสงแค่ตนเดียวก็เพียงพอต่อการขจัดผู้เล่นนับหมื่นคนได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงสกิลของมัน เพียงแค่ร่างกายที่ใหญ่โตและกรงเล็บที่แหลมคมนั้นก็สามารถฆ่าผู้เล่นที่รวมกันเป็นกลุ่มได้ไม่ยาก เผลอ ๆ เพียงแค่บินโฉบลงมา แรงลมก็พัดผู้เล่นจนเจ็บหนักกันแล้ว
ไหนจะการที่มังกรเหล่านี้ยังเป็นถึงระดับบอสอีก ดังนั้นแล้วมันเป็นอะไรที่จัดการด้วยยากมาก หากผู้เล่นต้องการจะจัดการกับมังกรหนึ่งตัว พวกเขาอาจจะต้องใช้ผู้เล่นระดับสูงนับแสนคนเลยทีเดียว และเห็นได้ชัดว่าผู้เล่นของจักรวรรดิกาลาดูตอนนี้ไม่ได้มีมากขนาดนั้น
ความวุ่นวาย เสียงกรีดร้อง ความหวาดกลัว และความกังวล สิ่งเหล่านี้ตอนนี้ไม่ใช่การเสแสร้งแล้ว มันคือความเป็นจริง มังกรแสงทั้งสองตัวที่บินอยู่เหนือหัวกลุ่มคนที่กำลังอลหม่านนั้น ยามที่มันพ่นลมหายใจ โฉบหรือตะปบก็ทำให้ผู้เล่นมากมายต้องตายอย่างไม่ทันได้เตรียมใจ
ยิ่งการที่มังกรทั้งสองตนนี้ไล่กำจัดผู้เล่นจากรอบนอกเข้ามาตรงกลางด้วยแล้ว มันก็ยิ่งทำให้ผู้เล่นหมดทางหนีมากขึ้นไปอีก!
คนนับหมื่นที่ตกอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายเริ่มลดปริมาณลงอย่างรวดเร็ว พวกเขากลายเป็นศพแล้วสลายกลายเป็นแสงกลับเมืองไปเพื่อฟื้นคืนชีพ
ผู้เล่นบางคนก็คิดที่จะโจมตีโต้กลับมังกรแห่งแสงทั้งสองตัวนั้นไปด้วย ทว่าเมื่อโจมตีกลับไป พวกเขาจึงได้พบว่าการโจมตีทุกประเภทไม่สามารถทำให้มันบาดเจ็บได้เลย ไม่เพียงแค่สกิลโจมตีไม่ได้ผลเท่านั้น สกิลประเภทควบคุมก็ไม่มีผลกับมังกรทั้งสองตัวที่มีค่าความต้านทานเวทระดับสูงด้วย
“แก! แกไปได้บอสทั้งสองตัวนี้มาจากไหน! ไม่สิ กะ…แกรู้อยู่แล้วเหรอว่านี่เป็นกับดักน่ะ!?”
ซาตานเฝ้ามองโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับลูกกิลด์ของเขา การทำลายล้างราวกับทัณฑ์แห่งพระเจ้านั้นทำเขาช็อกจนแทบไม่อยากจะเชื่อแม้เห็นด้วยตาตนเอง
“ฉันคิดว่าฉันไม่ต้องบอกนายก็ได้นะ” เซียวเฟิงยังคงยืนอยู่ในข่ายผนึกมนตรา เขาดูใจเย็นขณะที่มองเหล่าผู้เล่นมากมายถูกฆ่าด้วยสายตาพึงพอใจ
“ในเมื่อนายรู้อยู่แล้วว่านี่เป็นกับดัก ทำไมนายถึงยังตามฉันมาอีก?” หลีเซียนหยุนกัดฟันแน่นขณะมองเซียวเฟิงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสน
“ถ้าฉันไม่มา ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่รออยู่คือเพื่อนหรือกับดัก?” เขาหันไปยิ้มให้กับผู้ถาม
“ฉะ…ฉัน…” ได้ยินเช่นนั้น หลีเซียนหยุนก็พูดอะไรไม่ออกในทันที เธอได้แต่กัดริมฝีปากไว้แน่นและไม่ได้พูดอะไรอีก
