ตอนที่ 354 เยลู่ชิง

พลิกชะตาชายาสยบแค้น

ตอนที่ 354 เยลู่ชิง

อันหลิงเกอที่เพิ่งได้โล่งอกกลับเห็นบางอย่างปรากฏขึ้นในน้ำ !

มีคนอยู่ตรงนั้น!

นางมองไปยังคนที่ปรากฏตัวใต้แสงจันทร์ ชุดขาวที่เขาสวมใส่กระเพื่อมอยู่บนผิวน้ำ น้ำในสระสะท้อนให้เห็นผมดำเงาและใบหน้าที่หล่อเหลา เส้นผมหลุดลุ่ยออกจากปิ่นหยกปรกอยู่ที่ใบหน้าขาวผ่องราวหิมะ

ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อยและรู้สึกได้ถึงแววตาหวาดระแวงของอันหลิงเกอ อยู่ ๆ ดวงตาคู่นั้นก็เบิกกว้าง

เพียงพริบตาเดียวฟ้าดินพลันดำมืด สรรพสิ่งไร้สีสัน

ดวงตาเรียวยาวคู่นั้นคล้ายมีแสงดาวมากมายเปล่งประกายอยู่ภายใน เหมือนมหาสมุทรที่สะท้อนคลื่นประหลาดบางอย่างออกมา ดึงดูดให้ผู้คนหลงใหลไปกับมัน

อันตราย !

สัญชาตญาณที่สั่งสมมานานทำให้อันหลิงเกอรู้สึกขนลุกชัน เพียงพริบตาเดียวนางก็ถอยหลังไปทันที

ทว่าคนผู้นั้นมายืนอยู่ตรงหน้าของนางตั้งแต่เมื่อไรมิทราบได้แล้วกักขังนางไว้ด้วยอ้อมแขนอันแข็งแรง

“เจ้าบุกเข้ามาหรือ ? ”

ริมฝีปากสีแดงของเขาเอ่ยออกมาอย่างแผ่วเบา น้ำเสียงที่เย็นชามิบ่งบอกอารมณ์ใด ฟังแล้วคล้ายเสียงกระซิบเหมือนคนรักยามชิดใกล้กัน

เพียงแต่นิ้วเรียวยาวที่จับอยู่บนลำคอของอันหลิงเกอพร้อมแววตาที่เย็นชานั้นก็ทำให้รู้ว่าตอนนี้เขาพร้อมลงมือสังหารนางได้ทุกเมื่อ

บ้าจริง คนผู้นี้อำมหิตยิ่งนัก เพียงเห็นหน้าก็อยากฆ่าแกงกันแล้ว !

อันหลิงเกอโดนคนผู้นั้นกักขังเอาไว้จนมิสามารถเคลื่อนไหวได้

นางจึงเงยหน้าขึ้นสบตากับบุรุษเบื้องหน้า ภายในแววตาแฝงไว้ด้วยความเจ้าเล่ห์

“มิใช่ ข้ามิได้บุกเข้ามา ทว่ามีคนสั่งให้ข้ามาที่นี่…”

จากนั้นนางก็แสดงท่าทางหวาดกลัวออกมา ร่างกายสั่นเทิ้มทำให้บุรุษตรงหน้าคลายมือออกเล็กน้อย

“ผู้ใด ? ”

น้ำเสียงของเยลู่ชิงยังเรียบนิ่งเช่นเดิม

อันหลิงเกอเห็นว่าเขาคลายแรงลงบ้าง นางจึงค่อย ๆ จับก้อนหินในมือไว้แน่น ใบหน้าที่งดงามอยู่ ๆ ก็ฉายแววโหดเหี้ยมออกมา “บิดาเจ้าไงเล่า ! ”

นางเอ่ยคำหยาบแบบที่ปกติมิเคยใช้ขึ้นมา จากนั้นก็ใช้แรงทั้งหมดดีดตัวขึ้นแล้วใช้ก้อนหินในมือทุบลงไปที่ศีรษะของเยลู่ชิง !

บังเกิดเสียง ปึก ! ดังขึ้น

บุรุษตรงหน้ามีแววตระหนกฉายออกจากดวงตา จากนั้นร่างทั้งร่างก็ล้มลงต่อหน้าอันหลิงเกอ

โลหิตสด ๆ ไหลลงมาเป็นทางตามหน้าผากของเขาจนเลอะเป็นรอยคล้ายบุปผาที่บริเวณหางตา

อันหลิงเกอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ลมเย็นที่พัดผ่านทำให้รู้สึกว่าตนมีเหงื่อซึมไปทั่วทั้งกาย

นางเห็นเยลู่ชิงหลับตา จากนั้นใบหน้าที่หล่อเหลาค่อย ๆ จมลงในน้ำ เลือดบนหน้าผากของเขาไหลปนกับน้ำ แต่มิรู้เพราะเหตุใดนางจึงรู้สึกใจอ่อนขึ้นมา

ทั้งที่เขาคิดสังหารนางก่อนแท้ ๆ จึงไร้เหตุผลให้ใจอ่อนมิใช่หรือ ?

