บทที่ 299 จอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญเข้าสู่เขตแดนราชันเซียนนิรันดร์!
ราชันเฉียนมองไปในทิศทางของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญ ดวงตาของเขาเปี่ยมไปด้วยความเคร่งขรึม
สําหรับเขา และแม้กระทั่งสําหรับดินแดนทั้งหมดเป็นปัญหาที่ต้องดําเนินการอย่างจริงจังหากมีราชันเซียนนิรันดร์คนใหม่เพิ่มขึ้นในแดนนิรันดร์ก็คุ้มค่าที่จะชื่นชมยินดีอย่างแน่นอน
แต่ทว่าจะเกิดอะไรขึ้นหากราชันเซียนนิรันดร์คนใหม่นี้ไม่ได้เป็นคนของแดนนิรันดร์?
ด้านข้างราชันดอกบัวเห็นสีหน้าที่เคร่งขรึมของราชันเฉียนปรากฏขึ้นดูเหมือนว่าจะคิดอะไร บางอย่างสีหน้าที่มีความสุขของเขาค่อยๆลดลงจนในที่สุดสีหน้าของเขาก็เริ่มเคร่งขรึมขึ้นมา
เล็กน้อยเหมือนกับราชันเฉียน
“เจ้ากําลังสงสัยว่า.คนผู้นี้ไม่ใช่คนของแดนนิรันดร์งั้นรึ?”
แม้ว่าราชันบรรพบุรุษนิรันดร์จะไม่ได้สนใจแดนนิรันดร์มาเป็นเวลานานแต่เมื่อเห็นสีหน้าของราชันเฉียนและราชันดอกบัวแล้ว เขาก็สามารถคาดเดาเกี่ยวกับสิ่งที่ทั้งสองกําลังคิดได้
“ใช่ข้าดูแลแดนนิรันดร์มาหลายล้านปีแม้ว่าภายในแดนนิรันดร์ข้าจะไม่ได้ควบคุมทุกการเคลื่อนไหวแต่อย่างน้อยราชันเซียนนิรันดร์ของแต่ละดินแดนและแม้กระทั่งราชันผู้กําแหงที่คาด
ว่าจะสามารถก้าวไปสู่เขตแดนราชันเซียนนิรันดร์ข้าก็จ่าได้ทั้งหมด
แต่ข้าไม่เคยเห็นผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าข้าเลยแม้แต่น้อยเหมือนว่านางโผล่มาจากที่ใดก็ไม่มีใครรู้ ข้าก็เลยสงสัย”
ราชันเฉียนแสดงท่าทางเคร่งขรึม และกล่าวช้าๆ
“ข้าได้กําราบราชันผู้กําแหงจากแดนทมิฬไปหลายชีวิตในตอนที่พวกมันมายังแดนนิรันดร์
และตอนนี้ผู้หญิงคนนี้ที่อยู่ตรงหน้าพวกเราถ้านางมาจากแดนทมิฬจริงๆจะกล้าหาญขนาดนี้เชียวหรือ?”
ราชันดอกบัวพูดราวกับกําลังเกลี้ยกล่อมราชันเฉียนและเกลี้ยกล่อมตัวเองไปพร้อมๆกันอันที่จริงราชันผู้กําแหงที่แดนทมิฬส่งมายังแดนนิรันดร์อย่างเงียบๆและถูกกําราบจนสูญสิ้นไม่ใช่หนึ่งหรือสองชีวิตและหลังจากนั้นไม่นานดินแดนแห่งนี้ก็ระวังตัวเช่นกัน
เป็นเวลาหลายล้านปีมาแล้วที่ไม่เห็นแดนทมิฬส่งราชันผู้กําแหงมายังแดนนิรันดร์
สุดท้าย หากพวกเขาสามารถบรรลุผลที่น่าอัศจรรย์การส่งราชันผู้กําแหงเหล่านี้จะมีค่าตามธรรมชาติแต่ถ้าพวกเขาตายไปอย่างสูญเปล่ามันจะเป็นการดําาเนินการที่ไร้ประโยชน์สําหรับแดนทมิฬ
ราชันอมตะเหล่านั้นซึ่งมีชีวิตอยู่ในแดนทมิฬมาหลายสิบล้านปีหรือมากกว่านั้นจะไม่เข้าใจความจริงนี้อย่างงั้นรึ
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าผู้หญิงคนนี้มาจากแดนทมิฬจริงๆ นางจะกล้าก้าวข้ามเขตแดนต่อหน้าปรมาจารย์ทั้งสามได้อย่างไร?