“สมแล้วที่เป็นอันดับ 1 ของเขตฮัวเซีย ดูท่าฉันจะประเมินแกต่ำไปสินะ? แกเองก็ดูจะมีความสามารถดีเหมือนกัน แต่ลืมอะไรไปหรือเปล่า?” ซาตานที่สังเกตเห็นอะไรบางอย่างได้เริ่มหัวเราะออกมา
“ลืมอะไรล่ะ?” เซียวเฟิงถามด้วยความประหลาดใจ
“ถึงแม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าแกไปได้บอสพวกนี้มาจากไหน และมันก็ถือเป็นปัญหาสำหรับฉันไม่น้อยเลยที่มันมาช่วยแกป้องกันการโจมตีได้ แต่ตอนนี้บอสพวกนั้นถูกไล่อออกไปหมดแล้ว…ด้วยคนของฉัน!” ซาตานพูดด้วยสีหน้าไร้กังวล
“นายเรียกสถานการณ์แบบนี้ว่า ‘ล่อออกไป’ งั้นเหรอ?” เซียวเฟิงชี้ไปยังโศกนาฏกรรมรอบ ๆ แล้วหันกลับมามองซาตานด้วยความประหลาดใจ
“จะด้วยวิธีไหน แต่บอสก็ถูกล่อออกไปแล้ว แล้วแกก็ยังติดอยู่ในกับดักนี่!” ซาตานไม่ได้ตอบคำถามเซียวเฟิงแต่อย่างใด
“โอ้?” และด้วยความมั่นใจนั้นของอีกฝ่าย มันก็ทำให้เซียวเฟิงเริ่มอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา
“ค่าใช้จ่ายของการทำแบบนี้มันค่อนข้างจะสูง เพราะแผนเดิมมันไม่ได้ผล และถึงแม้ว่าบอสทั้งสองตัวนี้จะแข็งแกร่ง แต่มันก็ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 10 นาทีกว่าจะจัดการสมาชิกกว่าหนึ่งหมื่นคนของฉันได้! 10 นาทีที่มีนี้ฉันอาจจะไม่สามารถฆ่าแกซ้ำ ๆ จนแกกลับไปยังหมู่บ้านเริ่มต้นได้ก็จริง แต่ฉันก็ยังสามารถฆ่าและลบแกออกจากอันดับเลเวลได้เว้ย! คงไม่มีใครคิดหรอกมั้งว่าอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียจะมาสิ้นชื่อที่เขตฮันกึลนี่น่ะ!! ข่าวนี้จะต้องสะเทือนทั้งเขตฮัวเซียแน่ ๆ! อยากได้หัวข้อข่าวว่ายังไงดีล่ะ หืม? อ้อ ฉันคิดให้แล้ว เอาเป็น ‘จุดจบฮีโร่’ เป็นไง? ฮ่า ๆๆๆ!”
ขณะที่พูดหลังจากคิดถึงสถานการณ์แล้ว ซาตานก็มองเซียวเฟิงด้วยความสมเพช “อีกแปปเดียว เดี๋ยวชายผู้โด่งดังในเขตฮัวเซีย จะกลายเป็นเพียงตำนานแล้ว!”
“ในเขตฮันกึลมียอดฝีมืออยู่หรือเปล่า? ผู้เล่นที่สามารถเข้าไปอยู่ในการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของอีเวนต์ล่าสมบัติน่ะ” ทันใดนั้นเอง จู่ ๆ เซียวเฟิงก็เอ่ยถามขึ้นมา
“เฮอะ! ฉันรู้ว่าแกน่ะเป็นยอดฝีมือ แต่แล้วจะทำไม? อยากจะแสดงฝีมือหรือไง? ถึงแม้ว่าแกจะเป็นยอดฝีมือจริง ๆ แต่แกก็ไม่มีอุปกรณ์หรืออาวุธอะไรแล้ว ไม่มีเลเวล แถมยังถูกผนึกไม่ให้ใช้สกิลอีกอีก! ไม่ว่าแกจะเป็นยอดฝีมือที่แข็งแกร่งขนาดไหน ยังไงแกก็ตายอยู่ดี!”
