ตอนที่ 355 ข้าคือมารดาของเจ้า
“อาชิง เจ้ายังเด็กจึงมิรู้หรอกว่าแม่บาดเจ็บภายใน ยาของเจ้าใช้มิได้ผลหรอก”
เยลู่ชิงได้ฟังก็เม้มริมฝีปากแน่น จากนั้นตอบกลับด้วยท่าทางดื้อรั้น “ใช้ได้ขอรับ นี่เป็นยารวมปราณ ท่านแม่ลองทานก่อนเถิดขอรับ”
อันหลิงเกอที่ตอนแรกคิดปฏิเสธ แต่พอเห็นท่าทางมั่นใจของเยลู่ชิงจึงหยิบยาขึ้นมาทาน 1 เม็ด
เพียงยาเข้าไปในปาก ชั่วพริบตาเดียวก็มีกระแสความอบอุ่นไหลผ่านทั่วร่างกายของนางทำให้ความเจ็บปวดทั้งหลายมลายหายไปจนสิ้น แม้แต่รอยแผลที่เกิดจากการโดนทำร้ายก่อนหน้านี้ก็ค่อย ๆ จางหายไปด้วย !
ยาตัวนี้สรรพคุณร้ายกาจยิ่งนัก !
นางก็ศึกษาวิชาการแพทย์มามิน้อย แต่มิเคยรู้เลยว่ามียาวิเศษถึงขั้นสมานแผลรักษากระดูกเยี่ยงนี้อยู่บนแผ่นดิน !
เป็นเหตุให้แสงที่ดำมืดบางอย่างพาดผ่านดวงตาของอันหลิงเกอ รวดเร็วจนมิอาจสังเกตได้
ยาที่มีสรรพคุณวิเศษเช่นนี้ นางมิเคยแม้แต่ได้ยินชื่อด้วยซ้ำ ชายตรงหน้าแท้จริงแล้วเป็นใครกันแน่ ?
มิว่าอย่างไรนางต้องหนีไปให้ไกลจากคนอันตรายให้ได้ โดยเฉพาะในยามที่นางยังอ่อนแอเช่นนี้ !
อันหลิงเกอค่อย ๆ หลุบตาลง ยามมองไปยังเยลู่ชิงใบหน้าก็ยังเต็มไปด้วยความรักใคร่
“ยาของอาชิงวิเศษจริง ๆ ” นางเอ่ยปากชม สีหน้าของเยลู่ชิงจึงอ่อนโยนขึ้นทันที
“แต่เสื้อผ้าของแม่เปรอะเปื้อนไปหมด แม่จักไปเปลี่ยนชุดที่สะอาดเสียหน่อย เจ้ารอแม่อยู่ที่นี่ อย่าเดินเพ่นพ่านที่ไหนเล่า”
นางลูบศีรษะของเยลู่ชิงคล้ายกำลังปลอบโยน แต่เยลู่ชิงกลับพลิกมือมาจับมือของนางเอาไว้พร้อมเม้มริมฝีปากแน่น ทว่ามิได้กล่าวสิ่งใดออกมา
อันหลิงเกอมองชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าที่ชวนปวดศีรษะยิ่งนัก รับรู้แล้วว่าหลังเสือเมื่อขึ้นก็ลงยากเสียจริง
“ท่านแม่จักทิ้งอาชิง ท่านแม่มิอยู่กับอาชิง”
เขากล่าวจบก็ก้มหน้าลง เสียงใสกังวานแฝงไว้ด้วยอารมณ์เศร้าหมองจนทำให้อันหลิงเกอรู้สึกหดหู่ใจ คำพูดนี้เหมือนคำตำหนิของเด็กน้อยที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสา ทำให้คนมิอาจต้านทาน
ทว่าคนผู้นี้เป็นตัวอันตราย ไปจากเขาไกลเท่าไรได้ก็ยิ่งดี !
อันหลิงเกอเตือนตนเองอยู่ในใจ จากนั้นจึงสูดลมหายใจเข้าลึกแล้วเอ่ยออกมา “แม่จักทิ้งอาชิงได้เยี่ยงไร ? หากมิเชื่อ เจ้าก็ไปกับแม่เถิด”
เมื่อได้ฟังคำพูดของอันหลิงเกอ ดวงตาสีดำเข้มของเยลู่ชิงก็เปล่งประกายยินดีออกมาทันที ริมฝีปากสีสดโค้งเป็นรอยยิ้มอย่างมีความสุข “อืม อาชิงจักไปกับท่านแม่ขอรับ”
ต้องสลัดเขาทิ้งให้ได้ !