นี่ไม่ใช่การฆ่าตัวตายหรอกงั้นรึ?
“บางที นางอาจจะมาจากพิภพเบื้องล่าง”
ราชันดอกบัวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและคาดเดา
แดนนิรันดร์นั้นกว้างใหญ่อย่างแท้จริงและพิภพย่อยๆที่อยู่ภายใต้เขตอํานาจของแดนนิรันดร์นั้นไม่ได้มีเพียงแค่แดนนิรันดร์เท่านั้น
ในบรรดาพิภพย่อยที่อยู่รอบๆแดนนิรันดร์นั้นเป็นของแดนนิรันดร์ทั้งหมด
มีเพียงพิภพเล็กๆที่ขาดพลังงานทางจิตวิญญาณและส่วนใหญ่ไม่สามารถแม้แต่จะให้กําเนิดตัวตนของเขตแดนสูงสุดได้ดังนั้นจึงไม่เกี่ยวข้องกับแดนนิรันดร์
“จากพิภพเบื้องล่าง…….”
ราชันเฉียนพึมพํากับตัวเอง แต่ก็มีความลังเลอยู่ในน้ําเสียงของเขา
สิ่งนี้อาจมีอยู่ตามธรรมชาติแต่ก็มีจํานวนน้อยเกินไป
เนื่องจากพิภพมากมายที่ล้อมรอบแดนนิรันดร์นั้นไม่ได้ทรงอํานาจมากนักแม้แต่พิภพที่แข็งแกร่งที่สุดก็แทบจะไม่สามารถให้กําเนิดตัวตนของเขตแดนสูงสุดได้
หากว่าผู้หญิงคนนี้มาจากพิภพเบื้องล่างจริงๆเนื่องเพราะเขาไม่รู้ถึงตัวตนของนางนั่นหมายความว่าอีกฝ่ายน่าจะเพิ่งมาถึงแดนนิรันดร์เมื่อไม่นานมานี้แต่ถึงกระนั้น หากนางเพิ่งมาถึงแดนนิรันดร์ได้ไม่นาน นางจะสามารถก้าวข้ามไปสู่เขตแดน
ราชันเซียนนิรันดร์ในชั่วพริบตาได้อย่างไร?
รู้หรือไม่ว่าไม่มีที่อื่นใดในพิภพที่สามารถฝึกฝนตัวตนเซียนนิรันดร์สูงสุดได้ยกเว้นแดนนิรันดร์และแดนทมิฬ!
“วันนี้ข้าได้มองเห็นความหมายที่แท้จริงของผู้กุมชะตาบางทีนางอาจได้รับบางอย่างโอกาสในการก้าวข้ามไปสู่เขตแดนราชันเซียนนิรันดร์ที่หาได้ยากหากพลาดโอกาสนี้ไปก็ไม่อาจรู้ได้ว่าโอกาสครั้งต่อไปจะมาเมื่อไหร่”
ราชันเฉียนพูดช้าๆ
การก้าวข้ามไปสู่ราชันเซียนนิรันดร์สําหรับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดเป็นสิ่งที่สามารถพบเจอได้แต่ไม่สามารถไขว่คว้าหามาเองได้
วันนี้ราชันบรรพบุรุษนิรันดร์ได้ปลุกกระแสประวัติศาสตร์อันยาวนานและมองเห็นความหมายที่แท้จริงของผู้กุมชะตาหากมีสิ่งที่จะได้รับจากอีกฝ่ายเขาย่อมจะไม่พลาดโอกาสนี้อย่างแน่นอน
แม้ว่าจะมีความเสี่ยงแต่ก็ควรใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้เพื่อก้าวข้ามเขตแดนให้ได้เพราะหากพลาดโอกาสครั้งนี้เกรงว่าชีวิตนี้จะไม่มีโอกาสก้าวข้ามไปสู่เขตแดนราชันเซียนนิรันดร์ได้อีกแล้ว ไม่มีใครยอมพลาดโอกาสนี้”ให้นางก้าวข้ามไปสู่ราชันเซียนนิรันดร์ก่อน แล้วค่อยดูประวัติศาสตร์ของนางและสํารวจอดีตของนางสิ่งต่างๆก็จะชัดเจนตามธรรมชาติ
“แม้ว่าอีกฝ่ายจะมาจากแดนทมิฬจริงๆ แต่ตอนนี้มีเราสามคน ผู้หญิงที่เพิ่งได้เลื่อนเขตแดน เป็นราชันเซียนนิรันดร์ เป็นไปได้หรือที่จะสามารถเอาชนะพวกเราได้?”