สีหน้าของซาตานดูเหลืออด ดูเหมือนเซียวเฟิงจะจี้ถูกจุด เพราะเขตฮันกึลไม่มียอดฝีมือระดับนั้น
แม้ว่าเขตนี้จะมีผู้มีฝีมืออยู่มากมายก็จริง รวมถึง คิมจองฮาน ผู้เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตฮันกึลนี้ด้วย ในชีวิตจริง เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญเทควันโด ที่รับรู้กันว่าเป็นอันดับ 1 ของฮันกึล ศักยภาพของเขาในเกมเองก็ควรค่าแก่การเรียก ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังห่างชั้นกับการเป็น ‘ยอดฝีมือ’ อยู่ดี
ผู้ที่สมควรเรียกว่า ‘ยอดฝีมือ’ อย่างแท้จริงนั้นคือ ‘เทพเจ้าสายฟ้า’ จากเขตอเมริกาเหนือ และ ‘เทพแห่งดาบ’ จากเขตฮัวเซียเท่านั้น
ทั้งสองคนดังว่านี้มีเลเวลที่สูงมาก ๆ แล้ว ถึงแม้ว่าคิมจองฮานจะเป็นอันดับ 1 ในเขตฮันกึล และทุกคนยอมรับเขาเป็นคนเก่ง แต่ในอีเวนต์ล่าสมบัติครั้งที่ผ่านมานั้น เขาถูกเทพเจ้าสายฟ้าฆ่าตั้งแต่เดินเข้าไปเผชิญหน้าเสียด้วยซ้ำ ยังไงคนคนนี้ก็ยังไม่คู่ควรกับการอยู่ในระดับ ยอดฝีมืออยู่ดี
ซาตานเองก็พอจะได้ยินข่าวคราวเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในอีเวนต์ล่าสมบัติเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเรื่องราวของยอดฝีมือในเขตนี้จะเป็นเรื่องต้องห้ามที่ไม่สามารถพูดถึงได้ แต่ด้วยความที่ซาตานเป็นถึงหัวหน้ากิลด์อันดับ 1 ในเขตฮันกึล เขาจึงสามารถรู้เรื่องนี้ได้จากเส้นสายที่ตนมี แม้จะแค่นิดหน่อยก็ตาม
ในตอนนั้น นำโดยเทพเจ้าสายฟ้า และตามด้วยยอดฝีมือของเขตฮัวเซียอีกราว ๆ 30 คน อย่างไรก็ตาม ในตอนท้ายสุดพวกเขาก็กลับมาแต่ดูเหมือนว่าจะโดนกำจัดกลับมาซะมากกว่า
นี่ทำให้ซาตานจับตาดูเซียวเฟิงไว้อย่างใกล้ชิด นั่นเพราะเขารู้ว่าเซียวเฟิงที่เป็นอันดับ 1 ในเขตฮัวเซียเมื่อตอนนั้นจะต้องรวมอยู่ในกลุ่มยอดฝีมือของเขตฮัวเซียที่เข้าไปล้อมกรอบเทพเจ้าสายฟ้าเมื่อครั้งนั้นแน่ ๆ แต่แล้วเขาก็ไม่ได้มีความสามารถมากพอที่จะได้รู้รายละเอียดของการต่อสู้ที่เกิดขึ้น ทุกสิ่งเป็นเพียงแค่การคาดเดาเท่านั้น
“อย่ามาพูดยอกย้อนเสียเวลาน่า! แกคิดว่าฉันไม่รู้เหรอว่าแกกำลังถ่วงเวลาพอรอให้บอสทั้งสองตัวนั้นกลับมาช่วยแกน่ะ? น่าเสียดายเนอะ ว่าไหม? ที่ฉันมองแผนแกออกหมด! และฉันจะไม่ยอมให้แกได้ทำอย่างที่ตั้งใจแน่! จัดการมันเลย!” ซาตานดูเหมือนจะเดาแผนเซียวเฟิงออก เขาถอยกลับไปและออกคำสั่งเสียงดัง
ทันใดนั้นเอง เหล่าผู้เล่นที่ยังเหลืออีกบางส่วนที่สงบสติอารมณ์ได้ไม่ตื่นตูมกับสถานการณ์ก็รีบวิ่งเข้ามาประชิดตัวเซียวเฟิงและเริ่มโจมตี การโจมตีระยะไกลไม่ว่าจะเป็นศรหรือสกิลต่างก็พุ่งเข้าหาเซียวเฟิงอย่างแม่นยำ
“เปล่าเลย ฉันก็แค่อยากจะบอกว่า ถ้าพวกนายยอดฝีมือประจำเขตฮันกึลที่เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งสุดท้ายครั้งนั้น นายน่าจะรู้อยู่แล้วว่าการล้อมหรือดักจับน่ะ ใช้กับฉันไม่ได้ผล”
เซียวเฟิงส่ายหน้า และตอนนั้นเอง คทาด้ามหนึ่งก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา ระดับของมันไม่ได้สูงเป็นเพียงคทาทั่ว ๆ ไป
คทาธรรมดา ๆ นั้นถูกควงไปมาบนมือเซียวเฟิง ความเร็วของมันเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนเสมือนว่ามีโล่กลมขนาดใหญ่อยู่ในมือของเขา สายตาของเซียวเฟิงกวาดมองการโจมตีต่าง ๆ แล้วยกคทาที่หมุนควงด้วยความเร็วสูงไปรับไว้ทันที!