เพราะนับแต่วันที่นางได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง นางก็ตัดสินใจแล้วว่ามีแค้นต้องชำระและความอ่อนแอจักทำให้นางกลายเป็นผู้พ่ายแพ้

ดังนั้นอันหลิงเกอจึงหมุนตัวเดินกลับไปทางริมฝั่ง แต่ยังมิทันถึงฝั่ง นางก็หมุนตัวเดินไปยังทิศทางเดิม

อันหลิงเกอบ่นพึมพำไปพลางพยายามใช้แรงที่มีลากเยลู่ชิงขึ้นมาจากน้ำแล้วลากเขาขึ้นฝั่ง

ทันทีที่ขึ้นมาบนฝั่งได้ อันหลิงเกอก็ผลักเยลู่ชิงลงพื้นทันที

ความร้อนรุ่มภายในร่างกายของนางจางหายไปกับน้ำหมดแล้ว แต่ยามที่อันหลิงเกอเห็นเยลู่ชิงก็อดใจเต้นแรงขึ้นมามิได้

บุรุษผู้นี้เหนือกว่าบุรุษทั้งปวง แค่ใบหน้าที่หล่อเหลาก็สามารถทำให้หลายคนยอมตายเพื่อเขาได้แล้ว

ไม่ ไม่ ไม่ !

อันหลิงเกอได้สติอีกครั้งก็ตำหนิตนเองไปหนึ่งที ก่อนจักยื่นมือไปคลำที่ร่างของเยลู่ชิง

คลำไปทั้งตัวของเยลู่ชิงแต่ก็มิพบสิ่งใด เจอแค่ปิ่นหยกเขียวที่ปักอยู่บนมวยผมของเขาเท่านั้น

บนตัวของเขามีเพียงชุดผ้าไหมปักลายและปิ่นหยกด้ามนี้เท่านั้นที่พอมีราคา

อันหลิงเกอจึงดึงปิ่นหยกออกจากผมของเยลู่ชิง ขณะที่ลังเลว่าจักถอดชุดนี้ออกดีหรือไม่ก็สบเข้ากับดวงตาของคนที่อยู่ด้านล่างพอดี

“ท่านแม่”

น้ำเสียงเย็นชาของคนใต้ร่างดังขึ้นที่ข้างหูทำให้อันหลิงเกอที่กำลังจักวิ่งหนีพลันแข็งค้างไปทันใด

“เจ้าเรียกข้าว่าอันใด ? ”

นางมองดวงตาใสซื่อนั้นอย่างเหลือเชื่อ รู้สึกเหมือนโดนฟ้าผ่า

คนผู้นี้คงมิได้โดนนางทุบจนความจำเสื่อมไปหรอกกระมัง ?

ทว่าต่อให้ความจำเสื่อมก็มิควรคิดว่านางเป็นมารดาของเขา !

ต่อให้นางจักเกิดใหม่อีกครั้ง แต่ร่างกายของนางก็ยังเป็นเพียงหญิงสาวอายุ 15 ปีเท่านั้น ต่อให้เอาอายุของชาติที่แล้วมารวมกับชาตินี้นางก็ยังมิสามารถมีบุตรชายที่โตถึงเพียงนี้ได้ !

“ท่านแม่ ท่านมิต้องการอาชิงแล้วหรือขอรับ ? ”

ดวงตาของเยลู่ชิงสลดลงทันใด ราวกับเด็กชายที่โดนทอดทิ้งก็มิปาน

อันหลิงเกอรีบโบกมือไปมาทันที “ข้ามิใช่แม่ของเจ้า เจ้ามองให้ดีสิ ข้ามิใช่แม่ของเจ้าเสียหน่อย ! ”

นางชี้มายังใบหน้าที่พริ้มพรายของตนพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้เยลู่ชิงเพื่อให้เขาได้มองอย่างชัดเจน

หากเป็นผู้อื่นมาเห็นก็คงหลงใหลไปกับใบหน้าที่งดงามไร้ที่ตินี้ไปแล้ว

ทว่าเยลู่ชิงยกริมฝีปากสีสดขึ้นเล็กน้อย ภายในแววตาปรากฏแสงประหลาดบางอย่างออกมา

“มิใช่ท่านแม่หรือ ? เช่นนั้นก็ฆ่า”

น้ำเสียงเย็นชาของเขาดังขึ้นที่ข้างหูของอันหลิงเกอคล้ายกำลังกล่าวว่าวันนี้อากาศดีเหลือเกินทั้งที่เอ่ยถึงคำว่าฆ่า !