จากนั้นอันหลิงเกอก็รีบล้างรอยเลือดที่อยู่บนใบหน้าแล้วพาเยลู่ชิงเดินไปตามทางเข้าเมืองจิง
แสงยามราตรีค่อย ๆ แปรเปลี่ยนและจางลงจนกระทั่งพวกนางเดินเข้ามาในเมือง แสงแดดในยามเช้าก็ปลุกผู้คนให้ตื่นจากหลับใหล
ตอนนี้นางมายืนอยู่หน้าร้านเสื้อผ้าร้านหนึ่ง อยู่ ๆ ก็คิดอันใดบางอย่างขึ้นมาได้จึงหันไปสั่งเยลู่ชิง
“อาชิง เจ้ารออยู่ที่นี่และอย่าไปไหน อีกครู่เดียวแม่จักกลับมา จำไว้ว่าห้ามจ้องทำร้ายผู้อื่น แล้วห้ามฆ่าคนตามอำเภอใจเด็ดขาด ! ”
เยลู่ชิงพยักหน้าอย่างว่าง่ายพลางมองตามอันหลิงเกอเข้าไปในร้านขายเสื้อผ้า
อันหลิงเกอเข้าไปในร้านได้สักพักหนึ่ง จากนั้นจึงออกมาพร้อมชุดใหม่และก็มีเสียงตะโกนดังขึ้น
“อันหลิงเกออยู่ตรงนั้น ! ”
ในที่สุดบ่าวของจวนหลี่ก็ตามมาทันจนได้ ทุกคนพุ่งเข้าใส่อันหลิงเกออย่างเอาเป็นเอาตาย
ทำให้สีหน้าของอันหลิงเกอเปลี่ยนไปเล็กน้อย เยลู่ชิงที่ยืนอยู่ข้างกายอันหลิงเกอมิรอให้นางเอ่ยสิ่งใด นิ้วเรียวก็ยกขึ้น ฝ่ามือที่แฝงไว้ด้วยกำลังภายในแสนรุนแรงต้านรับการโจมตีของบ่าวรับใช้ราวกับพลังมหาศาลที่มิอาจต้านทานได้ ทำให้บ่าวนับสิบคนมิทันได้ตั้งตัวและถูกฝ่ามือนั้นซัดกระเด็นไปไกลหลายจั้ง !
“อันหลิงเกอ ! เจ้าคิดว่าทำร้ายนายท่านของพวกเราแล้วจักมีโอกาสรอดอีกหรือ ? ”
บ่าวที่กล่าวขึ้นนี้มิรู้ไปเอาความกล้ามาจากที่ใด ยามพูดกับอันหลิงเกอผู้เป็นถึงจวิ้นจู่ บ่าวของจวนหลี่ยังวางอำนาจราวกับว่าอันหลิงเกอเป็นเพียงแมลงที่พวกมันจักบี้ให้ตายอย่างไรก็ได้ คำพูดคำจาไร้ความเกรงใจแม้แต่น้อย
คนที่เป็นหัวหน้าคือชายวัยกลางคนรูปร่างผอมบางคนหนึ่ง เมื่อเห็นอันหลิงเกอปรากฎตัวอยู่เบื้องหน้า เขาก็กล่าวออกมาอย่างโมโห ร่างสูงกระโดดขึ้นพร้อมดาบในมือที่หมายจักฟันอันหลิงเกอ !
แต่เยลู่ชิงที่ตอนนี้มือข้างหนึ่งจับมือของอันหลิงเกอเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างยกขึ้นมาเบา ๆ แทบมิเห็นการเคลื่อนไหวของเขา ทว่าหัวหน้าบ่าวรับใช้ที่พุ่งเข้ามาอยู่ ๆ ก็ค้างกลางอากาศ จากนั้นก็ตกลงพื้นเอาเสียดื้อ ๆ
นิ้วเรียวยาวของเยลู่ชิงค่อย ๆ หุบลง อันหลิงเกอจึงได้ยินเสียงคำรามจากการถูกกระแทกอย่างชัดเจน
“เจ้าเป็นใคร ! ”
หลี่ซื่อที่จัดการให้สาวใช้ไปดูแลหลี่อวิ๋นเสร็จแล้วจึงรีบตามมาดู
นางเพิ่งมาถึงก็เห็นบ่าวรับใช้ของจวนหลี่โดนชายแปลกหน้าคนหนึ่งใช้วิชาที่มิมีแม้แต่ลมอันใดออกมาด้วยซ้ำ ยังสามารถทำให้บ่าวรับใช้ผู้นั้นตกกระแทกพื้นอย่างแรง เสียงกระแทกของบ่าวผู้นั้นเหมือนทุบลงในใจของนางจนอดเปล่งเสียงออกมาอย่างตกใจมิได้