ราชันบรรพบุรุษนิรันดร์พูดอย่างใจเย็นคําพูดของเขาเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจในตนเองไม่รู้จบแม้จะไม่มีราชันเฉียนกับราชันดอกบัว แต่มีเพียงเขาคนเดียวเขาก็มั่นใจอย่างยิ่งว่าเขาจะ
สามารถกําราบผู้แข็งแกร่งที่เพิ่งก้าวขึ้นสู่เขตแดนราชันเซียนนิรันดร์ได้
“นั่นเป็นวิธีเดียว”
ราชันเฉียนพยักหน้าช้าๆเห็นด้วยกับความคิดเห็นของราชันบรรพบุรุษนิรันดร์
หากพวกเขาเคลื่อนไหวตอนนี้ย่อมสามารถขัดขวางการก้าวข้ามเขตแดนของจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญได้แต่ในกรณีนั้นโอกาสที่อีกฝ่ายจะขึ้นสู่เขตแดนราชันเซียนนิรันดร์จะหมดไปถ้าอีกฝ่ายมาจากแดนทมิฬจริงๆก็ไม่เป็นอะไรแต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ?
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าอีกฝ่ายเป็นคนของแดนนิรันดร์?
ถ้าเป็นเช่นนั้น จะไม่สูญเสียกําลังรบของแดนนิรันดร์ไปโดยเปล่าประโยชน์หรอกหรือ?
ยิ่งไปกว่านั้นกรรมและความแค้นที่เกิดจากการขัดขวางผู้ที่ก้าวข้ามไปสู่เขตแดนราชันเซียนนิรันดร์เกรงว่าจะมีแต่ความตายเท่านั้นที่จะสามารถหยุดได้!
อย่างไรก็ตามอย่างที่ราชันบรรพบุรุษนิรันดร์กล่าวไว้แม้ว่าจะประสบความสําเร็จในการก้าวข้ามเขตแดนก็ตาม แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่อีกฝ่ายเข้าสู่เขตแดนราชันเซียนนิรันดร์ต่อสู้แม้แต่ราชันเฉียนเองก็มั่นใจว่าจะสามารถกําราบอีกฝ่ายได้
และตอนนี้ ก็มีราชันบรรพบุรุษนิรันดร์ ราชันดอกบัวอยู่ข้างๆยิ่งไม่มีแรงกดดันในการกําราบคู่ในกรณีนี้การรอให้อีกฝ่ายก้าวข้ามเขตแดนได้สําเร็จและตรวจสอบอีกครั้งย่อมเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว
หลังจากตัดสินใจแล้ว ราชันเฉียนก็ได้สั่งให้ยอดฝีมือของแดนนิรันดร์ที่อยู่ใกล้เคียงบริเวณนี้ให้ออกจากสถานที่แห่งนี้โดยให้ห่างออกไปหลายล้านลี้
จากนั้น ราชันทั้งสามก็ออกไปอยู่คนละมุมโดยจอมจักรพรรดิผู้เหี้ยมหาญอยู่ตรงกลางพวกเขาต่างกลั้นหายใจและรออย่างเงียบๆ