อันหลิงเกอรู้สึกตระหนกขึ้นมา นางเงยหน้าขึ้นสบตาที่เฉยเมยคู่นั้น ราวกับทุกสิ่งบนโลกล้วนมิอยู่ในสายตาของเขา ส่วนชีวิตคนเป็นเพียงแค่แมลงเท่านั้น

จากนั้นเยลู่ชิงก็ยื่นมือออกไปเบา ๆ แล้วซัดเข้าที่หน้าอกของอันหลิงเกอ

อันหลิงเกอกระเด็นจนปลิวไปทันทีโดยมิอาจต้านทานได้ มุมปากมีเลือดไหลออกมา อวัยวะภายในเจ็บปวดเหมือนว่าตอนนี้อยู่ผิดตำแหน่งที่ควรเป็น เหงื่อเย็นเฉียบผุดออกมาเพราะความเจ็บปวด

จากนั้นนางก็ได้ยินเสียงฝีเท้าบางเบาดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เงาบุรุษทอดยาวใต้แสงจันทร์ เช่นเดียวกับเงาต้นไม้ใหญ่ที่สั่นไหว มืดมนราวกับมัจจุราชที่ต้องการเอาชีวิตมนุษย์

“ลูกแม่ ! ”

อันหลิงเกอร้องตะโกนออกมาพร้อมพุ่งตัวไปกอดที่ขาของเยลู่ชิง

นางมิได้สนใจความอับอายอันใดแล้ว เลือดที่มุมปากเปรอะเปื้อนบนชุดสีขาวนั้น ใบหน้างดงามแสดงความรักและความจริงใจออกมา

เป็นเหตุให้เยลู่ชิงชะงักฝีเท้าทันที เขาก้มมองหญิงสาวที่กอดขาของตนเอาไว้

ภายในดวงตาเรียวยาวของเขาทอประกายสงสัยออกมา ก่อนจักหายไปในพริบตา

“ท่านแม่”

เขาเรียกออกมาเบา ๆ ริมฝีปากที่งดงามจนผู้คนอิจฉาโค้งขึ้นจนเกิดเป็นรอยยิ้ม บ่งบอกถึงอารมณ์เจ้าของใบหน้าได้เป็นอย่างดี

อันหลิงเกอรีบพยักหน้ารับ นางฝืนความเจ็บปวดแล้วลุกขึ้นยืน แต่คิ้วยังขมวดมุ่น

อาศัยที่บุรุษรูปงามแต่ใจโหดเหี้ยมคิดว่านางเป็นมารดา ต้องหาทางเอาชีวิตรอดให้ได้เสียก่อน !

“อาชิง” นางเอ่ยออกมาอย่างอ่อนโยน พยายามมิให้เยลู่ชิงได้ยินเสียงกัดฟันของตน

“เจ้าเห็นแม่เจ็บหนักถึงเพียงนี้ก็ควรรีบรักษา”

เยลู่ชิงพยักหน้าเล็กน้อย “ท่านแม่กล่าวถูกต้องแล้วขอรับ”

“เช่นนั้นแม่จักไปหาท่านหมอ ส่วนอาชิงรอแม่อยู่ที่นี่” กล่าวจบนางก็หมุนตัวเดินจากไปทันที ทว่ามีมือของบุรุษคู่หนึ่งดึงชายเสื้อของนางเอาไว้ก่อน

“อาชิงมียาขอรับ” เยลู่ชิงกล่าวพร้อมหยิบถุงสีดำใบหนึ่งที่ปักลวดลายไว้อย่างวิจิตรออกมา จากนั้นก็หยิบขวดหยกขนาดประมาณหนึ่งฝ่ามือออกมาด้วย

ขวดหยกนั้นเรืองแสงภายใต้แสงจันทร์ แค่มองก็รู้ได้ทันทีว่ามิใช่ของธรรมดา

หยกชั้นยอดถูกเขานำมาทำเป็นขวดใช้บรรจุยา เห็นได้ชัดว่าฐานะของเขาย่อมมิธรรมดาจนถึงขั้นมิเห็นหยกงามเช่นนี้อยู่ในสายตา

เมื่อคิดได้เช่นนั้นดวงตาของอันหลิงเกอก็หรี่ลงและยิ่งระแวงเยลู่ชิงมากขึ้น

อีกอย่างกลิ่นอายของเขาดุดันเพียงนี้ย่อมมิใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน !

แม้ภายในใจของนางรู้สึกเหมือนมีคลื่นโหมซัดสาดมากเพียงใดก็ต้องเก็บไว้มิแสดงออกมาให้เห็น