บล็อก!
บล็อก!
บล็อก!
บล็อก!
….
ไม่ว่าาจะเป็นศรหรือลูกบอลไฟ คลื่นการโจมตีมากมายหลายรูปแบบที่พุ่งเข้ามาหาเซียวเฟิงนั้นมีมากเกินกว่าจะจำแนกได้ แต่มันกลับไม่มีการโจมตีไหนเลยที่เข้าถึงตัวเขาได้ เพราะคทาที่หมุนควงอยู่นั้นปัดตกได้ทั้งหมดสังเกตุได้จากผลลัพธ์การโจมตีที่ปรากฏขึ้นบนหัวของเซียวเฟิง
“บ้าน่า! เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน!?”
ซาตานชะตกใจสุด ๆ สีหน้าของเขาราวกับเจอผีหลอกกลางวันแสก ๆ เลย ซึ่งหลีเซียนหยุนที่ยืนอยู่ด้านหลังก็มองเหตุการณ์นี้ด้วยตาที่เบิกโตด้วยความไม่เชื่อด้วย ไม่มีใครเชื่อทั้งนั้นหากไม่ได้เห็นภาพนี้ด้วยตาตนเอง
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ดูเขตพวกนายจะไม่มียอดฝีมือจริง ๆ สินะ น่าเศร้าจริง ๆ เลย” เซียวเฟิงส่ายหน้าเบา ๆ ด้วยการโจมตีแค่นี้ แม้แต่ซางกวน อาโอเชินก็สามารถป้องกันได้โดยไม่ต้องใช้สกิลอะไรเลยนอกจากการรำดาบของเขา เพราะงั้นยิ่งไม่ต้องพูดถึงซีเหมินชุยเสวีย
แต่ถ้าไปใช้กับเทพเจ้าสายฟ้าก็อาจจะพอเห็นผลอยู่บ้างล่ะมั้ง ยังไงเสียคนคนนั้นก็เป็นนักเวท หากโดนผนึกการใช้สกิลด้วยข่ายมนตรานี้แล้ว มันน่าจะเป็นสถานการณ์ที่อันตรายสำหรับเขามาก ๆ เลย แต่ด้วยชื่อของเทพเจ้าสายฟ้านั้นคงไม่ได้ตั้งขึ้นมาลอย ๆ ไม่มีอะไรบนโลกแห่งเกมใบนี้ที่อันตรายจริง ๆ สำหรับเขาหรอก
“อ้อ แล้วก็นะ…” ตอนนั้นเอง จู่ ๆ เซียวเฟิงก็นึกอะไรออก เขามองซาตานอีกครั้ง “ใครบอกนายว่าฉันหอบบอสมาแค่สองตัวน่ะ?”
“ว่ายังไงนะ!?” ซาตานหูผึ่งและหมายจะพูดอะไรบางอย่าง แต่จู่ ๆ พื้นที่อยู่ใต้เท้าเซียวเฟิงซึ่งเป็นต้นกำเนิดข่ายผนึกมนตราก็เกิดรอยแตกร้าวก่อนจะปรากฏร่างของบอสรูปร่างมนุษย์จำนวนมากวิ่งออกมาจากวงแหวนเวทเคลื่อนย้ายที่โผล่ขึ้นด้านหลังเซียวเฟิง
“ปกป้องท่านอาร์คบิชอป!”
“ฆ่ามัน! ฆ่าพวกมันให้หมด!!”
…
ภาพสุดท้ายที่ปรากฏขึ้นในสายตาของซาตานนั้น คือภาพแสงสีขาวที่สว่างจ้า จากนั้นตัวเลขความเสียหาย 5 หลักก็ปรากฏขึ้นบนหัวของเขาเอง มันเป็นปริมาณที่น่ากลัวมาก ๆ โลกของเขาดำมืดลงไปทันทีหลังเลขเหล่านั้นหายไป เขาถูกฆ่าในพริบตาเดียวเสียแล้ว
เมื่อเขาลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง สิ่งที่รออยู่เบื้องหน้าเขาก็คือภาพของจุดฟื้นคืนชีพในเมืองเซียนรี่ ที่ซึ่งเต็มไปด้วยผู้คนของกิลด์จักรวรรดิกาลาดูผู้ที่ซึ่งไปรวมหัวกันดักโจมตีผู้เล่นอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียกันมา แล้วกลายเป็นฝ่ายถูกกำจัดแทน!