“อันหลิงเกอ นางตัวดี ! ” เรื่องที่บิดาได้รับบาดเจ็บกลายเป็นสิ่งกระตุ้นหลี่ซื่อ ทำให้นางกล้าเรียกอันหลิงเกอว่านางตัวดีต่อหน้าผู้คนมากมาย แสดงว่าตอนนี้นางโกรธจนแทบบ้า
ทำให้แววตาของอันหลิงเกอเย็นชา แต่คนข้างกายเร็วยิ่งกว่าเพราะแขนเสื้อที่มีขนาดกว้างค่อย ๆ ยกขึ้น พลังบางอย่างที่มองมิเห็นพุ่งเข้ากระแทกตัวของหลี่ซื่อทันที
พลังภายในของหลี่ซื่อปั่นป่วนอย่างรุนแรง นางไร้วรยุทธจึงรับรู้แค่แรงที่บีบอยู่ภายในจนสุดท้ายร่างทั้งร่างก็กระเด็นไปปะทะกำแพง ดวงตาของนางเบิกกว้างอย่างตกใจพร้อมเลือดที่ไหลออกมาตรงมุมปาก นางยังมิทันได้ด่าอันหลิงเกอจนจบประโยคด้วยซ้ำ ทว่าตอนนี้ร่างทั้งร่างไถลลงตามกำแพงจนตกสู่พื้นเสียแล้ว
เมื่อเห็นเยี่ยงนั้น แววตาของเยลู่ชิงก็ทอประกายบางอย่างออกมา เมื่อหันมามองอันหลิงเกอ ดวงตาของเขาจึงได้ฉายแววอบอุ่น “นางรังแกท่านแม่ อาชิงจึงสั่งสอนนางแทนท่านแม่ขอรับ”
อันหลิงเกอมองหลี่ซื่อที่โดนซัดติดกำแพงก็ได้แต่ปิดบังท่าทางยุ่งยากใจไว้ภายใน
หากวันหนึ่งเยลู่ชิงจดจำได้ขึ้นมา…
“ท่านแม่ได้รับบาดเจ็บ” เยลู่ชิงหยิบขวดหยกออกมาอีกครั้ง จากนั้นก็มอบให้อันหลิงเกอ “ยานี้ท่านแม่ต้องพกติดตัวไว้ขอรับ”
ฝ่ามือของเขาเย็นเฉียบ อุณหภูมิต่ำกว่าคนปกติเล็กน้อย แต่การกระทำของเขาทำให้อันหลิงเกอขอบตาแดงขึ้นมา
มิว่าหลังจากที่ความทรงจำของเยลู่ชิงกลับคืนมาแล้วจักเป็นเยี่ยงไร แต่ตอนนี้เขาดีต่อนางด้วยใจจริง
นางจึงยกยิ้ม ใบหน้าของนางเมื่อรวมกับรอยยิ้มสดใสทำให้ยิ่งดูงดงามเหมือนดอกไม้ผลิบานนับพันดอก แต่เยลู่ชิงหาได้มีท่าทีตกตะลึง
“ยานี้มีสรรพคุณดียิ่งนัก หากยกให้แม่เก็บไว้ แล้วเจ้าจักทำเยี่ยงไร ? ”
แม้นางเป็นคนใจแคบ จดจำความแค้นที่ต้องชำระได้ดี แต่มิมีทางเอาเปรียบคนที่กำลังลำบากอย่างแน่นอน
เยลู่ชิงได้ฟังก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “อาชิงจักอยู่กับท่านแม่และคอยติดตามท่านแม่ตลอดไปขอรับ”
เมื่อเยลู่ชิงกล่าวจบ อันหลิงเกอก็ถอนหายใจออกมาด้วยความรู้สึกมิรู้ว่าควรทำเยี่ยงไรกับคนตรงหน้าจริง ๆ
หากบอกว่าตนมิใช่แม่ของเขาก็จักถูกเขาสังหาร แต่ถ้าบอกว่าตนเป็นแม่ของเขาก็มิสามารถสลัดเขาทิ้งได้
แล้วนางจักเอ่ยกับคนสมองกลับเช่นนี้อย่างไรดี !
กลับไปที่จวนแล้วค่อยคิดหาวิธีก็แล้วกัน
“ช่างเถิด เจ้าตามแม่มาทั้งวันคงหิวแล้ว พวกเราไปหาอันใดทานกินกันเถิด”
ส่วนคนตระกูลหลี่ที่นอนเกลื่อนอยู่บนพื้น อันหลิงเกอหาได้สนใจไม่
เมื่อชาติก่อนก็เป็นคนตระกูลหลี่ที่อยู่เบื้องหลังคอยสนับสนุนหลี่ซื่อทำให้มีอำนาจมากมายในจวนและทำให้นางโดนรังแกต่างต่างนานา สุดท้ายก็ตายด้วยน้ำมือของอันหลิงอี
และตอนนี้หลี่อวิ๋นเจ็บหนักก็เพราะเขาต้องการสังหารนางก่อนจึงสมควรตกอยู่ในสภาพเช่นนี้