ผู้เล่นระดับสูงกว่าหมื่นคนมารวมตัวกันที่นี่จนซาตานเริ่มกังวลแล้วว่าจะไม่มีใครรอดชีวิตจากการต่อสู้เลย!
“ท่านหัวหน้า…พวกเราพลาดกันตั้งแต่ที่เลือกจะต่อต้านเขาตั้งแต่แรกแล้วหรือเปล่าคะ?” หลีเซียนหยุนที่เกิดใหม่ด้านหลังเขา กัดริมฝีปากด้วยความเสียใจแล้วพูดกับผู้เป็นนายราวกับชั่งใจอยู่
“หุบปากซะ! เจ้านั่นมันบุกรุกเข้ามาในเขตฮันกึลของพวกเรานะ! ใครก็ตามที่บุกรุกเข้ามาในเขตฮันกึล! มันผู้นั้นจะต้องถูกกำจัด! เพียงแค่วันนี้จักรวรรดิกาลาดูพ่ายแพ้! แต่เดี๋ยวมันก็จะต้องเผชิญหน้ากับคนจากทั้งเขตฮันกึลที่จะตามไล่ล่าจนสุดขอบฟ้าอยู่ดี! ดังนั้นไม่ว่าเรื่องวันนี้จะเป็นยังไง เจ้านั่นไม่มีทางรอดแน่!” แต่ถึงอย่างนั้นแล้ว น้ำเสียงของซาตานก็แฝงไปด้วยความเสียใจเช่นกัน
“ไป! ยกเลิกการสร้างแคมป์กิลด์ไปก่อน! สมาชิกคนไหนที่ถูกฆ่าตายวันนี้ก็รีบกลับไปเก็บเลเวลชดเชยค่าประสบการณ์ที่เสียไปด้วยล่ะ! อ้อ แล้วก็ไปประกาศในฟอรั่มให้คนทั่วทั้งเขตฮันกึลรู้ด้วยว่ามีผู้บุกรุกเข้ามา! ไม่เพียงแค่นั้น ใช้ชื่อของจักรวรรดิกาลาดูเรียกประชุมสิบหัวหน้ากิลด์ทั่วทั้งเขตฮันกึลด้วย!”
…
ในหุบเขาอาทิตย์ตก ทุ่งที่เคยเต็มไปด้วยซากศพของผู้เล่นนั้น ตอนนี้นอกจากเซียวเฟิงแล้วไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่เลย จะเหลือก็แต่อุปกรณ์จำนวนมากมายที่ดร็อปไว้หลังพวกเขาตายเท่านั้น
เซียวเฟิงไม่ได้มีแหวนจักรวาลอยู่กับตัว ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเก็บของทั้งหมดตรงหน้าได้ เขาเพียงแค่เลือกมันคร่าว ๆ แล้วเลือกเอาเครื่องประดับกับอาวุธที่ดีที่สุดมา เพราะตอนนี้เขาสวมชุดพรแห่งทวยเทพอยู่แล้ว ตราบใดที่ชายหนุ่มเพิ่มเลเวลตนเองได้ ชุดนี้ก็จะมีประโยชน์กับเขามากขึ้นไปด้วย
ทว่าตอนนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของเซียวเฟิงก็ดังขึ้น มันไม่ใช่เสียงโทรศัพท์จากในเกม แต่เป็นเสียงโทรศัพท์จากภายนอกที่ดังเข้ามาต่างหาก
เขาดูว่าใครโทรมาแล้วก็พบว่าเป็นหลิวเฉียงเหว่ย เพราะงั้นจึงไม่รอช้าที่จะรับสาย แต่ทันทีที่รับสาย หลิวเฉียงเหว่ยเองก็ไม่รอช้าที่จะเปิดฉากถามก่อนเหมือนกัน ซึ่งน้ำเสียงของเธอในครั้งนี้ดูร้อนใจไม่สมกับที่เป็นเธอเอาเสียเลย
“เซียวเฟิง สถานการณ์ไม่ปกติแล้ว! ภารกิจหลักมีการอัปเดต กองทัพแห่งความมืดกำลังเตรียมตัวโต้กลับเมืองแห่งความโศกเศร้าเพื่อทวงกลับไปเป็นเมืองหลักของพวกมันเหมือนแต่ก่อน!”
“หา?”